ตูม!

ร่างสูงยาวของบุตรนรกมีแสงมรรคสีเลือดพลุ่งพล่าน ราวกับนายเหนือหัวแห่งแดนนี้ ผมสีเลือดทั้งหัวล้วนสาดแสงมรรคออกมา

สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าใต้เท้าเขาปรากฏแท่นบัวแท่นหนึ่ง แดงฉานราวกับเลือด สร้างจากปีกที่ทับซ้อนซึ่งปกคลุมด้วยอักษรนรกคลุมเครือแน่นขนัด

ยืนอยู่บนนั้น บุตรนรกประหนึ่งเทพ!

ชั่วขณะนี้แววตาของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าพลุ่งพล่าน เผยความตกใจ ช่างเป็นวิชามรรคที่แข็งแกร่งนัก นี่เป็นถึงวิชาที่ไร้ศัตรูในระดับอริยะแท้ เป็นวิชาของบุตรนรก

อริยะแท้คนใดที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ล้วนเป็นบุคคลแห่งยุคที่สามารถสะท้านอดีตปัจจุบัน พลังต่อสู้แข็งแกร่งจนน่ากลัว กดกำราบทั้งระดับก็ไม่ใช่เรื่องยาก!

ในเวลาเดียวกันความตกตะลึงก็แวบผ่านในดวงตาของหลินสวิน

บุตรนรกไม่เคยเข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน กลับสามารถบรรลุมกุฎอริยะ ถึงขั้นสร้างวิชาแห่งตนได้ คุณสมบัติเช่นนี้แข็งแกร่งกว่าพวกแปดยอดนภาครามเสียอีก

ทว่าไม่ทันไรจิตใจของหลินสวินก็กลับมาสงบ

พูดถึงการสร้างวิชาแห่งตน ทอดสายตามองในยุคปัจจุบัน ต่อให้เป็นในเก้าดินแดน มีใครเคยชักนำมหาเคราะห์พิบัติมาได้เพียงเพราะการสร้างวิชาแห่งตนเหมือนอย่างเขา

แทบจะไม่มี!

ต่อให้มี ก็ไม่มีทางเป็นบุตรนรกอย่างแน่นอน!

มองเพียงกลิ่นอายที่บุตรนรกเผยออกมาในตอนนี้ หลินสวินก็ตัดสินได้แล้ว

“เทพนรกเก้าทะลวง สลายดารา!”

บุตรนรกเหยียบย่างห้วงอากาศ ทั้งร่างดั่งรุ้งเทพสีเลือดสายหนึ่ง เขากดฝ่ามือลงพร้อมกับเสียงกึกก้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ประทับฝ่ามือนั่นควบรวมเป็นรูปลักษณ์แท่นบัวเทพนรก คาวเลือดพรั่งพรู เกิดปรากฏการณ์ประหลาดน่าหวาดหวั่นที่หมื่นดาราทรุดทลาย ฝ่ามือเดียวทำลายความว่างเปล่าโดยรอบ

ถ้าบอกว่าบุตรนรกก่อนหน้านี้ พลังต่อสู้เรียกได้ว่าเป็นชั้นยอดในระดับมกุฎอริยะ

เช่นนั้นเขาในตอนนี้ก็มีพลานุภาพไร้ศัตรูอย่างหนึ่ง วิชาคล้อยตามร่าง มรรคหลอมในกาย พลังผสานกับจักรวาลฟ้าดิน แข็งแกร่งจนไม่สามารถจินตนาการได้

“ค่อยน่าสนใจหน่อย”

ผมดำของหลินสวินแผ่สยาย เสื้อผ้าโบกสะบัด ซัดหมัดหนึ่งออกไป

หมัดนี้เรียบง่ายไร้ความพิเศษ ไม่มีอานุภาพใดๆ ราวกับเด็กน้อยวาดภาพเล่น

ทว่าทันทีที่หมัดนี้ออกมา ทุกคนล้วนมีความรู้สึกเหมือนเห็นมหามรรคปรากฏ รวมอยู่ในหนึ่งหมัดนี้

มหามรรคไร้นาม ฝืนเรียกว่า ‘มรรค’

และหมัดนี้ของหลินสวิน ก็ปรากฏความรู้สึกดั้งเดิม กลับคืนสู่ความแท้จริงอันสัมบูรณ์ อิสระ และล้ำลึก

ปัง!

