ตอนที่ 3282

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,282 : ร่างอวตารกฏ

 

 

ในฐานะที่เป็น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของวังเทียนฉือ หานอวิ๋นจิ่นย่อมมีความคิดละเอียดรอบคอบ เหนือกว่าศิษย์อัจฉริยะทั่วไป

 

เมื่อถูกต้วนหลิงเทียนท้าไปประลองเป็นตายในแดนสิ้นหวังเทียนฉือ มันก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีลับลมคมใน…แน่นอนว่ายังมีอีกเหตุผลหนึ่ง คือต้วนหลิงเทียนแสร้งผีแปลงเทพ หมายขู่ขวัญหลอกมันให้หวาดกลัว จนไม่กล้ารับคำท้าประลองเป็นตาย!

 

อย่างไรก็ตามเพื่อความรอบคอบ มันจึงไม่ยอมรับคำท้าประลองเป็นตายในแดนสิ้นหวังเทียนฉือของต้วนหลิงเทียน

 

“ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าคิดประลองเป็นตายกับข้า ไฉนต้องไปสู้ในที่ลับตาผู้คนอย่างแดนสิ้นหวังเทียนฉือด้วย ไม่มาสู้กันในที่แจ้งเล่า?”

 

หลังจากได้ยินคำท้าของต้วนหลิงเทียน ความสนใจของทุกคนก็ละออกจากต้วนหลิงเทียนไปยังหานอวิ๋นจิ่นทันที เพื่อดูว่าอีกฝ่ายจะตอบรับอย่างไร จากนั้นจึงเห็นว่าหานอวิ่นจิ่นเหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่แสว่า…

 

“หากเจ้ามีใจจะสู้เช่นนั้นพวกเราก็มาสู้กันที่สังเวียนอัจฉริยะแห่งนี้เถอะ!”

 

“สุดท้ายแล้วการต่อสู้ระหว่างข้ากับเจ้าบนสังเวียนอัจฉริยะ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ศิษย์น้องในวังเทียนฉือทั้งหลายได้สั่งสมประสบการณ์…เรื่องนี้ล้วนเป็นประโยชน์กับศิษย์วังเทียนฉือทุกคน”

 

ฟังจากคำพูดของหานอวิ๋นจิ่นแล้ว นับว่ามันใช้มือรองน้ำไม่รั่วซึมจริงๆ มันไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่ประลองกับต้วนหลิงเทียน แต่ยังหาข้ออ้างในการสู้กับต้วนหลิงเทียนในที่แจ้งได้อย่างชอบธรรม ว่าทำเพื่อศิษย์วังเทียนฉือทั้งมวล

 

ได้ยินคำพูดของหานอวิ๋นจิ่น ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงเล็กน้อย

 

‘ดูเหมือนหานอวิ๋นจิ่นก็ไม่ใช่คนถือดีจนลำพองตัว…ก็นะ อย่างไรเสียมันก็เป็นถึง 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือ หากแค่นี้ลวงมันไปฆ่าได้ก็คงแปลก’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างไม่คิดอะไรมาก

 

“เช่นนั้นไม่ต้องเป็น 1 ปี แต่ข้าจะยืดเวลาให้เจ้า 3 ปีดีหรือไม่? หลังจากผ่านไป 3 ปีแล้ว เจ้ากับข้าพวกเรามาตัดสินกันว่าผู้ใดจะอยู่ผู้ใดจะไปบนสังเวียนอัจฉริยะแห่งนี้เป็นไง?”

 

หานอวิ๋นจิ่นกล่าวออกมาอีกครั้ง และยังเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนออีกด้วย และพอกล่าวถึงจุดนี้มุมปากก็ยกยิ้มประชดประชันขึ้นมาอย่างท้าทาย ค่อยกล่าวต่อว่า “แน่นว่าหากเจ้าไม่กล้า เจ้าก็สามารถปฏิเสธข้าได้!”

 

“3 ปีรึ?”

