ตอนที่ 1631 ขุมทรัพย์แห่งโลกใต้ดิน

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ขณะที่เมืองเทียนกงทั้งเมืองกำลังจะสติแตกเรื่องว่าลู่โจวไปอยู่ที่ไหน เจ้าตัวเองซึ่งอยู่ในที่ตั้งเก่าแก่ของเดอะเกตส์ออฟเฮลล์กลับลืมกาลเวลาไปจนสิ้น

แผนดวงจันทร์ยูโรปาคืออะไร?

ประชุมอะไรกัน?

ต่อหน้าเทคโนโลยีจากอารยธรรมที่สูงกว่า ไม่มีสิ่งอื่นจะสำคัญไปกว่าในสายตาของลู่โจว

เขายังจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่านายพลเรนฮาร์ทเคยพูดกับเขาว่า “ชาวดาวอังคาร” ได้ขอยืมเครื่องวาร์ปของยานอวกาศและพยายามจะใช้มันกระตุ้นให้แกนทำความเย็นของดาวอังคารทำงานขึ้นมาอีกครั้ง

แผนนี้ฟังดูค่อนข้างบ้า มันบ้าเสียจนไม่มีคนธรรมดาคนไหนที่จะคิดว่ามีโอกาสถึง 1% ที่แผนนี้จะประสบผลสำเร็จ

อันที่จริงพวกเขาก็คงจะคิดถูกแล้ว ความรุ่งเรืองสุดท้ายของอารยธรรมดาวอังคารถูกลบล้างออกไปในขณะที่ดวงดาวเหี่ยวแห้งลงไป

เดิมแล้วลู่โจวคิดว่าหากไม่มีการปกป้องชิ้นส่วนของมิติสูง แม้แต่วาร์ปไดรฟ์ที่ถูกนำออกมาจากยานอวกาศก็คงจะไม่ถูกส่งไปที่แกนกลางเพื่อทำการระเบิด ส่วนใหญ่มันก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศและแตกสลายไปตามกาลเวลา

อย่างไรก็ตาม นายพลเรนฮาร์ทบอกกับเขาอย่างค่อนข้างมั่นใจว่าเขารู้สึกได้ว่าเครื่องยังคงอยู่ที่นั่น

และมันก็อยู่ใต้ฝ่าเท้าเขานี่เอง!

“นับตั้งแต่สติของผมหลอมรวมเข้ากับยานอวกาศลำนี้ ความรู้สึกของผมก็แม่นยำยิ่งกว่าที่เคย มันเหมือนกับเซลล์หรืออวัยวะในร่างกายของผม ถ้ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับมัน ผมจะเป็นคนแรกที่รู้”

เมื่อฟังเสียงจากช่องการสื่อสาร ลู่โจวก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นโปรแกรมที่ถูกเก็บอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ของยานอวกาศหรือไม่ก็เป็นส่วนของการรับรู้ที่ติดอยู่กับยานอวกาศใช่ไหม?”

“นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก จริงๆ แล้วผมก็คิดเรื่องนี้อยู่นานแล้ว ในอดีตเมื่อสองร้อยล้านปีก่อน ผมสงสัยว่าผมเป็นผลผลิตของวัตถุนิยมหรือเปล่า… แม้ว่าการทำงานส่วนใหญ่และการยินยอมของผมจะเป็นซอฟต์แวร์ น่าสนใจพอสมควร การรับรู้ถึงโลกภายนอกของผมนั้นอยู่เหนือขอบเขตความสามารถของผม”

ราวกับว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องบางอย่างอย่างจริงจัง นายพลเรนฮาร์ทครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่นาน

เมื่อเห็นว่าเพื่อนจากจักรวาลเก่าของเขาตกอยู่ในภวังค์ ลู่โจวก็ไม่ได้รบกวนเขาและปล่อยให้เขาอยู่ลำพัง

หลังจากที่เดินอยู่ข้างหลังหลิงอยู่สักพัก ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังมาจากช่องสื่อสารอีกครั้ง

