WSSTH ตอนที่ 3,266 : ผลอมตะอัสนีบาตม่วง
“เป็นไปไม่ได้!”
แรกได้ยินคำของเหลยอิง หลิงหูหยวนก็โพล่งคำเป็นไปไม่ได้ออกมาก่อนใดอื่น นางมองเหลยอิงด้วยสายตาไม่เชื่อเพราะคิดว่าเหลยอิงกำลังเข้าข้างฮ่วนเอ๋อ
“ศิษย์น้องหญิงหลิงหู…”
เหลยจวิ้นถอนหายใจ “เมื่อครู่เจ้าตกอยู่ในวิชามายาของศิษย์น้องเล็กถึง 3 ลมหายใจ…หากนางคิดจะฆ่าเจ้า ป่านนี้เจ้าคงไม่รอด”
“หากเป็นการต่อสู้ถึงตายจริงๆ เจ้ากลายเป็นศพไปแล้ว…”
เหลยจวิ้นกล่าว
หลิงหูหยวนแม้จะได้ฟังคำของเหลยจวิ้นแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ และคิดว่าอีกฝ่ายอาจร่วมมือกับเหลยอิงหลอกนาง
อย่างไรก็ตามพอสายตานางหันไปมองซีเหมินหลิงเจี๋ยกับฮ่าวเหวิน และพบว่าทั้งคู่ก็พยักหน้าให้เบาๆ นางจึงรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่อาจารย์กับเหลยจวิ้นบอก เป็นความจริง
“เจ้าใช้วิชาผีสางอันใดกัน?”
หลิงหูหยวนมองจ้องฮ่วนเอ๋อ กล่าวถามออกไปด้วยยสีหน้าจริงจัง ต้องทราบด้วยว่านางไม่เคยพบเจอวิชาลวงตาที่ไม่มีร่องรอยอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
กระทั่งฉากที่นางแลเห็นเมื่อครู่ มันเสมือนเกิดขึ้นจริงๆไม่ใช่มายา ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ก็ไม่มีใครแปลกปลอม ทุกอย่างไม่ต่างอะไรจากของจริง มีแค่สตรีชุดขาวเท่านั้นที่แปลกไป จากสภาพยักแย่ยักยันกลับมาเป็นปกติไร้แม้แต่รอยเปื้อน…ซ้ำร้ายอีกฝ่ายยังชมมองนางราวดูละครลิง!
“เจ้าไม่อาจทำลายวิชาลวงตาของฮ่วนเอ๋อ หรือไม่แม้แต่จะรู้ตัวว่าตกอยู่ในภาพมายาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด”
ฮ่วนเอ๋อไม่ทันได้ตอบอะไร เหลยอิงก็เหลือบมองหลิงหูหยยวนพลางกล่าวเสียงเรียบ “ฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่ยากจะพบพานในรอบหลายล้านปีของเผ่าจิ้งจอกมายา…และจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานั้น ก็คือ ‘สัตว์เทพ’ ที่ยากพบพานในระนาบเทวโลกแห่งนี้”
“สัตว์เทพ!?”
ทันทีที่วาจาดังกล่าวของเหลยอิงดังออกมา ไม่เพียงหลิงหูหยวนเท่านั้นที่ตกตะลึง พวกเหลยจวิ้นกับศิษย์อีก 3 คนก็ตกตะลึงไปเป็นแถบ
เผ่าจิ้งจอกมายานั้น พวกมันเคยได้ยินมาก่อน จึงรู้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพลังอำนาจพอตัว แต่กระนั้นก็เป็นแค่ขุมกำลังระดับ 1 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแค่ขุมกำลังระดับ 1 แต่สายเลือดจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่จะปรากฏขึ้นในรอบหลายล้านปีของเผ่าจิ้งจอกมายาก็ร้ายกาจมาก! พวกมันเองก็เคยได้ยินเรื่องราวพวกนี้มาแล้ว…
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้พวกมันตกใจจริงๆก็คือคำว่า สัตว์เทพ ที่เหลยอิงพึ่งกล่าวออกมา
สัตว์เทพ…นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือกว่าสัตว์อมตะ!