 

ใจต้วนหลิงเทียนจมลง

 

นับประสาอะไรกับ 3 ปี ต่อให้เป็นตอนนี้ หากลวงหานอวิ๋นจิ่เข้าสู่แดนสิ้นหวังเทียนฉือหรือไปสู้ในที่ลับตาได้ เขาสามารถใช้เทพเบญจธาตุเข่นฆ่ามันได้ไม่ยากเย็น ทว่าหากลงมือในที่แจ้ง ก็มีแต่จะเป็นการป่าวประกาศเรื่องที่ในร่างเขามีเทพเบญจธาตุเท่านั้น

 

หากสู้ในที่ลับตาอยย่างแดนสิ้นหวังเทียนฉือ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครเห็น

 

แต่ถ้าสู้กันในที่แจ้งอย่างบนสังเวียนอัจฉริยะแห่งนี้ เขาไม่อาจใช้เทพเบญญจธาตุได้ เพราะมันจะถูกจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลายพบบเจอทันที

 

ถึงตอนนั้นเขาก็ตกอยู่ในจุดอับไร้ทางพลิกฟื้น! และไม่ต้องกล่าวถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆ เผลอๆกระทั่งครูคนปัจจุบันอย่างจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง ก็ไม่อาจต้านทานความเย้ายวนใจของเทพเบญจธาตุในร่างเขาได้ไหว หันมาเข่นฆ่าเขาแน่…

 

‘เรื่องจะฆ่ามันใน 3 ปี…ด้วยด่านพลังของข้าตอนนี้ทำไม่ได้แน่’

 

แม้ผิวเผินจะสงบแต่ในใจต้วนหลิงเทียนลอบคิดหนักไม่น้อย

 

แต่ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจจะหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงนั้นเอง เสียงของวารีเทพชำระโลกา 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุในร่างเขาพลันดังขึ้น “เสี่ยวเทียน รีบรับปากมันเร็ว!”

 

อยู่ๆเสียงวารีเทพชำระโลกาก็โพล่งดังขึ้นด้วยความมั่นใจ ทำให้ต้วนหลิงเทียนตกใจอยู่บ้าง

 

อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าวารีเทพชำระโลกาไม่เลือกหนทางเสียเปรียบให้เขาแน่! อีกทั้งจากความสามารถในด้านค่ายกลของอีกฝ่าย ก็ทำให้เขาเชื่อว่านางน่าจะมีวิธีเลิศล้ำบางอย่าง!

 

“ตกลงตามนั้น!”

 

เช่นนั้นทันทีที่เสียงมั่นใจของวารีเทพชำระโลกาดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยความมั่นใจประการหนึ่ง มองจ้องไปยังหานอวิ๋นจิ่นเร็วไว เร่งกล่าวตอบออกไปเสียงดังฟังชัด “3 ปีต่อมา เจ้ากับข้าพวกเรามาฆ่ากันให้ตายไปข้าง บนสังเวียนอัจฉริยะแห่งนี้! ข้าหวังว่าพอถึงตอนนั้น เจ้าจะไม่บังเกิดจิตขลาดเขาเหมือนเดิมจนไม่กล้าโผล่หัวมาก็พอ!!”

 

ได้ยินวาจาเสียงดังฟังชัดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ลูกตาหานอวิ๋นจิ่นก็หดเล็กลงทันใด

 

เดิมทีมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องไม่กล้าเห็นด้วยแน่นอน…

 

แต่มิคาดต้วนหลิงเทียนดูลังเลอยู่แค่ครู่เดียว อยู่ๆก็โพล่งตอบรับออกมาเสียอย่างนั้น!

 

จังหวะนี้สีหน้ามันเริ่มเปลี่ยนเป็นขมึงตึงเครียดทันที!!

 

“อะไร? หรือคำท้าประลองเป็นตายครั้งนี้ของข้ายังมีปัญหาอะไรอีก…ข้าเปลี่ยนเอาตามเจ้าสะดวกแล้วไง? หรือเจ้ายังไม่กล้ารับ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียดสีด้วยรอยยิ้มแดกดันหยามหยัน

 

สายตาของเหล่าศิษย์วังเทียนฉือในที่นี้พลันหันกลับมามองจ้องหานอวิ๋นจิ่นเป็นสายตาเดียวกัน แววตาของแต่ละคนยังเริ่มฉายความเย้ยเยาะสนุกสนานออกมาให้เห็น “เดี๋ยวๆ นี่มันยังไงกันแน่…มิใช่ว่าหานอวิ๋นจิ่นนั่นกำลังถูกต้วนหลิงเทียนหลอกต้มอยู่หรอกนะ?”

 

“นั่นสิ มันลั่นวาจาเสนอเงื่อนไขออกมาเอง พอผู้อื่นท้าตามมันว่าขึ้นมา…ถ้ามันไม่กล้ารับอีก ก็ทำให้ผู้อื่นขบขันตายแล้ว!!”

 

“เจ้าดูสีหน้ามันสิ ข้าว่ามันกลัวต้วนหลิงเทียนขี้หดตดหายแล้วจริงๆ”

 

“ช่างปอดแหกยิ่ง…ไม่สมศักดิ์ศรีศิษย์อัจฉริยะจริงๆ โดนแซ่ต้วนปีนเกลียวเข้าให้!!”

