“ที่ต้องรู้คือปีศาจเพลิงตัวนี้คือเซียนภูตอัคคี มีตราประทับของกฎฟ้าดินดั้งเดิมอยู่ในตัวของมัน หากสามารถกลั่นแปรให้กลายเป็นลูกแก้วปีศาจเพลิงได้ มากพอที่จะทำให้สิบแปดจุดลมปราณที่แขนขวาของเจ้าทั้งหมดฝึกตนถึงแดนบริบูรณ์!”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ของซาง หลัวซิวก็ด่ำดิ่งอยู่ในห้วงความคิด

ค่ายกลแห่งนี้ที่ควบคุมกลั่นแปรปีศาจเพลิง แน่นอนว่าเขาเคยศึกษาเกี่ยวกับมันมาก่อน แต่ว่าระดับของค่ายกลนั้นสูงเกินไป เขาไม่สามารถค้นหาต้นตอได้เลยแม้แต่น้อย

ด้วยระดับนักค่ายเทพระดับเก้าของเขาในวันนี้ ค่ายเทพระดับมกุฎบางทีอาจจะสามารถคาดคะเนวิธีการแก้ออกมาได้ แต่หากเป็นค่ายกลที่มีระดับสูงกว่าระดับมกุฎ ความแตกต่างนั้นมันห่างชั้นกันเกินไปจริง ๆ

อย่างเช่นตัวต้องห้ามค่ายเทพที่ด้านนอกของตำหนักปีศาจเพลิง ก็คือค่ายกลระดับมกุฎ บางทีเพราะว่าดาราแห่งกาลเวลาไม่สามารถมีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเทพเข้ามาได้ ดังนั้นระดับของค่ายกลจึงไม่ได้ตั้งไว้สูงเกินไป

แต่ว่าค่ายกลกลั่นปีศาจภายในตำหนักปีศาจเพลิงแห่งนี้ เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอยู่มาก เป็นถึงค่ายกลที่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพลงมือสร้างไว้ด้วยตนเอง ถ้าสามารถควบคุมได้ง่ายดายเช่นนั้น ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพ จะไม่กลายเป็นไอ้กระจอกเลยหรือ?

“โง่จริง ๆ! ทั่วทั้งดาราจักรวาลนับตั้งแต่วันคืนไร้ที่สิ้นสุด ก็มีจักรพรรดิเทพปรากฏขึ้นมาเพียงแค่สามพันคนเท่านั้น วรยุทธ์ที่จักรพรรดิเทพทุกคนฝึกตนภายในวัฏสงสารล้วนมีอยู่ทั้งหมด นี่เจ้าจะไม่รู้จักใช้สมองเลยงั้นหรือ?”

ซางพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างผิดหวังกับบุคคลที่ตนคาดหวังในพรสวรรค์ของเขา

“จริงด้วย……”

หลัวซิวนัยน์ตาเป็นประกาย เผยสีหน้าของความเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาทันที เขาพบว่าตนเองเข้าใจผิดมาตั้งแต่เริ่มแรก เพราะพบว่าระดับค่ายกลของที่นี่สูงเกินไป ดังนั้นจึงได้คิดไปล่วงหน้าแล้วว่าตนไม่สามารถเชี่ยวชาญทำความเข้าใจต่อมันได้

แต่ถ้าสามารถรู้ได้ว่าจักรพรรดิเทพคนใดที่เป็นผู้สร้างค่ายกลกลั่นปีศาจ เพียงแค่จำเป็นต้องค้นหาวรยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับมันเท่านั้น บางทีเราอาจจะสามารถค้นพบวิธีควบคุมค่ายกลกลั่นปีศาจได้

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลัวซิวมุ่งความสนใจไปที่ค่ายกลกลั่นปีศาจอีกครั้งทันที

ภายในลูกแก้วความเป็นตายมีเงาสะท้อนของวัฏสงสาร ในเวลานี้ลูกแก้วความเป็นตายและตำหนักวัฏสงสารผสานรวมเข้าด้วยกัน หลัวซิวใช้ตัวสำนึกสื่อสารกับตำหนักวัฏสงสาร ก็สามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเงาสะท้อนวัฏสงสาร

ผ่านทางเงาสะท้อนวัฏสงสาร หลัวซิวได้รับวรยุทธ์ในแดนเดียวกันกับเขามาเป็นจำนวนมหาศาล พลังอมตะ วิชาอาถรรพณ์ ซึ่งรวมถึงการสืบทอดของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์!

แน่นอนว่า การสืบทอดเหล่านี้หลัวซิวไม่สามารถได้รับมาอย่างสมบูรณ์ได้ สามารถได้รับเพียงส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมฝึกตนของแดนเทพฟ้าเท่านั้น มีเพียงแค่เขาบรรลุถึงแดนที่สูงขึ้น จึงจะสามารถได้รับวรยุทธ์พลังอมตะในส่วนหลังผ่านทางวัฏสงสารได้

วัฏสงสารเป็นคลังสมบัติอันยิ่งใหญ่ แต่ไม่ใช่ปล่อยให้หลัวซิวก้าวตามวรยุทธ์พลังอมตะเหล่านั้นเพื่อฝึกตน แต่ให้เขารองรับแก่นแท้ของวรยุทธ์พลังอมตะจำนวนมาก เพื่อสร้างวรยุทธ์ที่เป็นของตนเองขึ้นมาใหม่ กลายเป็นเส้นทางโลกยุทธ์ของตนเอง

มีเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้นที่จะเดินตามทางเก่าของบรรพบุรุษ แต่มีแค่เพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเดินในเส้นทางอื่น และสร้างเส้นทางของตนเองขึ้นมา

วรยุทธ์จำนวนมากท่ามกลางวัฏสงสาร ตามร่องรอยออร่าของค่ายกลกลั่นปีศาจที่ไหลเวียน หลัวซิวพอจะสรุปได้ ค่ายกลกลั่นปีศาจของที่นี่ น่าจะเป็นสิ่งที่จักรพรรดิเทพมหาวาลเหลือทิ้งไว้

ตามวรยุทธ์ของจักรพรรดิเทพมหาวาล หลัวซิวใช้พลังอมตะหมื่นจักรวาลไร้รูปเพื่อกลั่นแปร เกิดการสะท้อนต่อกันกับค่ายกลกลั่นปีศาจ

แน่นอนว่า ด้วยผลการฝึกตนของเขาไม่มีทางควบคุมค่ายกลกลั่นปีศาจแห่งนี้ได้ เพราะว่าระดับของค่ายกลแห่งนี้บรรลุถึงระดับมหาจักรพรรดิแล้ว แต่ว่าเขากลับสามารถอาศัยวรยุทธ์ของจักรพรรดิเทพมหาวาล ผ่านทางค่ายกลั่นปีศาจ ดึงเอาพลังแห่งกฎดั้งเดิมของมันออกมาจากในร่างของปีศาจเพลิงโดยตรง

“ไม่! ……”

คำรามและสาปแช่งโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดแล้ว เมื่อปีศาจเพลิงรับรู้ถึงพลังแห่งกฎดั้งเดิมของตนเองถูกดูดออกไปอย่างต่อเนื่อง มันก็กลับกลายเป็นความหวาดกลัวขึ้นมาทันที

ไม่ว่าอย่างไรมันก็คาดไม่ถึงว่า มดตัวหนึ่งที่ไม่มีค่ามากพอให้ปรายตามองด้วยซ้ำ จะสามารถดึงดูดพลังแห่งกฎดั้งเดิมของมันได้