เสียงระเบิดกึกก้อง

ประทับฝ่ามือสีเลือดกับพลังหมัดปะทะกันและแผ่กระจายออกในสังเวียนเทพมารโดยพลัน ราวกับมหาสุริยันชิงชัย ปรากฏภาพทำลายล้างฟ้าดิน

ร่างของหลินสวินขยับน้อยๆ ในใจกระจ่างแล้ว กล่าวว่า “ดูท่าวิชาแห่งตนที่เจ้าสร้างก็ไม่เท่าไหร่”

สกัดไว้ได้แล้ว!

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าสูดหายใจหนาวเยือก คนรุ่นเยาว์สมัยนี้ดุดันกว่าพวกเขาในตอนนั้นมากเกินไปแล้ว อานุภาพที่สำแดงออกมา ทำเอาพวกเขาล้วนเหลือเชื่อ

“หลินสวิน ไม่เสียทีที่เจ้าเป็นบุคคลแห่งยุคจริงๆ ฝึกปราณพร้อมกันสามสายเจ้ายังสามารถทำได้ ตอนนี้ในระดับมกุฎอริยะแท้ยังเคี่ยวกรำมหาอานุภาพแก่นแท้ของตนออกมาแล้ว หากเป็นคนทั่วไปคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าจริงๆ”

ตอนนี้บุตรนรกสีนิ่งราบเรียบ มีเพียงแววตาที่หมาดมั่นยิ่งขึ้น

“ที่น่าเสียดายคือเจ้าเจอกับข้า พลังของเจ้าก็เป็นเพียงแค่หินลับมีดเท่านั้น วันนี้ข้าจะใช้เจ้าเป็นเครื่องมือฝึกวิชาแห่งตน!”

ตูมโครม!

ยามนี้บุตรนรกลงมืออีกครั้ง

เงาร่างเขาขยายออก ราวกับเทพชั่วร้ายออกเดินทาง แขนยืนขยาย ควบรวมเป็นประทับฝ่ามืออันคลุมเครือในอากาศไกลๆ

ทันใดนั้นพลังกลางห้วงอากาศราวกับถูกชักนำ เดือดพล่านและไหลทะลัก หลอมเข้าไปในประทับฝ่ามือ สะท้อนเป็นแท่นบัวเทพนรกที่มีประกายดุจสุริยัน สาดส่องเวิ้งฟ้า!

“ท่าทะลวงที่สองแห่งเทพนรก ควงสุริยัน!”

หนี่งฝ่ามือกดลงไปเสมือนเทพนรกกำลังควงสุริยันกำราบโลก

“นี่ก็คือวิชาแห่งตน ผสานวิชากับมรรค รวมจิตและเจตนา สามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีในตัวออกมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มีอานุภาพไร้ศัตรูที่ ‘ปลายมหามรรคมีข้าเป็นยอดมกุฎ’”

มีสัตว์ประหลาดเฒ่ากึ่งจักรพรรดิทอดถอนใจ

“เปิด!”

หลินสวินไม่กลัว ท่าทางราวดั่งเจินหลง อานุภาพดุจเทพมาร เคลื่อนผ่านห้วงอากาศ ชูกำปั้นโจมตีออกมาอย่างตรงไปตรงมา

พลังหมัดและประทับฝ่ามือเข้าปะทะกัน สุดท้ายค่อยๆ สลายไปในห้วงอากาศว่างเปล่า คลื่นทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวนั่น ทำเอาสังเวียนเทพมารสั่นไหวไปครู่หนึ่ง

ตึงๆๆ ภายในละอองแสงที่โปรยปราย เงาร่างหลินสวินถอยออกไปหลายก้าว เสื้อผ้าทั้งชุดโบกสะบัดจนเกิดเสียงดัง

สำหรับคนนอก ในการปะทะครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเขาเสียเปรียบ

สัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนไม่น้อยตึงเครียดขึ้นมา

“ท่าทะลวงที่สาม กำราบนรก!”