 

 

เสียงกระซิบกระซาบด้วยความสนุกสนาน อย่างกลัวโลกวุ่นวายไม่พอของเหล่าศิษย์วังเทียนฉือโดยรอบ พอดังเข้าหูหานอวิ๋นจิ่นก็ทำให้สีหน้าหานอวิ๋นจิ่นกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที…

 

“ศิษย์พี่หาน ท่านรับคำท้ามันเถอะ”

 

ตอนนี้เองเซียวฉงอี้ที่ลอยร่างข้างๆหานอวิ๋นจิ่น พลันเอ่ยออกมากับหานอวิ๋นจิ่นเบาๆ “เจ้าหนูนั่นลูกเล่นแพรวพราวนัก! มิพ้นตอนนี้มันต้องเสแสร้งมั่นใจ เพื่อสร้างความประหวั่นให้แก่ท่าน…ด้วยหวังให้ท่านกล่าวปฏิเสธจนขายขี้หน้าประชาชี!”

 

“หากวันนี้ท่าปฏิเสธไม่รับคำท้ามัน ต่อไปชื่อเสียงท่านในวังเทียนฉือคงตกต่ำจนไม่มีใครเห็นหัวแล้ว!”

 

เซียวฉงอี้กล่าว

 

หานอวิ๋นจิ่นไหนเลยจะไม่รู้เรื่องที่เซียวฉงอี้กล่าวเตือน?

 

อย่างไรก็ตาม หาก 3 ปีหลังจากนี้ ตอนมันขึ้นไปเข่นฆ่ากับต้วนหลิงเทียนบนสังเวียนและพบว่าไม่อาจสู้ต้วนหลิงเทียนได้ขึ้นมา มันไม่ถูกฆ่าตายอย่างโง่งมหรือ?

 

เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เป็นสองทางที่ทำให้มันหนักใจนัก!

 

ด้านหนึ่งก็คือชื่อเสียง!

 

อีกด้านก็คือชีวิต!

 

เรียกว่าหานอวิ๋นจิ่นตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!

 

เป็นธรรมดาว่าลึกลงไปในใจ มันค่อนไปทางอีก 3 ปีหลังจากนี้ต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะมีกำลังพอจะฆ่ามันได้

 

หานอวิ๋นจิ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง จากนั้นก็ส่งเสียงผ่านพลังไปปรึกษาจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ และจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก

 

‘กลวิธีที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกก่อนหน้า สมควรมีผลแต่กับต้นไม้ บุปผา และเหล่าพืชอมตะต่างๆเท่านั้น?’

 

ถึงแม้จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊กับจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก จะไม่อาจมองออกว่าต้วนหลิงเทียนใช้พลังของพฤกษาเทพกำเนิดชีพเพื่อดูดกลืนสารัตถะของต้นไม้เทพสนหลิว…

 

อย่างไรก็ตามในฐานะที่พวกมันเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม พวกมันย่อมตระหนักได้รางๆ ว่าวิธีการของต้วนหลิงเทียนสมควรมีผลแต่กับสิ่งมีชีวิตจำพวกพวกต้นไม้ใบหญ้าบุปผาอมตะอะไรพวกนั้น

 

‘แถมถ้าไม่ใช่การลงมือระยะประชิด วิธีการดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจสำแดงฤทธิ์เดชอะไรได้?’

 

หลังจากได้รับทราบข้อมูลสำคัญจากจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 หานอวิ๋นจิ่นก็หันไปมองจ้องตาต้วนหลิงเทียนอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

“หากเจ้าจะปฏิเสธก็รีบปฏิเสธออกมาเถอะ…จะพิรี้พิไรถ่วงเวลาไปทำอะไร?”

 

มุมปากต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มเย้ยเยาะมากกว่าเดิม

 

“ปฏิเสธ?”

 

หานอวิ๋นจิ่นหัวเราะเยาะเบาๆ “ไฉนข้าต้องปฏิเสธด้วย? หลังจากนี้ 3 ปี ข้าหานอวิ๋นจิ่น จะสู้ให้ตายกันไปข้างกับเจ้าต้วนหลิงเทียนบนสังเวียนอัจฉริยะแห่งนี้!”

 

“ขอให้ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะและศิษย์น้องทั้งหลายในที่นี้เป็นพยาน!!”

 

“หากผู้ใดบิดพริ้วสัญญาไม่ยอมมา ก็อย่าได้มีหน้าอยู่ในวังเทียนฉือสืบไป!”