สัตว์เทพที่ว่า หากไม่เกิดเรื่องอะไร เมื่อเติบโตเต็มวัยแล้วส่วนมากมักจะทะลวงผ่านขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ เข้าสู่ขอบบเขตเทพได้สำเร็จ กลายเป็นตัวตนที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของระนาบเทวโลก!
ทว่าตอนนี้อาจารย์ของพวกมันพึ่งจะบอกว่า ศิษย์น้องเล็กคนนี้…เป็นสัตว์เทพ!?
ศิษย์ของเหลยอิงทั้งหมดตกใจครั้งใหญ่ ทว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไม่ได้เผยท่าทีแปลกใจอะไร เพราะทั้งคู่รู้เรื่องพวกนี้มานานแล้ว
โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียน
นานมาแล้วเขาเคยถามฮ่วนเอ๋อว่าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาเป็นสัตว์อมตะที่มีระดับพลังสูงสุดคืออะไร หากแต่ฮ่วนเอ๋อกลับบอกเขามาก่อนเลยว่า จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาไม่ใช่สัตว์อมตะ แต่เป็นสัตว์เทพ!
และตอนที่เขาได้รับวารีเทพชำระโลกาจากในซากระนาบเทวโลก อีกฝ่ายก็บอกเขาได้ทันทีว่าฮ่วนเอ๋อเป็นสัตว์เทพ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้แปลกใจอะไร
“ฮ่วนเอ๋อเอาชนะเจ้า 3 ได้…เช่นนั้นจากนี้ต่อไปฮ่วนเอ๋อจักเป็นศิษย์ลำดับที่ 3 ของข้า”
ทันใดนั้นเองเหลยยอิงก็หันไปมองหลิงหูหวนและประกาศว่า “สำหรับเจ้า 3 แต่นี้ต่อไปเจ้าจักกลายเป็นศิษย์ลำดับ 4!”
พอกล่าวจบคำ เหลยอิงก็หันไปมองฮ่าวเหวิน “ส่วนฮ่าวเหวิน คือศิษย์ลำดับ 5”
“ศิษย์น้องหญิง 3”
“ศิษย์น้องหญิง 3”
พอเสียงประกาศของเหลยิงดังจบคำ ทั้งเหลยจวิ้นกับซีเหมินหลิงเจี๋ยก็เปลี่ยนคำเรียกหาอ่วนเอ๋อทันที
ส่วนหลิงหูหยวนก็ได้แต่เรียกฮ่วนเอ๋อว่าศิษย์พี่หญิง 3 ด้วยท่าทางน้ำเสียงเต็มใจสักเท่าไหร่ อีกทั้งยามมองไปยังฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง ความอิจฉาในแววตายิ่งมาก็ยิ่งรุนแรงแล้ว
‘หลิงหูหยวนผู้นี้…’
ความอิจฉาของหลิงหูหยวนที่มีต่อฮ่วนเอ๋อ ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ ในแววตายังฉายแสงเย็นวาบหนึ่ง
หวังว่าหลิงหูหยวนจะไม่ทำอะไรโง่ๆอย่างคิดร้ายต่อฮ่วนเอ๋อก็แล้วกัน ไม่งั้นเขาไม่ปล่อยนางไปแน่นอน!
“ฮ่วนเอ๋อ ต่อไปเจ้าก็อยู่บ่มเพาะกับข้าที่นี่เถอะ”
เหลยอิงยิ้มกล่าวกับฮ่วนเอ๋อ
และคำชวนดังกล่าวของเหลยอิง ก็ทำให้ความอิจฉาในแวววตาของหลิงหูหยวนแรงกล้าขึ้นไปอีก ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้ก็มีแค่ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองเท่านั้น ที่สามารถมาฝึกฝนบ่มเพาะพลังที่นี่ได้ตามใจชอบ
เพราะพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศของที่พักบ่มเพาะของเหลยอิง มันหนาแน่นกว่าที่อื่น
“ไม่ล่ะ”
ได้ยินคำชวนของเหลยอิง ฮ่วนเอ๋อก็ส่ายหัวไปมา “ข้าจะอยู่บ่มเพาะกับพี่หลิงเทียน”
ฮ่วนเอ๋อนั้นแน่นอนว่าไม่อยากแยกจากต้วนหลิงเทียน กระทั่งอยากอยู่บ่มเพาะกับต้ววนหลิงเทียนมากกว่าที่ใดในโลก เพราะจะทำให้นางเพิ่มพูนพลังฝึกปรือได้รวดเร็วที่สุด!