“มนุษย์มีการดำรงอยู่แบบไหน”

ลู่โจวตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง เขามองไปที่ช่องสื่อสารที่มีกลุ่มแถว ID ที่ผสมปนเปกันอยู่ด้วยท่าทีแปลกๆ และพูดว่า “มนุษย์มีการดำรงอยู่แบบไหน… ขอโทษนะครับผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร คุณช่วยบอกให้ชัดกว่านี้ได้ไหม”

จะว่าไปแล้วชาวคาลานก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกัน แล้วทำไมชายคนนี้ถึงได้ถามคำถามประหลาดเช่นนี้

“บางทีอาจจะมีความคลุมเครือในคำถามของผม สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือพวกเราประกอบขึ้นจากเซลล์นับไม่ถ้วน และแต่ละเซลล์ก็เป็นอิสระต่อกันอย่างไม่ต้องสงสัย พวกมันทำงานร่วมกันอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบขนาดมหึมาและสติการรับรู้ของเราก็เป็นผลผลิตของการประสานกันอย่างแท้จริงของเซลล์หลายพันเซลล์… ดังนั้นสติของเราคืออะไรกันล่ะ? โปรแกรมที่ถูกรวบรวมอยู่ในสมองงั้นเหรอ? หรือบางอย่างที่เป็นนามธรรมมากกว่านั้น?”

“คำถามนี้ที่ยากเกินไปที่จะเข้าใจ ผมเกรงว่าคงมีแต่นักปราชญ์เท่านั้นที่จะตอบคุณได้”

“นักปราชญ์งั้นเหรอ?” นายพลเรนฮาร์ทยิ้มนิดๆ “ผมเกรงว่านั่นอาจจะยากสักหน่อย ในอารยธรรมของเรา การเรียนปรัชญาเป็นที่นิยม แต่หลังจากที่สืบค้นในความทรงจำของผมแล้ว ผมก็ยังไม่สามารถจะหาคำตอบที่ถูกต้องได้”

“จริงเหรอ? ถ้าจะให้ผมตอบมันก็น่าจะเหมือนกับซอฟต์แวร์” ลู่โจวพูดอย่างเป็นกันเอง “เซลล์ประสาทคล้ายกับไดโอด อันที่จริงแล้วกลไกการทำงานของสมองไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์สักเท่าไร แต่มันใช้ชิ้นส่วนที่ต่างกันในการประมวลผลข้อมูล”

“คำอธิบายนี้ตื้นเกินไป” นายพลเรนฮาร์ทพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังเล็กน้อย “บางทีเมื่อคุณโตขึ้นอีกสักนิด ผมอาจจะได้ยินคำตอบที่ต่างออกไปจากคุณ ขอบคุณที่สละเวลามาอยู่กับผมมากมาย… แต่ก็นั่นแหละครับ”

ลู่โจวผู้ซึ่งมองออกไปข้างหน้าตามแสงไฟ ก็เห็นภาพเงายืนอยู่ในแสงเงา

มันเป็นลูกบาศก์สีดำเคลือบเงา ภายใต้แสงอันแวววาว ผิวโลหะนั้นถูกปกคลุมด้วยฝุ่น แต่กลับไม่มีร่องรอยของสนิมเลย

มีเส้นหลายเส้นที่ไม่เป็นระเบียบเป็นแถวๆ บนพื้นผิวของลูกบาศก์ สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือไม่ใช่ลวดลายของมัน แต่หลังจากผ่านมาหลายพันล้านปี มันกลับไม่มีรอยขีดข่วนบนนั้นเลย

เมื่อมองไปยังวัตถุประหลาดที่มนุษย์สร้างขึ้นนี้ ลู่โจวก็กระซิบเบาๆ ว่า “มันอยู่ที่นี่เหรอ?”