 

เพียงพูดออกมาไม่กี่คำ ไม่เพียงแต่หานอวิ๋นจิ่นจะตกลงสู้กับต้วนหลิงเทียนให้ตายกันไปข้างเท่านั้น แต่อีกฝ่ายยังผลักตัวเองทั้งต้วนหลิงเทียนให้มาอยู่ปากเหว ไร้ซึ่งหนทางถอยอีกต่อไป…

 

“ดี!”

 

ต้วนหลิงเทียนมองจ้องตาหานอวิ๋นจิ่นอีกครั้ง จากนั้นก้เลิกสนใจ หันหน้ากลับมาและเหินร่างไปหาฉือหล่างกับทุกคนต่อ

 

แต่ต้นจนจบสีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนแลดูปลอดโปร่งโล่งสบายคล้ายลมคล้อยเมฆเคลื่อน ประหนึ่งให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่หวั่นไหว

 

อย่างไรก็ตามสัญประลองเป็นตายที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งรับคำไป ทำให้ศิษย์ของฉือหล่างอย่างหงเฟย หูเหมย หน้าเปลี่ยนสีไปทันที “3 ปี…แค่ 3 ปี? เวลามันจะกระชั้นเกินไปแล้ว!!”

 

“ศิษย์น้องเล็ก ไฉนเจ้าอุตริไปรับปากเข่นฆ่ากับมันซะเล่า!?”

 

ทั้งคู่ล้วนคิดว่าที่ต้วนหลิงเทียนท้าท้ายหานอวิ๋นจิ่นออกไปตอนแรก ก็เพื่อขู่ขวัญหมายทำให้หานอวิ๋นจิ่นอับอายขายหน้าเพราะไม่กล้าสู้เฉยๆ

 

หากหานอวิ๋นจิ่นไม่กล้าตอบตกลง พวกมันก็มีเรื่องให้ล้อหานอวิ๋นจิ่นกันสนุกปาก และหานอวิ๋นจิ่นก็จะอับอายขายขี้หน้าผู้คนตลอดกาล

 

แต่ตอนที่เห็นหานอวิ๋นจิ่นแก้เกมโดยการยื่นขอเสนอ 3 ปีในที่แจ้งออกมา พวกมันก็เข้าใจว่าแผนการของต้วนหลิงเทียนล้มเหลวเสียแล้ว…

 

ถึงแม้พลังความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาก่อหน้าจะดี แต่ยังห่างไม่น้อยหากจะไปเข่นฆ่ากับหานอวิ๋นจิ่น!

 

หานอวิ๋นจิ่นในฐานะที่เป็นศิษย์คนโตของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ นอกจากจะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกำเนิดแล้ว มันยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการ พลังฝีมือนับว่าร้ายกาจมาก อ่อนด้อยกว่าศิษย์พี่รองของพวกมันอยู่เล็กน้อยเท่านั้น

 

อย่างไรเสียหานอวิ๋นจิ่นก็คือ 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือ พลังฝีมือของมันพูดได้ว่าในบรรดาศิษย์อัจฉริยะทั้ง 100 คนของวันเทียนฉือ มันอยู่ใน 5 อันดับแรก!

 

และศิษย์น้องเล็กของพวกมันถึงแม้พลังฝีมือจะร้ายกาจไม่ใช่เล่นๆ แต่อายุก็ยังไม่ทันถึง 300 ปีที แถมยังเป็นมนุษย์แท้อีกด้วย

 

มนุษย์แท้ในวัยเพียงเท่านี้ให้กวาดตามองทั่วทั้งเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลก แต่คนที่สามารถเอาชนะหานอวิ๋นจิ่นได้ เกรงว่าคงมีอยู่เพียงไม่กี่คน…

 

“ครู”

 

หลังจากกลับมารวมกลุ่ม ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าให้ฉือหล่างด้วยรอยยิ้ม

 

“เจ้ามั่นใจหรือไม่?”

 

ฉือหล่างเอ่ยถาม

 

“หากข้าไม่มั่นใจข้าไม่ท้ามันหรอก”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม

 

ถึงแม้จะไม่ทราบว่าบ่อเกิดความมั่นใจของต้วนหลิงเทียนมาจากที่ไหน แต่ในเมื่อต้วนหลิงเทียนพูดออกมามด้วยความมั่นใจแบบนี้ ไม่ว่าจะหูเหมยหรือหงเฟย ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

ท้ายที่สุดแล้วการประลองระหว่างศิษย์น้องเล็กพวกมันกับฝานฉี ก็ไม่ใช่พวกมันไม่เห็นความหวังว่าศิษย์น้องเล็กจะชนะหรือไร? แล้วผลออกมาเป็นไงเล่า?

