ตูม!

ลิงยักษ์สีดำทะยานสู่ฟากฟ้า เหยียดแขนออกไปราวเสาค้ำสวรรค์

กำปั้นที่เหมือนภูเขาลูกย่อมๆ ของมันหมุนเหวี่ยงไปมาอย่างดุดันเรียบง่าย ซัดสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งลอยออกไปตรงๆ ร่างกายระเบิดออกกลางอากาศ ฝนโลหิตสาดกระจาย จิตสิ้นวิญญาณสลาย

“ถุย! พวกไก่อ่อนระดับราชันอริยะยังกล้าเข้ามายุ่งในการต่อสู้เช่นนี้ด้วย แม่งขวางหูขวางตาจริงๆ!”

ลิงยักษ์สีดำสบถเหี้ยมเกรียมออกมาคำหนึ่ง สีหน้าป่าเถื่อนและดูหมิ่น

เคร้ง!

อีกด้านหนึ่ง ทวนสำริดเปื้อนเลือดที่ไม่สมบูรณ์นั้นพุ่งวาบแหวกผ่านฟากฟ้า ปลายทวนแผ่แสงทมิฬเยียบเย็นน่าหวาดกลัว ใบหน้าซีดเผือดแปลกประหลาดหนึ่งปรากฏ ในดวงตาคือแสงโลหิตผิดแปลก

ทวนเล่มนี้คือสิ่งลึกลับเกินคาดเดาที่สุดในป่าต้นหม่อน แม้ว่ามันจะบกพร่อง แต่ราวกับมีสติปัญญา มีพลังเจตจำนงที่น่าหวาดกลัว

ปึง!

พริบตานั้นเกราะหัวใจที่อยู่ตรงหน้าสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งแตกละเอียด หน้าอกถูกทวนเดียวทะลวงผ่าน ร่างกายของเขาถูกยกขึ้น ส่งเสียงหวีดร้องโหยหวนด้วยหวาดผวา

ขณะเดียวกันในทิศทางอื่น งูมังกรสีทอง นกเสวียนขาวหิมะ เตียวม่วงสายฟ้าต่างระเบิดอานุภาพร้ายกาจออกมา แต่ละตนล้วนน่ากลัว แต่ละตนล้วนบ้าระห่ำ

ความจริงในสายตาของสิ่งมีชีวิตน่ากลัวพวกนี้ ไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ประจำการอยู่ในด่านจักรพรรดิพวกนี้อยู่ในสายตาจริงๆ

ต้องรู้ว่าตั้งแต่สมัยบรรพกาลเมื่อแสนปีก่อนพวกมันก็จำศีลอยู่ที่ป่าต้นหม่อน หมายมุ่งช่วงชิงวาสนาบรรลุจักรพรรดิที่มหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์เหลือไว้

ส่วนผู้แข็งแกร่งที่ประจำการอยู่ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดินี้ บางทีอาจมีตัวตนระดับกึ่งจักรพรรดิไม่น้อย แต่ไม่ว่าจะเป็นเบื้องลึกเบื้องหลังหรือพลัง เทียบกับสิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่เหมือน ‘สัตว์ดึกดำบรรพ์’ พวกนี้แล้ว ก็เรียกได้ว่าเป็นเด็กน้อยกับจอมขมังเวทชัดๆ

เหมือนที่ดอกกระบี่พันปีกกล่าวไว้ตอนต้น ผู้แข็งแกร่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิพวกนี้อย่างมากก็เป็นได้แค่คนรุ่นหลังเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ในหมู่สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้ก็ไม่ใช่กึ่งจักรพรรดิทั้งหมด ยังมีบางส่วนที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชันอริยะด้วย ทำให้ดูไม่ได้ความยิ่งกว่าเดิม

ตูม!