นายพลเรนฮาร์ทไม่ได้ตอบอะไร เขาตอบคำถามนี้ด้วยการเงียบ

หลังจากชะงักไปชั่วครู่ตรงด้านหน้าลูกบาศก์สีดำนี้ ทันใดนั้นลู่โจวก็หันไปแล้วมองไปที่หลิงซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเขา

“หลิง”

“ครับ”

“ผ่านมากี่ชั่วโมงแล้วตั้งแต่เราออกมาจากเมืองเทียนกง?”

“17 ชั่วโมง 8 นาทีครับ”

มันนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?

ฉันน่าจะขอให้อู๋ฉิงหลายช่วยเพิ่มวันหยุดอีกสักหน่อย

น่าเสียดายที่เขาอยู่ใต้ดิน เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งข้อความไป

“ของสิ่งนี้… ผมขอเอาไปด้วยได้ไหม?”

“ได้สิ แต่ทำไมต้องลำบากด้วยล่ะ?”

“หมายความว่ายังไง?”

นายพลเรนฮาร์ทไม่ได้ตอบอะไร

จู่ๆ แสงสีฟ้าเหมือนท้องฟ้าก็ทะลุผ่านกำแพงหินเหนือหัวของเขาและส่องแสงไปที่ลูกบาศก์สีดำตรงหน้าเขาอย่างช้าๆ

หลิงทำปฏิกิริยาเหมือนกับก่อนหน้านี้ เขาถอยหลังไปด้วยความกลัว

เมื่อจ้องไปยังแสงที่คุ้นตา ลู่โจวก็ขมวดคิ้วนิดๆ และมีสีหน้าประหลาดใจทันที

“นี่มันคือ?!”

“ลำแสงสแกนที่โดยทั่วไปถูกติดตั้งไว้บนยานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หรือยานหลบหนีของคาลานเอ็มไพร์ ส่วนใหญ่พวกมันถูกใช้เพื่อสแกนอุกกาบาตหรือดาวเคราะห์น้อยและแสดงโครงสร้างภายในของมัน แน่นอนว่าถ้าจำเป็น มันก็สามารถนำมาใช้เพื่อสแกนวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นได้ด้วย ตรงบริเวณชายแดนของคาลานเอ็มไพร์เรามักจะพบวัตถุทางอารยธรรมที่สิ่งมีชีวิตเก่าแก่ทิ้งเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างผลกระทบต่ออารยธรรมของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจึงมักจะก๊อปปี้วัตถุของพวกเขาไว้โดยไม่มีการเข้าไปก้าวก่าย”

“นี่มันเหลือเชื่อ… เดี๋ยวก่อน” ลู่โจวถามขึ้นทันทีหลังจากตระหนักได้ถึงบางอย่าง “ถ้าลำแสงสแกนของคุณสามารถฉายแสงมาที่นี่ได้ แล้วทำไมผมถึงต้องมาที่นี่ด้วยล่ะ?”

“ผมไม่ได้ขอให้คุณมาที่นี่ด้วยตัวเอง คุณไม่ได้มาที่นี่เพราะตัวคุณเองหรอกเหรอ? จริงๆ แล้วคุณสามารถจะนั่งอยู่ในยานอวกาศและจิบเครื่องดื่มที่หมดอายุไปหลายพันล้านปีที่แล้วก็ได้ระหว่างที่ซ่อมอุปกรณ์ที่ใช้ในอาชีพในห้องสั่งการ” นายพลเรนฮาร์ทพูดว่า “ผมนึกว่าคุณอยากจะเห็นกับตาตัวเองว่าของสิ่งนี้หน้าตาเป็นยังไง”

คิ้วของลู่โจวกระตุกอย่างแรง

“พูดง่ายๆ ก็คือ ผมต้องเดินกลับไปใช่ไหม?”

“ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมสามารถถ่ายทอดภาพไปที่เทอร์มินอลส่วนตัวของคุณได้โดยตรง… แต่ถ้าคุณอยากจะเห็นมันให้ชัดกว่านี้ ส่วนตัวผมขอแนะนำให้คุณกลับไปที่ยานอวกาศ”

ลู่โจว “…”

ให้ตายเถอะ!