 

“ฮ่วนเอ๋อ พวกเรากลับกันเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวชวนฮ่วนเอ๋อ จากนั้นก็เหินร่างจากสังเวียนอัจฉริยะไปพร้อมกับฉือหล่างและคนอื่นๆ

 

จนเมื่อต้วนหลิงเทียนกับพวกจากไปแล้ว เสียงสนทนาบริเวณสังเวียนอัจฉริยะจึงกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง บรรยากาศกลายเป็นคึกคักปานตลาดสดยามเช้า!

 

“ฮ่าๆๆๆ…มีเรื่องบันเทิงให้ชมดูอีกแล้ว!!”

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ในเมื่อมั่นใจเรื่องเข่นฆ่าให้ตายกันไปข้างกับหานอวิ๋นจิ่น ก็เผยให้เห็นว่ามันเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแรงกล้า!!”

 

“แต่ก็ไม่แน่นักหรอก จากกลิ่นอายต้วนหลิงเทียนนั่นเป็นมนุษย์แท้ๆแน่นอน ด้วยวัยเพียงเท่านี้จะไปเอาชนะหานอวิ๋นจิ่นได้อย่างไร?”

 

 

หลังจากที่เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่มาชมดูเรื่องราวการประลองที่สังเวียนอัจฉริยะแยกย้ายกันจากไป แต่ละคนก็เอาเรื่องราวไปบอกเล่าต่อสหาย ทำให้ไม่ทันข้ามวันเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็แพร่กระจายออกไปดั่งพายุใต้ฝุ่น

 

และในวันนี้หลายๆคนในวังเทียนฉือก็ได้รับทราบความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนแล้ว

 

นับว่าต้วนหลิงเทียนสมแล้วที่ได้รับตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุ 200-300 ปี!

 

“พี่สาวสุ่ย ท่านให้ข้ารับปากประองกับหานอวิ๋นจิ่น 3 ปีหลังจากนี้…ท่านแน่ใจหรือว่าข้าจะมีพลังมากพอเอาชนะมันได้”

 

หลังกลับมาถึงสถานที่บ่มเพาะ ต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิเตรียมบ่มเพาะพลังข้างๆฮ่วนเอ๋อ ก็อดไม่ได้ที่จะถามวารีเทพชำระโลกาในโลกใบเล็กให้ชัดเจน

 

“หากไม่แน่ใจว่าเจ้าจะเอาชนะมันได้ ข้าไม่ให้เจ้ารับคำท้ามันหรอก”

 

วารีเทพชำระโลกากล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าไม่อยากให้เจ้าตายมากพอๆกับตัวเจ้าเองนั่นล่ะ”

 

“พี่สาวสุ่ย ก็จริงที่ด้วยพลังของข้าตอนนี้หากมีพลังของพวกท่านช่วยก็น่าจะฆ่ามันได้ไม่ยาก…แต่ไม่ใช่ว่าทำแบบนั้นจะทำให้เรื่องพวกท่านถูกเปิดเผยหรือไร? และหากข้าไม่พึ่งพลังพวกท่าน ข้าจะฆ่ามันใน 3 ปีได้ยังไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนเผยความกังวลออกมา

 

“เรื่องนี้ข้าย่อมรู้ดี”

 

วารีเทพชำระโลกากล่าว “แต่นั่นมันก่อนที่เจ้าจะใช้พฤกษาเทพกำเนิดชีพดูดซับสารัตถะของต้นไม้เทพสนหลิว…เพราะตอนนี้เรียกว่าเจ้าได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะใช้สร้างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวมาแล้ว”

 

“เวลา 3 ปีนั้น มากพอให้เจ้าหลอมสารัตถะของต้นไม้เทพสนหลิวให้กลายเป็นร่างอวตารกฏ…และหากเจ้าทำสำเร็จ ถึงตอนนั้นเจ้าก็สามารถเรียกใช้ร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวได้!”

 

“ในฟ้าดินแห่งนี้มีวิธีการมากมายที่ใช้หลอมสร้างร่างอวตารกฏ…อีกทั้งแต่ละวิธียังไม่อาจลอกเลียนได้”

 

“ถึงตอนนั้นเจ้าก็ไม่ต้องกลัวว่าพลังที่เจ้ามี จะทำให้คนอื่นอิจฉาจนคิดแย่งชิง…”