เย่เฉินเอ่ยขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก “ทูลหัว ความสัมพันธ์ของพี่กับพี่สะใภ้เธอมั่นคงมาก เธอจะมาเป็นมือที่สามแทรกเข้ามาไม่ได้นะ!”

“ฉันเป็นมือที่สามแทรกเข้ามา?” กู้ชิวอี๋เอ่ยขึ้นอย่างโมโหสุดขีด “ไอ้แซ่เย่ ตอนที่ฉันอายุสี่ห้าขวบ ก็ถูกพ่อแม่ของฉันหมั้นหมายให้กับคุณแล้ว!คุณแต่งงานกับภรรยาของคุณก็เพียงแค่สามสี่ปีเท่านั้นเอง!”

“แล้วก็ คุณเพียงครู่เดียวก็หายตัวไปหลายปีขนาดนี้ ฉันไม่เพียงแต่ไม่ได้ลืมคุณ ยิ่งไม่ได้ทำผิดต่อการหมั้นหมายในปีนั้น เล่นแล้วก็ทิ้งไป!หลายปีมานี้ฉันล้างสมองให้กับตัวเองมาโดยตลอด ไม่ว่าได้พบผู้ชายที่ดีขนาดไหน ฉันต่างก็บอกกับตัวเองว่าฉันมีคู่หมั้นแล้ว ฉันจะต้องหาเขาให้พบ ตอนนี้ในที่สุดฉันก็ตามหาคุณจนพบแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณจะบอกว่าฉันคือมือที่สามแทรกเข้ามา?!”

กู้ชิวอี๋ในเวลานี้ยิ่งพูดยิ่งโมโห

เดิมทีเธอไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับเย่เฉินมากจนเกินไป ว่าเขาทำให้ตนเองผิดหวัง ก็เพียงแค่อยากจะอ้อนใส่เขาโดยจิตใต้สำนึกก็เท่านั้น

แต่ว่า เธอคิดไม่ถึง ว่าเย่เฉินจะว่าตนเองเป็นมือที่สามเข้ามาแทรก

นี่เป็นการจุดติดไฟแค้นที่อยู่ในใจของเธอขึ้นมาในชั่วขณะจริงๆ!

เดิมทีนั่งทานอาหารเย็นด้วยกันกับเซียวชูหรัน เรียกนายหญิงเย่ทุกคำทุกประโยค ก็ได้ทำให้เธอกลัดกลุ้มใจมากแล้ว จะบอกว่ามือที่สาม งั้นก็คือเซียวชูหรันมาแทรกกลางการหมั้นหมายของตนเองกับเย่เฉิน

ตอนนี้ เย่เฉินนี่คิดไม่ถึงว่าจะให้ความสำคัญสลับกัน บอกว่าตนเองคือมือที่สาม นี่ทำให้ความรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมที่อยู่ในใจของเธอเพียงครู่เดียวก็ทะลักออกมาแล้ว

สิ่งที่ตามมาติดๆ เธอร้องไห้พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “ไอ้แซ่เย่!รอคุณมาถึงเย่นจิง ฉันให้คุณดูไดอารี่กว่าหลายสิบเล่มตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี่ของฉัน!เริ่มตั้งแต่คุณหายตัวไปวันนั้น ดูทีละบท ทีละบท หากในบันทึกประจำวันของวันไหนไม่มีคุณ ก็ถือว่าฉันกู้ชิวอี๋แพ้แล้ว!คุณไอ้คนโง่หัวหมู ทำร้ายฉันมาหลายปีขนาดนี้ ตอนนี้คิดไม่ถึงว่ายังจะมาทำกับฉันแบบนี้อีก คุณยังมีจิตสำนึกที่ดีอยู่อีกหรือเปล่า?”

เย่เฉินรู้สึกปวดหัวขึ้นมาระลอกหนึ่ง

คนอื่นเขาต่างก็ยกย่องเขาหนึ่งประโยคว่ามังกรจริงในหมู่คน แต่เด็กคนนี้กลับดีจริงๆ ไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่นิดเดียว เรียกตนเองว่าหัวหมูเลย!

แต่ว่า เขากลับไม่กล้าโกรธ และก็ไม่มีหน้าที่จะโกรธ ในทางกลับกัน ในใจยังรู้สึกผิดละอายใจเป็นอย่างมาก

เขาคนนี้ แม้ว่าตอนที่เผชิญหน้ากับศัตรูจะโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่หลงเหลือความปราณีแม้แต่น้อย แต่ว่า สำหรับคนที่มีบุญคุณกับตนเองนั้น ซาบซึ้งและสำนึกบุญคุณเป็นอย่างมากมาโดยตลอด สำหรับกู้ชิวอี๋ก็ไม่มีข้อยกเว้น

ได้ยินเธอร้องไห้แล้ว เย่เฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมาในทันทีว่า “หนานหนานขอโทษครับ เป็นพี่ที่พูดผิดไปแล้ว พี่ขอโทษ”

กู้ชิวอี๋ซักถามเขา “งั้นเรื่องที่ฉันปวดท้องจะทำยังไง?!”

เย่เฉินเอ่ยขึ้นในทันทีว่า “เธอรอสักครู่ พี่ไปส่งยาให้เธอด้วยตัวเอง!”

กู้ชิวอี๋เอ่ยถาม “งั้นตอนนี้ที่พี่มียากระเพาะเก้าเสวียนหรอ?”

เย่เฉินเอ่ย “ไม่มี แต่ว่าพี่ไปเอาที่โรงงานยาได้ จากนั้นไปส่งให้เธอที่โรงแรมด้วยตัวเอง คราวนี้เธอพอใจแล้วนะ?”

กู้ชิวอี๋เอ่ย “งั้นช่างเถอะ โรงงานยาก็อยู่ไกลมาก ดึกขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ทรมานพี่แล้ว ยังไงพี่ก็จัดหาคนส่งเข้ามาก็แล้วกัน แม้ว่าฉันจะข้อคิดเห็นกับคุณเจ้าหัวหมูคนนี้เป็นอย่างมาก แต่ในใจถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นห่วงคุณอยู่ดี…”

เย่เฉินอยู่ๆคิดขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ว่าม้ามและกระเพาะอาหารไม่ปกตินี้ แม้วากินยากระเพาะมีผลที่ไม่เลว แต่ยากระเพาะยาแบบนี้ ตำแหน่งของตัวมันเองก็มีแนวโน้มไปทางบรรเทาอาการและความไม่สบาย แต่ไม่ได้รักษาให้หายขาดในทันที

ยาแบบนี้ค่อนข้างคลายลูกอมแก้เจ็บคอที่กินตอนเจ็บคอ ลูกอมแก้เจ็บคอบางชนิดกินแล้วสบายมาก อาการเจ็บคอสามารถได้รับการบรรเทาได้ในทันที แต่ว่า ต้นปัญหาที่คออักเสบ ร้อนในนั้น กลับไม่แน่ว่าจะสามารถรักษาให้หายขาดได้

ยากระเพาะก็คือยาที่มีคุณสมบัติแบบนี้ หากม้ามและกระเพาะของกู้ชิวอี๋ได้หลงทิ้งโรคที่ซ่อนอยู่เอาไว้อยู่บ้าง ยังไงก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างที่ทนลำบากเพียงครั้งเดียวก็จะสบายไปตลอดได้

คิดมาถึงตรงนี้ เขาเอ่ยขึ้นในทันทีว่า “คุณรอผมที่โรงแรม ผมไปทำการรักษาระบบให้กับคุณสักหน่อย”