ถึงแม้สภาพแวดล้อมของที่พักบ่มเพาะเหลยอิงจะดี แต่ให้ไปเทียบกับพลังวิญญาณฟ้าดินที่ท่วมท้นอยู่ในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียนแล้ว มันไม่คู่ควรให้กล่าวถึงด้วยซ้ำ
เพราะไอพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียน คือไอพลังวิญญาณฟ้าดินจากซากระนาบเทพ
และระนาบเทพ ก็คือดินแดนที่เหล่าเทพฝึกฝนบ่มเพาะ
คุณภาพของพลังวิญญาณฟ้าดินนั้น ไม่ใช่อะไรที่พลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทวโลกจะเอาไปเทียบได้เลย
“ตามใจเจ้า”
หากเหลยอิงได้ยินคำปฏิเสธของฮ่วนเอ๋อก่อนจะได้รู้ว่านางเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ในใจต้องบังเกิดความไม่พอใจอยู่หลายส่วนแน่ เมื่อโดนปฏิเสธแบบนี้
แต่ตอนนี้พอรับทราบว่าฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา นางย่อมยินนยอมตามใจฮ่วนเอ๋อทุกอย่าง ขอแค่ฮ่วนเอ๋อยอมรับว่าเป็นศิษย์ของนางก็พอ
ยิ่งไปกว่านั้น วันหน้าขอเพียงนางเอาใจใส่แลดูแลฮ่วนเอ๋อมากๆหน่อย นางเชื่อว่าการจะสนิทสนมกับฮ่วนเอ๋อย่อมไม่ใช่เรื่องยาก!
สำหรับนางแล้ว การสนิทสนมกับตัวตนที่จะกลายเป็นเทพในอนาคต มีแต่เรื่องดีไม่มีเรื่องเสียแม้แต่น้อย
กระทั่งถึงขั้นที่วันหนึ่งหลังฮ่วนเอ๋อบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว บางทีฮ่วนเอ๋ออาจจะให้คำชี้แนะล้ำค่ากับนาง ทำให้นางมีโอกาสทะลวงถึงขอบเขตเทพก็เป็นได้!
การทะลวงสู่ขอบเขตเทพ เป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของจักรพรรดิอมตะทั้งมวลในระนาบเทวโลก
อย่างไรก็ตาม ในระนาบเทวโลกแห่งนี้ตัวตนจักรพรรดิอมตะที่ทะลวงถึงขอบเขตเทพได้มันช่างมีน้อยเหลือเกิน
“เอาล่ะฮ่วนเอ๋อ ไม่ว่าเจ้าจักอยู่ที่ใดเพียงจำไว้อย่างเดียว เจ้าคือศิษย์ของข้าเหลยอิง…วันหน้า ไม่ว่าเจ้ามีปัญหาอันใด สามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
เหลยอิงโบกมือเบาๆ จากนั้นก็ปรากฏลูกแก้ววิญญาณขึ้นมา “ฮ่วนเอ๋อ พวกเรามาแลกลูกแก้ววิญญาณกันไว้ก่อน…เวลาเจ้ามีปัญหาอะไร จักได้ติดต่อหาข้าง่ายๆ”
หลังแลกลูกแก้ววิญญาณแล้ว เหลยอิงก็หงายฝ่ามือ ทันใดนั้นเองก็ปรากฏผลไม้อมตะแลดูไม่ธรรมดาผลหนึ่งลอยล่องเหนือฝ่ามือ ตัวผลเต็มไปด้วยเส้นสายอัสนีสีม่วงแลบลั่นแปลบปลาบ ยังส่งกลิ่นหอมสดชื่นออกมาขจรขจาย
“ฮ่วนเอ๋อ นี่เป็นของขวัญแรกพบจากครู”
เหลยอิงกล่าวด้วยยรอยยิ้ม ขณะยื่นส่งผลไม้อมตะในมือให้ฮ่วนเอ๋อ “นี่เรียกว่าผลอมตะอัสนีบาตม่วง ข้าบังเอิญได้มันมาเมื่อหลายพันปีก่อน…”
ผลอมตะอัสนีบาตม่วง!