บุตรนรกในยามนี้อานุภาพไร้จำกัด แสงมรรคสีเลือดล้นท่วมฟ้าพลุ่งพล่านไปทั้งกาย หนึ่งฝ่ามือหนึ่งออกไป ราวกับกักขังฟ้าดิน หมายจะหลอมสรรพสิ่งบนโลก

หลินสวินสีหน้าไม่ดีใจหรือเสียใจ พลังอริยะพวยพุ่งดั่งคลื่นคลั่ง นิ้วหนึ่งทะลวงอากาศกระแทกประทับฝ่ามือที่โจมตีลงมาจากฟ้าทันใด

ปัง!

ร่างของหลินสวินถอยร่นไปสามจั้ง

ส่วนบุตรนรกอานุภาพดุจสายรุ้ง กดข่มโจมตีไม่มีลังเล สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาและไอสังหาร

ท่าทะลวงที่สี่ แยกหยินหยาง

ท่าทะลวงที่ห้า ป่วนปัญจธาตุ

ท่าทะลวงที่หก สังหารเทพผี

ท่าทะลวงที่เจ็ด…

ทุกฝ่ามือที่ซัดออกไป แท่นบัวเทพนรกก็จะปรากฏอานุภาพที่แตกต่างกัน วิวัฒน์เป็นพลังอันยอดเยี่ยม มีอานุภาพกวาดซัดเก้าฟ้า ทำลายทุกสิ่งอย่าง

นี่ก็คือวิชาแห่งตนของบุตรนรก ใช้แท่นบัวเทพนรกเป็นแหล่งกำเนิด รวมเก้าประทับฝ่ามือ ทุกการโจมตีล้วนมีความมหัศจรรย์ไร้จำกัดซุ่มซ่อนอยู่ภายใน

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่ามองจนอึ้งงัน ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้หลินสวินยังมีพลังที่สามารถประชันและกำราบบุตรนรกได้ เช่นนั้นตอนนี้ก็ตรงกันข้ามโดยสมบูรณ์

เหมือนเช่นตอนนี้ หลินสวินตกเป็นฝ่ายถูกกระทำโดยสมบูรณ์แล้ว ถูกบุตรนรกใช้วิชาแห่งตนกำราบอย่างมั่นคง เงาร่างสะเทือนถอยเป็นระยะ

พวกซุ่นจี้และฮูหยินมู่ต่างอดกังวลไม่ได้

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น บุตรนรกที่อานุภาพดั่งสายรุ้งก็ตะโกนออกมา “ท่าทะลวงที่เก้า หมื่นกาลพินาศ!”

ตูม!

ครั้งนี้ประทับฝ่ามือหนึ่งเปลี่ยนเป็นแท่นบัวปานบดบังฟ้าดิน โจมตีลงจากกลางอากาศ พลานุภาพของการโจมตีนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าไม่ใช่แค่เท่าเดียว!

สัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนไม่น้อยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เตรียมพร้อมลงมือแล้ว

เพราะฝ่ามือนี้น่ากลัวเกินไป ความแข็งแกร่งของพลังทำให้สังเวียนเทพมารที่ยิ่งใหญ่สั่นไหวขึ้นมาพลัน!

เพียงแต่เหนือความคาดหมายของทุกคน หลินสวินไม่หลีกไม่หนี สีหน้ายิ่งไม่เห็นความลนลานแม้แต่เสี้ยวเดียว กลับเผยแววเยาะเย้ยออกมา

วิชาแห่งตน อาจเป็นวิชาที่เชื่อมสู่ระดับไร้ศัตรูของระดับนี้

ทว่าวิชานี้ ก็มีการแบ่งระดับสูงต่ำ!