ในสนามรบยุ่งเหยิงอลหม่านและปั่นป่วน แสงมรรคสาดส่องไปทั่วราวมหาสมุทรที่ซัดโหมตามสะดวก เสียงกัมปนาทดั่งฟ้าผ่าดังกระหึ่มเก้าชั้นฟ้า

ฟ้าดินต่างกำลังสั่นสะเทือน ห้วงอากาศปั่นป่วนโดยสมบูรณ์ ลักษณ์ประหลาดที่น่ากลัวมากมายเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอก มีเทพมารคำราม อริยะหลั่งน้ำตาเป็นเลือด และมีดาราจมดิ่งดวงจันทร์ร่วงหล่น ภูผาธาราดับสลาย

ภาพน่ากลัวเช่นนั้นเรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า หากเกิดขึ้นที่อื่นคงพอจะทำลายใต้หล้าได้หมื่นลี้ ทำให้สรรพสิ่งต่างดับมอด!

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการต่อสู้ของกึ่งจักรพรรดิ เป็นการห้ำหั่นระหว่างพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิกับสิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่มาจากป่าต้นหม่อนกลุ่มหนึ่ง

การต่อสู้เช่นนี้ ต่อให้อยู่ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิก็ยังพบเห็นได้น้อยมาก!

“ไม่…!”

“น่าชังนัก!”

“สู้มัน!”

เสียงคำรามด้วยบันดาลโทสะดังก้องจักรวาล สีหน้าของสัตว์ประหลาดเฒ่าในด่านจักรพรรดิแต่ละคนต่างคล้ำเขียวเหี้ยมเกรียม ไม่น่าดูหาใดเปรียบ

เดิมทีพวกเขาคิดว่ามีกู่เหลียงฉวี่อยู่ คงพอจะทำให้หลินสวินก้มหัวยอมศิโรราบ มอบใบหิมะน้ำแข็งให้แต่โดยดี แต่ไหนเลยจะคิดว่าสภาพการณ์จะรุนแรงเช่นนี้!

แค่ใบไม้ใบเดียวถึงกับผนึกสิ่งมีชีวิตน่ากลัวไว้สิบกว่าตน นี่ก็เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นต่างมีความรู้สึกว่าไม่ทันตั้งตัว

เมื่อมองกู่เหลียงฉวี่ที่ถูกหญิงสาวกระโปรงแดงคนนั้นขวางไว้อีกครั้ง อย่าว่าแต่แสดงแสนยานุภาพเลย แม้แต่จะปลีกตัวหนีก็ยังดูยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง!

เขาเป็นถึงอันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ กรำศึกในสนามรบแนวหน้ามาถึงวันนี้ สังหารศัตรูแข็งแกร่งมานับไม่ถ้วน จนถึงปัจจุบันไม่เคยร่วงหล่น

แต่ตอนนี้กลับถูกหญิงสาวกระโปรงแดงขวางไว้!

แต่นี่ไม่ใช่ว่าเพราะกู่เหลียงฉวี่อ่อนแอเกินไป ตอนนั้นที่นักพรตชิวถูกหญิงสาวกระโปรงแดงฆ่า ก็ล้วนเกิดขึ้นภายในการโจมตีเดียว

ยามนี้กู่เหลียงฉวี่ต่อสู้กับหญิงสาวกระโปรงแดงมาได้ถึงตอนนี้ พลังต่อสู้ก็เรียกได้ว่าน่ากลัวแล้ว

น่าเสียดาย ในที่นี้คนระดับยอดกึ่งจักรพรรดิอย่างกู่เหลียงฉวี่สุดท้ายก็มีแค่คนเดียว กึ่งจักรพรรดิคนอื่นไม่มีความสามารถเทียบเท่าเขา

“ฆ่า!”