วินาทีที่เหลยอิงนำผลไม้อมตะออกมายื่นส่งให้ฮ่วนเอ๋อ ไม่เพียงแต่สายตาหลิงหูหยวนจะฉายความอิจฉามากขึ้นเท่านั้น กระทั่งศิษย์อีก 3 คนที่เหลือของเหลยอิงก็มองจ้องไปยังผลไม้อมตะดังกล่าวด้วยความสนใจ
ผลอมตะอัสนีบาตม่วง เป็นหนึ่งในผลไม้อมตะระดับแถวหน้าสำหรับด่านพลังจอมราชันอมตะ เพราะมันสามารถช่วยส่งเสริมพลังฝึกปรือให้จอมราชันอมตะเป็นอย่างมาก
หลังมองอยู่ครู่หนึ่ง เหลยจวิ้นกับซีเหมินหลิงเจี๋ยก็ถอนสายตากลับมา เพราะผลอมตะอัสนีบาตม่วงไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับพวกมัน
จะซีเหมินหลิงเจี๋ยก็ดี เหลยจวิ้นก็ดี ล้วนบรรลุถึงด่านพลังจักรพรรดิอมตะเรียบร้อย
“ขอบคุณ ครูมาก”
ฮ่วนเอ๋อเองก็รู้ดีถึงประโยชน์ของผลอมตะอัสนีบาตม่วง สองตากลมใสเป็นประกายวับวาว พุ่งมือไปคว้ามาเร็วไว
“ฮ่วนเอ๋ออย่าได้เกรงใจ ต่อไปเจ้าจำไว้ให้ขึ้นใจ ว่าในวังเทียนฉือแห่งนี้เจ้าเป็นศิษย์ของข้า…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้ามีข้าจักพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง หนุนหลังเสมอ”
เหลยอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อือ”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้า
“ศิษย์น้องหญิงฮ่วนเอ่อ หากศิษย์อัจฉริยะคนใดกล้ามาหาเรื่องเจ้า มาหาศิษย์พี่รองได้เลย…ศิษย์พี่ใหญ่อายุเกือบพันปีและกำลังจะออกจากตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะแล้ว แต่เหลยจวิ้นผู้นี้ยังมีอายุเพียง 800 ปีเท่านั้น”
เหลยจวิ้นกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ขอบคุณศิษย์พี่รอง”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้าอีกรอบ
ครู่ต่อมากลุ่มคนก็แยกย้ายกันไป
และก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไป นอกจากหลิงหูหยวนแล้ว ฮ่าวเหวิน เหลยจวิ้นรวมถึงซีเหมินหลิงเจี๋ย ก็มาแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับฮ่วนเอ๋อ
แน่นอนว่าพวกมันเป็นฝ่ายริเริ่มขอแลก
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนสังเกตว่า เหลยจวิ้น ลูกชายของเหลยอิงนั้น ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนตั้งแต่ต้นจนจบ และในตอนที่เขาเหินร่างจากมาพร้อมฮ่วนเอ๋อ เขาก็สังเกตเห็นแสงแห่งความอิจฉาริษยาหนึ่งเรืองขึ้นในส่วนลึกของลึกตาอีกฝ่าย
‘เสน่ห์ของฮ่วนเอ๋อยังคงเหลือร้ายจริงๆ…’
ด้วยเป็นบุรุษเหมือนกัน ตั้งแต่ที่เห็นเหลยจวิ้นออกตัวปกป้องฮ่วนเอ๋อกับหลิงหูหยวนก่อนหน้านี้ ต้วนหลิงเทียนก็พอจะรู้แล้วว่าในใจอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
อีกทั้งตอนที่เขาพาฮ่วนเอ๋อจากไป เขายังสังเกตเห็นสายตาเยียบเย็นของหลิงหูหยวนที่ใช้มองอ่วนเอ๋ออีกด้วย ก็ทำให้เขาทราบได้ทันทีว่าในใจนางไม่พ้นต้องอิจฉาริษยาฮ่วนเอ๋อมาก จนเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังแล้ว!
