หลังจากที่กู้ชิวอี๋แอดเพื่อนวีแชทกับเซียวชูหรันเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปทางเย่เฉินในทันที ยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ใช่แล้วค่ะอาจารย์เย่ พวกเราก็มาแอดเพื่อนกันดีกว่าค่ะ”

พูดจบ ก็นำคิวอาร์โค้ดวีแชทของตัวเองยื่นไปถึงด้านหน้าของเย่เฉิน

เย่เฉินได้แต่ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา สแกนไปหนึ่งที แอดเธอเป็นเพื่อน

กู้ชิวอี๋เล่นหูเล่นตาใส่เขาด้วยใบหน้าที่บรรลุผลสำเร็จอยู่ระลอกหนึ่ง จากนั้นถึงได้เอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “อาจารย์เย่คะ คุณประมาณเมื่อไรถึงจะสามารถออกเดินทางไปเย่นจิงได้? บอกเวลาโดยประมาณกับฉันสักหน่อยได้ไหมคะ ฉันก็จะได้สะดวกในการเตรียมตัวให้ดี”

เย่เฉินเอ่ย “อาทิตย์หน้าแล้วกันครับ แต่ว่าเวลาที่แน่นอนตอนนี้ผมยังกำหนดไม่ได้”

กู้ชิวอี๋พยักหน้า เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์เย่ งั้นฉันก็รอต้อนรับการมาของคุณอยู่ที่เย่นจิงกับคุณพ่อแล้วกันค่ะ!”

เย่เฉินนึกถึงคำพูดที่กู้ชิวอี๋เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน บอกว่าถึงเย่นจิงแล้ว หลังจากที่พบคุณพ่อของเธอ ดูว่าคุณพ่อของเธอจะไม่ต่อยตนเองสักยก

เฮ้อ ตนเองยิ่งคิดเรื่องนี้ ยิ่งไม่มีหน้าไปเจอกู้เย้นจงพ่อของเธอแล้ว

ในตอนที่เย่เฉินกำลังปวดหัวไม่จบไม่สิ้นเกี่ยวกับเรื่องสองพ่อลูกตระกูลกู้นั้น ภายในห้องไอซียูของโรงพยาบาลประชาชนที่หนึ่งแห่งจินหลิง อิโตะนานาโกะกับผู้ช่วยของเธอทานากะซัง รวมไปถึงโคบายา ชิจิโร่แห่งตระกูลโคบายา ต่างก็ไม่ขยับเลยแม่แต่น้อย ยืนอยู่ทั้งสองด้านเตียงผู้ป่วยของยามาโมโตะ คาซึกิ ครูฝึกของอิโตะนานาโกะ

ยามาโมโตะ คาซึกิที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้นดูเหมือนแห้งเหี่ยวถึงขีดสุด

หมอเพิ่งทำการตรวจทั่วทั้งร่างกายให้กับเขาเป็นครั้งที่สาม ให้แน่ใจอีกครั้งว่าระบบประสาททั่วทั้งร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แทบจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นตัวกลับคืนมาอีก

สำหรับขี้โรคแห่งเอเชียตัวอักษรห้าตัวใหญ่ๆที่ไหลเอ่อด้วยเลือดสดออกมาบนหน้าผากของเขานั้น ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน

อิโตะนานาโกะหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหมอจะสามารถใช้ผ้าพันแผล ปิดทับหน้าผากของยามาโมโตะ คาซึกิ เช่นนี้ก็จะได้ไม่ถึงกับว่าไปกระตุ้นอารมณ์ของอาจารย์ผู้มีพระคุณของตนเองมากขึ้นไปอีก

ทว่า ยามาโมโตะ คาซึกิกลับปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างเด็ดเดี่ยว

ตัวอักษรขนาดใหญ่น่าเกลียดห้าตัวนี้ที่หงห้าเหลือทิ้งไว้บนหน้าผากของเขา สามารถพูดได้ว่าคือความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็เป็นบทเรียนที่ลึ้งซึ้งที่สุดในชีวิตของเขาอีกด้วย

ก่อนหน้าที่เย่เฉินจะฝ่ามือเดียวซัดเขาจนไร้ประโยชน์ ยามาโมโตะ คาซึกิยังคิดว่าตนเองคือผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ระดับโลก

จนกระทั่งหลังจากหนึ่งฝ่ามือของเย่เฉิน เขาถึงตระหนักได้ว่า ตนเองก็เป็นเพียงแค่มด จิ้งหรีดตัวตุ่นที่เล็กกระจิดริดตัวหนึ่งภายในเส้นทางบูโดก็เท่านั้น

แต่ขอเพียงแค่เป็นคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยความตั้งใจแล้ว ทุกคนก็ล้วนมีความเด็ดเดี่ยวต่อความยุติธรรมรูปแบบหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าจะแพ้ คนส่วนมากก็สามารถยอมรับในผลที่ออกมา ยังมีคนที่หนักยิ่งกว่านี้ แม้ว่าจะถูกคนพลั้งมือทำร้ายจนตายในการประลอง ก่อนหน้าที่จะตาย ก็สามารถเผชิญหน้าด้วยจิตใจที่เยือกเย็นไม่สะทกสะท้านได้

จิตใจของยามาโมโตะ คาซึกิแม้ว่าไม่ได้กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ แต่พอนึกถึงพลังที่ต้องทำให้คนหวาดกลัวถึงขีดสุดของเย่เฉิน ในใจของเขาก็ซูฮกเป็นอย่างยิ่ง

ในเวลานี้ อิโตะนานาโกะมองดูเขาด้วยสีหน้าที่เศร้าโศก เอ่ยปากขึ้นว่า “อาจารย์ ฉันกับคุณพ่อเจรจากันแล้ว ท่านจะติดต่อโรงพยาบาลและหมอที่ดีที่สุดของโตเกียวมาช่วยอาจารย์รักษาและฟื้นตัว อีกทั้งพรุ่งนี้ก็จะมีเครื่องบินพิเศษส่วนตัวมารับอาจารย์กลับประเทศญี่ปุ่นค่ะ!”