ลิงยักษ์สีดำแผดเสียงคำราม ทลายห้วงอากาศแหลกละเอียด ทำให้ฟ้าดินต่างสั่นสะเทือน บ้าระห่ำจนน่ากลัว อาละวาดอยู่ ณ ที่นั้นราวกับเทพมารใหญ่

สิ่งมีชีวิตน่ากลัวตัวอื่นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันแม้แต่น้อย

ภายใต้การฆ่าฟันเช่นนี้ แค่ชั่วขณะเดียวก็ทยอยมีผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิสามคนสิ้นชีพ ราชันอริยะเจ็ดคนจิตสิ้นวิญญาณสลายราวกับต้นหญ้าไร้ค่า

กลางฟ้าดินเมฆลมคลุมเครือ ฝนโลหิตเทกระหน่ำ

ยามอริยะร่วงหล่นยังชักนำมาซึ่งเสียงโหยไห้ เลือดปกคลุมแผ่นฟ้า นับประสาอะไรกับการสูญเสียผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิ

ก็เห็นว่าบนเวิ้งฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไปมีบุปผาโลหิตมากมายลอยล่อง ปลิดปลิวอยู่กลางอากาศ มีเสียงมหามรรคเศร้าโศกโหมกระหน่ำดังกระหึ่ม ประหนึ่งบทเพลงสุดท้ายของชีวิต

ห่างออกไปผมดำของหลินสวินพลิ้วไหว นัยน์ตาดำเยียบเย็น สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลม

การต่อสู้เช่นนี้เขาไม่มีความสามารถเข้าไปยุ่งได้จริงๆ ถึงขั้นยังไม่อาจมองพลังที่ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิพวกนั้นใช้ในการต่อสู้ได้

ถึงอย่างไรศักยภาพก็ต่างกันมากเกินไปจริงๆ

แต่ทั้งหมดนี้ล้วนไม่สำคัญ ถ้ามีใบหิมะน้ำแข็งอยู่ การต่อสู้นี้ต่อให้กู่เหลียงฉวี่มีสามเศียรหกกรก็ไม่อาจต้านลิขิตสวรรค์!

“กรรมใดใครก่อกรรมนั้นตามสนอง เมื่อความโลภครอบงำ นี่ก็คือการลงโทษ!”

ครั้งนี้หลินสวินโกรธจัดแล้ว ในเมื่อถูกคนกดหัวแล้วจะมัวสนใจอะไรอีก!

บางทีการต่อสู้นี้อาจทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยตายจาก สำหรับกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิคงเกิดความสูญเสียอย่างหนักโดยไม่ต้องสงสัย

แต่หลินสวินไม่สนใจแล้ว!

สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้กำลังถูกความโลภครอบงำ ยามลงมือกับตนโดยไม่ลังเล เคยคิดถึงผลที่จะตามมาเช่นนี้หรือไม่

ทั้งพวกเขาเคยเห็นแก่ส่วนรวมบ้างไหม

แค่เพราะประจำการอยู่ที่นี่ มีผลงานรบในครอบครอง ก็ข่มเหงคนรุ่นหลังอย่างตนได้ตามใจแล้วหรือ

น่าขัน!

ตอนแรกหากไม่ใช่ว่าเขาหลินสวินเห็นแก่ส่วนรวม มีหรือจะอดทนมาถึงตอนนี้

หากไม่ใช่ว่าเพื่อสนามรบแนวหน้านี้ เขามีหรือจะมาที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิทันทีที่ออกจากสมรภูมิเก้าดินแดน

เดิมใบหิมะน้ำแข็งนี้คือสิ่งที่จะมอบให้ท่านเซิ่น เก็บไว้ที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดินี้

แต่สิ่งที่น่าขันคือ เจ้าเฒ่าพวกนี้ด้วยความโลภที่อยู่ในใจจึงไม่สนแม้แต่หน้าตา แม้แต่ความผิดถูกก็ยังไม่สนใจแล้ว!

หลินสวินเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่มากกว่ากลับเป็นความผิดหวัง

เขามีใจคิดเพื่อค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ ไม่อาจพูดได้ว่าสงเคราะห์ใต้หล้า และก็พูดไม่ได้ว่าถวายตัวรับใช้ทุกคนในใต้หล้า

แต่อย่างน้อยเขาก็ใช้พลังของตัวเองทำเพื่อดินแดนรกร้างโบราณมาตลอด!

ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ในสมรภูมิเก้าดินแดนเขามีหรือจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ ทุ่มเทกายใจและพลังทั้งหมดไปสู้ศึกกับค่ายทัพแปดดินแดน

ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น เขามีหรือจะรับปากชายหนุ่มจักจั่นทอง ว่าจะนำใบหิมะน้ำแข็งมาที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดินี้โดยไม่ลังเล

แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้อนรับเขาคืออะไร

คือการกลับดำเป็นขาว กดขี่ข่มเหงกันตามอำเภอใจ ด้วยความละโมบจึงไม่แบ่งแยกถูกผิด คิดฆ่าคนชิงทรัพย์!

นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้หลินสวินหดหู่ ผิดหวัง และคับแค้น

เหมือนอย่างที่เขากล่าวมาก่อนหน้านี้ พูดถึงคุณงามความดี เขาหลินสวินคนเดียวก็กำจัดค่ายทัพแปดดินแดนได้สิ้นซาก นำพาดินแดนรกร้างโบราณให้ได้ชัยชนะครั้งใหญ่ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน

ลองถามวีรชนบนโลกดู ว่าเหล่าผู้กล้าตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันใครสามารถเทียบเทียม

ไม่มี!

ด้วยการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนในอดีต ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณแพ้อย่างย่อยยับมาตลอด ถูกคนกำราบ หยามเหยียด เหยียบย่ำ ไม่อาจเงยหน้าขึ้น!

แต่ตอนนี้สัตว์ประหลาดเฒ่ากลุ่มหนึ่งกลับอ้างว่าตนลำบากตรากตรำมีผลงานใหญ่ จึงป้ายสีข่มเหง ออกคำสั่งโดยมุ่งเป้ามาที่ตนได้อย่างกำเริบเสิบสาน นี่…

ทำไมถึงไร้สาระเช่นนี้ ทำไมช่างน่าขันเยี่ยงนี้

ตูม!

ในที่นั้นการต่อสู้ยิ่งทวีความรุนแรง กลิ่นคาวเลือดอบอวล ไอสังหารสะท้านทั่วจักรวาล

มีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งจักรพรรดิร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง บ้างถูกกระชากตัวขาด บ้างถูกแทงทะลุหน้าอก บ้างถูกทลายจิตวิญญาณจนแหลกละเอียด บ้างถูกบิดคอขาดตรงๆ

น่าสยดสยอง

นองเลือด

เหี้ยมโหด

ชวนประหวั่น!

ซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ หลิงเซียวจื่อล้วนถอยออกจากการต่อสู้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางช่วยสิ่งมีชีวิตน่ากลัวพวกนั้นจัดการพวกกู่เหลียงฉวี่

เพียงแต่เมื่อเห็นสหายร่วมวิถีทุกคนที่เคยกรำศึกอาบเลือด ร่วมต้านศัตรูต่างดินแดนมาด้วยกันตายจากไปทีละคนต่อหน้าเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็อดมือเท้าเย็นเยียบไม่ได้ ในใจตกอยู่ในสภาพดิ้นรนอย่างรุนแรงหาใดเปรียบ เหมือนตกนรกทั้งเป็น

กล่าวโทษหลินสวินว่าอำมหิตเกินไปได้ไหม

ไม่ได้!

แต่ไหนแต่ไรหลินสวินเป็นฝ่ายถูกเพ่งเล็งและกดขี่มาตลอด ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่พวกซุ่นจี้คงไม่มีทางลงมือพร้อมกัน ไปช่วยหลินสวินขวางสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นไว้แน่

“คำว่าโลภคำเดียว เหมือนมารในใจของพวกเราจริงๆ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว!”

หลิงเซียวจื่อกล่าวเศร้าสร้อย

“สหายน้อย ออมมือได้หรือไม่”

ซุ่นจี้ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว บุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิที่หยาบเถื่อนองอาจคนนี้ ยามนี้กลับเบ้าตาแดงระเรื่อ ในน้ำเสียงเจือความทรมานและวิงวอนอย่างหนึ่ง

คำขอนี้สำหรับหลินสวินแล้วอาจมากเกินไปอยู่บ้าง แต่… ซุ่นจี้ไม่อาจฝืนดูต่อไปได้แล้วจริงๆ

การบาดเจ็บล้มตายที่มากเกินไป สุดท้ายสำหรับกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิจะเป็นการโจมตีที่ไม่ธรรมดา ทั้งจะทำให้ศัตรูต่างดินแดนเย้ยหยัน!