‘หลิงหูหยวน หากเจ้าอยู่เงียบๆสงบๆไม่ทำอะไรก็แล้วไป…แต่ถ้าเจ้าคิดไม่ซื่อเมื่อไหร่ ก็อย่าได้โทษที่ข้าจะหาโอกาสส่งเจ้าไปตามทาง!’
ถึงแม้จะเป็นภายในวังเทียนฉือแห่งนี้ แต่หากเขาต้องการฆ่าหลิงหูหยวนที่เป็นแค่จอมราชันอมตะ เขาก็สามารถร่วมมือกับฮ่วนเอ๋อเพื่อเก็บนางได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆให้สืบสาว
ฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา นางมีทักษะมายาอันไร้คู่เปรียบ บวกกับพลังที่เขาซุกซ่อนเอาไว้ ต่อให้เป็นจักรพรรดิอมตะทั่วๆไป เขาก็ส่งไปตามทางได้ไม่ยากเย็น…
หลังกลับมาถึงยอดเขาอันเป็นสถานที่บ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนในเขตของฉือหล่างแล้ว ฮ่วนเอ๋อก็หยิบผลอมตะอัสนีบาตม่วงออกมาส่งให้ต้วนหลิงเทียน “พี่หลิงเทียนผลอมตะให้ท่าน”
“ฮ่วนเอ๋อข้าขอรับไว้แค่ความหวังดีของเจ้าก็พอ…ผลอมตะอัสนีบาตม่วงนี่ จะอย่างไรก็เป็นของขวัญแรกพบที่เหลยอิงให้เจ้า เช่นนั้นเจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม
“พี่หลิงเทียนความเร็วในการบ่มเพาะของข้าสูงกว่าท่าน…และผลอมตะอัสนีบาตม่วงก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อข้าเหมือนท่าน”
ฮ่วนเอ๋อกล่าวยืนกรานออกมาอย่างดื้อรั้น “หากพี่หลิงเทียนไม่เอา ฮ่วนเอ๋อจะทุบแล้ว”
ฮ่วนเอ๋อกล่าวจบก็เผยสายตาแน่วแน่ออกมา ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง ด้วยไม่ทราบว่านางไปหัดใช้ลูกไม้แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
ในอดีตเขาก็เคยทำแบบนี้ เพื่อให้นางรับผลไม้อมตะ…
มาตอนนี้ดูเหมือนฮ่วนเอ๋อจะจดจำและนำมันมาใช้บ้างแล้ว…
“ฮ่วนเอ๋อ พี่หลิงเทียนพูดกับเจ้าตรงนี้ไว้ชัดๆเลย…ครั้งหน้าไม่ว่าพวกเราจะได้รับผลไม้อมตะอะไรมา ก็ถึงตาเจ้าใช้มันเข้าใจหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนรับผลอมตะอัสนีบาตมาถือไว้ พลางกล่าวด้วยสายตาจริงจัง “ต่อไปพวกเราได้ผลไม้อมตะอะไรมาก็ผลัดกันใช้ ไม่มีให้ใครมากกว่า…เจ้าเข้าใจรึยัง?”
“ฮ่วนเอ๋อเข้าใจแล้ว พี่หลิงเทียนท่านรีบกินเร็ว…ด้วยพลังของผลอมตะอัสนีบาตม่วงกับไอพลังวิญญาณฟ้าดินจากโลกใบเล็กของท่าน ไม่นานท่านต้องทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 5 องค์ประกอบได้แน่!”
ฮวนเอ๋อยิ้ม
“มันจะง่ายแบบนั้นที่ไหนล่ะ…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา เขาพึ่งทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 4 รูปได้ก็ก่อนจะเข้าร่วมวังเทียนฉือเท่านั้น
ถึงจะใช้ผลอมตะอัสนีบาตม่วง ก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 5 องค์ประกอบ
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อกำลังจะเตรียมตัววบ่มเพาะพลังนั้นเอง ฮ่วนเอ๋อก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “พี่หลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อได้รับข้อความจากอาวุโสของตำหนักลองกระบี่…”