อย่างน้อยจากการปะทะแต่ละครั้งก่อนหน้านี้ ได้ทำให้หลินสวินเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้วว่า วิชาแห่งตนของบุตรนรกก็แค่เท่านี้จริงๆ

ควรรู้ว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ หลินสวินไม่ได้ใช้นัยเร้นลับของคัมภีร์เตาหลอมมหามรรค ก็สกัดอานุภาพโจมตีของบุตรนรกได้แล้ว!

พูดแล้วเหมือนช้าแต่ความจริงนั้นว่องไว่ยิ่ง กระบวนท่าทะลวงที่เก้าของบุตรนรกโจมตีมาถึงแล้ว พลังเทียมฟ้า กลิ่นอายทำลายล้างปั่นป่วนห้วงอากาศ

หลินสวินไม่ออมมืออีกต่อไป ปล่อยหมัดเรียบง่ายออกไปอีกครั้ง

เพียงแต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ สัจวิถีและแก่นจริงแท้ของหมัดนี้แตกต่างไปโดยสมบูรณ์ ราวกับเตาหลอมฟ้าดิน สามารถบรรจุหมื่นมรรคหมื่นวิชาไว้ภายใน

ตูมโครมโครม!!

เสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้อง ในสังเวียนเทพมารเต็มไปด้วยภาพประหนึ่งปั่นป่วน สั่นสะเทือน และทำลายล้าง กระแสแสงมรรคจำนวนนับไม่ถ้วนม้วนออก เพียงแค่คลื่นกระทบที่แผ่ออกมาก็สามารถสังหารอริยะแท้ทั่วไปทุกคนจนราบคาบแล้ว

สิ่งที่ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอึ้งคือ เมื่อทุกอย่างสงบลง หลินสวินที่ถูกพวกเขามองว่าตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ตอนนี้กลับยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีบาดเจ็บแม้แต่น้อย เงาร่างราวกับเตาหลอมใหญ่ที่พาดขวางหมื่นกาล ไม่เกรงกลัวคลื่นลมที่พัดพาจากแปดทิศ

ส่วนอีกด้าน…

ร่างของบุตรนรกววนเซถอยออกไปเหมือนถูกพายุพัดม้วน จนกระทั่งถอยห่ายไปสิบกว่าจั้งถึงทรงตัวได้

เพียงแต่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ กล่าวว่า “นี่เป็นไปไม่ได้!”

ในน้ำเสียงล้วนยากจะเชื่อ

เมื่อไม่นานมานี้เขาสร้างวิชาแห่งตนได้ ก็คิดไปเองว่าในระดับมกุฎอริยะแท้ ตนได้ก้าวสู่ธรณีประตูที่ไร้ศัตรูแล้ว ทอดสายตามองไปทั่วหล้า ล้วนเรียกได้ว่าเป็ฯอันดับหนึ่งในระดับนี้

อันที่จริงในการโจมตีก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาสะใจอย่างที่สุดจริงๆ กำราบหลินสวินจนแทบเงยหน้าไม่ขึ้น!

โดยเฉพาะตอนที่สำแดงท่าทะลวงที่เก้าแห่งเทพนรก เดิมเขาคิดว่าจะตัดสินแพ้ชนะ กำราบหลินสวินให้คุกเข่าลงพื้นได้แล้ว

แต่ในการโจมตีที่เขาภาคภูมิใจที่สุดนี้กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น!

การโจมตีที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ ทำเอาบุตรนรกยังงุนงง

ไม่เพียงแค่เขา สัตว์ประหลาดเฒ่าในลานเดิมทีก็เตรียมพร้อมลงมือช่วยเหลือแล้ว กังวลว่าหากบุตรนรกลงมือรุนแรงเกินไป จะทำให้หลินสวินบาดเจ็บและสิ้นชีพได้

แต่ใครจะคิดว่ากลับเกิดเหตุเช่นนี้!

“ดูท่าฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าก็มีเพียงเท่านี้แล้ว… ช่างเถอะ วันนี้ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ให้เจ้าได้เปิดโลกว่าอะไรคือวิชาแห่งตนที่แท้จริง”

เสียงราบเรียบของหลินสวินดังขึ้นในสังเวียนเทพมาร

ประโยคเดียวทำเอาฟ้าดินตื่นตะลึง!