“สหายน้อย ได้โปรดหยุดเถอะ”

ฮูหยินมู่ก็ร้อนรนกล่าวออกมา

ในที่นั้นนอกจากกู่เหลียงฉวี่ที่กำลังต่อสู้ดุเดือดอยู่กับหญิงสาวกระโปรงแดงแล้ว สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นล้วนบาดเจ็บล้มตายไปเกินครึ่ง คนที่เหลือก็กำลังดิ้นรนอย่างยากลำบาก ใกล้จะยืนหยัดไม่อยู่

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านคิดว่าข้าทำผิดหรือไม่”

พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ชะงักไปพร้อมกัน ไม่นานก็ส่ายหัว แต่ละคนต่างสีหน้าสับสน ล้วนไม่กล้าสบตาหลินสวิน

เรื่องนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดของหลินสวิน!

ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังไม่เคยทำผิด แต่ไหนแต่ไรมาล้วนขัดขืนเพราะตกเป็นฝ่ายถูกกระทำก็เท่านั้น!

“พวกเขา… ทำให้ข้าผิดหวังมากจริงๆ”

หลินสวินเอ่ยปากอีกครั้ง สายตามองกู่เหลียงฉวี่ที่อยู่ห่างออกไป สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลมพลางกล่าว

“ข้าอยากรู้นักว่าหากศัตรูแปดดินแดนนำจุดเปลี่ยนบรรลุจักรพรรดิหนึ่งมาให้ สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้ก็จะเลือกทรยศ ไปพึ่งศัตรูต่างดินแดนด้วยความละโมบหรือไม่ จะกล้าทำลายกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิเพื่อบรรลุจักรพรรดิหรือไม่”

ประโยคนี้เหมือนฟ้าถล่มดินทลาย จาบจ้วงเกินไปแล้ว!

พวกซุ่นจี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี ใจตกไปที่ตาตุ่ม

คำพูดนี้ของหลินสวิน แม้จะเป็นการสมมติอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเห็นภาพนองเลือดต่างๆ ในวันนี้แล้วใครจะไม่ใส่ใจได้อีก

ใช่แล้ว ใบหิมะน้ำแข็งใบเดียวก็ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้คลุ้มคลั่ง มุ่งเป้าไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งโดยไม่สนใจอะไรเลย

หากศัตรูต่างดินแดนนำจุดเปลี่ยนเช่นนี้มาให้ สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้… ใครบ้างจะควบคุมความโลภในใจได้

“แต่เห็นแก่หน้าของผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าจะให้โอกาสพวกเขาครั้งหนึ่ง”

หลินสวินพูดพลางยกใบหิมะน้ำแข็งในมือขึ้น สายตามองไปยังสนามรบ “พอแล้ว กลับมาเถอะ”

เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตน่ากลัวพวกนั้นยังไม่หายอยาก พวกเขาไม่ใส่ใจว่าจะฆ่ากึ่งจักรพรรดิไปเท่าไร ทั้งจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิแค่ไหน

แต่คำพูดของหลินสวิน พวกเขากลับไม่กล้าไม่เชื่อฟัง!

ฟุ่บ!

ทวนสำริดเปื้อนเลือดเล่มนั้นชิงหยุดมือก่อน พุ่งเข้าไปในใบหิมะน้ำแข็งทันที

ตามมาด้วยงูมังกรทองคำ เตียวม่วงสายฟ้า นกเสวียนขาวหิมะ เหล่าสิ่งมีชีวิตน่ากลัวมากมายทยอยกลับมา

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เจออุปสรรคใดๆ

ด้วยคู่ต่อสู้ของพวกเขาถูกฆ่าจนขวัญหนีดีฝ่อ แทบจะพังทลายกันนานแล้ว!

………………………….