เจ้าหนูนี่ก็สร้างวิชาแห่งตนแล้วหรือ

สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นตาค้าง

ครู่ต่อมาพวกเขาก็เห็นว่าเงาร่างหลินสวินขยายขึ้นกลางอากาศ

ฮูม…

ในร่างของเขามีเสียงกึกก้องปานมหาสมุทรซัดสาดดังออกมา พลังขับเคลื่อนรอบตัวราวกับลุกโชนเดือดพล่าน ทั้งตัวปรากฏอานุภาพยิ่งใหญ่ไม่อาจควบคุม

เหมือนเตาหลอมพาดผ่านห้วงอากาศ สามารถกำราบอดีต ปัจจุบันและอนาคต!

ทันทีที่อานุภาพน่ากลัวนั่นแผ่ออกมา กลางฟ้าดินพลันปกคลุมด้วยความสยดสยองชั้นหนึ่ง ในใจสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นล้วนสั่นไหว

นี่มันวิชาอะไร

เหตุใดกลิ่นอายของมันถึงได้คลุมเครือและน่ากลัวขนาดนี้

เมื่อมองหลินสวินอีกครั้ง เงาร่างยืนอยู่กลางอากาศ มีอานุภาพที่ผงาดเหนือภูผาธารา ควบคุมจักรวาล แตกต่างกับก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์แล้ว

“เจ้าหนูนี่ เก็บงำพลังลึกล้ำยิ่ง!”

ซุ่นจี้จุ๊ปาก

“ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งดี หลุดพ้นปุถุชนบรรลุอริยะไม่ยาก พลิกกลับจากอริยะสู่คนธรรมดากลับยากมาก เจ้าหนูนี่แม้อยู่ในระดับอริยะแท้ก็สามารถควบคุมอานุภาพได้ตามใจแล้ว”

ฮูหยินมู่วิจารณ์เสียงเนิบ

ยามนี้บุตรนรกที่อยู่ในสังเวียนเทพมารคล้ายเผชิญศัตรูตัวฉกาจ สีหน้าตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ความเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายของหลินสวินทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันอย่างที่สุด แทบจะเป็นไปตามสัญชาติญาณ เขาจู่โจมเต็มกำลังอย่างไม่ลังเลสักนิด ราวกับสู้สุดชีวิต พลังรอบตัวปลดปล่อยออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ฮู่ว!

บุตรนรกสูดหายใจเข้าลึกๆ กลางฝ่ามือส่งประทับเก้าสายออกมาทันที ทุกประทับล้วนปรากฏแท่นบัวเทพนรกที่ศักดิ์สิทธิ์และมหัศจรรย์ยิ่งแท่นหนึ่ง

ทันทีที่ประทับฝ่ามือเก้าสายปรากฏ ฟ้าดินล้วนสะเทือน แปดทิศหม่นสี

อานุภาพแห่งห้วงอากาศไพศาลเพียงใด แต่ตอนนี้กลับถูกบุตรนรกใช้เป็นพลังของตน จิตใจล้วนจดจ่อในการโจมตีนี้

“รวม!”

บุตรนรกตะโกน ประทับเก้าสายพลันรวมเป็นหนึ่ง เปลี่ยนเป็นแท่นบัวสีเลือดที่เปล่งแสงอร่ามราวกับหล่อจากหยกงามสีเลือด ปกคลุมด้วยอักษรนรกแน่นขนัด งดงามเรืองรอง

“ไป!”

เขาเพียงคิด แท่นบัวนี้ก็นี่หาเป้าหมายเจอในทันที ทะยานอากาศขึ้นไป โจมตีเข้าใส่หลินสวิน

นี่เป็นไพ่ตายของบุตรนรกอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งรวบรวมพลังทั้งร่างเอาไว้ ความรุนแรงของอานุภาพสามารถสะเทือนโลก!

เห็นภาพนี้ ทุกคนต่างกลั้นหายใจ

——