ตอนที่ 2827 ให้ข้าลอง

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 2827 ให้ข้าลอง!
“ฮ่าๆๆ…ข้าหายแล้ว! ในกายข้ามันไม่เลือดกัดกร่อนใดๆ อีกต่อไปแล้ว!”

“ก็นึกว่าจะต้องตายแน่แล้ว ไม่นึกเลยว่าข้ากลับยังฟื้นมาได้!”

“แม่ทัพสูงเย่หยวนจงเจริญ! แม่ทัพสูงเย่หยวนเก่งล้ำฟ้า!”

“แม่ทัพสูงเย่หยวนสร้างคุณใหญ่โตมหาศาล ท่านนั้นคือวีรบุรุษของทวีปสวรรค์แรกอย่างแท้จริง!”

หลังจากที่เหล่าคนไข้ทั้งหลายเริ่มหายจากอาการเลือดกัดกร่อนแล้วทหารทั้งค่ายสวรรค์แรก ต่างก็โห่ร้องขึ้นมาตามๆ กัน

ก่อนหน้านี้แม้ว่าเลือดกัดกร่อนมันจะถูกสะกดไว้แต่ว่าพวกเขาก็ไม่เคยจะดีอกดีใจกันได้ขนาดนี้

ตอนนี้เหมือนว่าในค่ายสวรรค์แรกนั้นมันมีงานเลี้ยงใหญ่กันก็ไม่ปาน

ไม่มีใครคิดฝันว่าพิษเลือดกัดกร่อนนั้นมันจะหายลงได้จริงๆ!

มันเหมือนพวกเขาได้หายจากโรคที่ไม่มีทางรักษา ความรู้สึกที่เหมือนได้เกิดใหม่นี้มันทำให้พวกเขาดีใจจนแทบจะคลั่ง เพราะฉะนั้นตอนนี้ชื่อของเย่หยวนมันจึงกลายเป็นเหมือนคำศักดิ์สิทธิ์ในค่ายไป

เหล่าทหารที่ได้รับการรักษานั้นต่างเทิดทูนเย่หยวนเป็นดั่งเทพ

เรื่องที่ไม่มีใครทำได้มาตลอดหลายพันปี เย่หยวนกลับสามารถทำมันได้สำเร็จในที่สุด!

โรคที่ไม่มีทางหายกลับหายได้ด้วยมือเขาคนนี้!

จ่าวเฉินนั้นกอดเสียวอี้ผิงแน่นก่อนจะยิ้มกว้างกล่าวขึ้น “น้องข้า เราจะได้มีโอกาสร่วมศึกด้วยกันอีกครั้งแล้ว! ครั้งนี้เราจะต้องร่วมมือกันล่าสังหารพวกเผ่าเลือดให้มันหมดสิ้นแผ่นดินให้จงได้!”

เสียวอี้ผิงพยักหน้ารับ “นายท่านวางใจเถอะ เรามีกำลังเต็มที่กันขนาดนี้แล้ว เราย่อมจะไปสั่งสอนพวกเผ่าเลือดเวรนั่นให้มันรู้ซึ้งได้แน่!”

“ต้องขอบคุณแม่ทัพเย่จริงๆ! หากไม่ได้ท่านแล้วเราคงไม่มีทางได้ลงสนามรบอีกแน่” จ่าวเฉินกล่าว

“แม่ทัพเย่ท่านช่างเก่งกาจราวกับเทพสวรรค์! สิ่งที่นิกายยาสุดล้ำทำไม่ได้มานับพันๆ ปีแต่ท่านนั้นกลับสามารถทำได้ในเวลาเดือนกว่าๆ! มันจะเหนือล้ำเกินไปแล้ว! จะสุดยอดไปถึงไหนกัน!”

พูดถึงเย่หยวนเสียวอี้ผิงและพี่น้องทหารทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางสุดเคารพขึ้นมาทันที

ความเคารพนี้มันเกิดขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ

หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง สี่ครั้ง!

เย่หยวนนั้นได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนเอาชนะใจทุกผู้คน!

เวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เย่หยวนได้พาพวกเซียวชานทั้งหลายออกเดินทางรักษาทหารสี่พันกว่าคนนั้นที่ติดพิษเลือดกัดกร่อนอย่างไม่หยุดพัก

ตอนนี้มันเหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนแล้วก่อนที่เส้นทางมิตินั้นจะสมบูรณ์

ที่สำคัญไปกว่านั้นเผ่าเลือดเองยังส่งกำลังผ่านเส้นทางมิติมาทุกๆ วัน

มันจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้!

แม้ว่าทหารเบื้องล่างนั้นจะตื่นเต้นดีใจกันแค่ไหนแต่ว่าเหล่าแม่ทัพเบื้องสูงนั้นต่างนั่งหน้าเครียด

“จะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว! ตอนนี้ทางใต้นั้นได้ส่งข่าวมาบอกว่าสงครามทางนั้นหนักหน่วงมาก จนทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง! ไม่กี่วันก่อนนั้นแม้แต่เจ้าโลกเฟิงเล่ยท่านเองยังถูกเจ้าโลกชิเออของเผ่าเลือดทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เวลานี้ทางใต้ส่งกำลังมาเพิ่มให้เราอีกหนึ่งหมื่นแต่มันก็เรียกได้ว่าเกินขีดกำจัดที่พวกเขาจะส่งมาได้แล้ว!” ตานเฟยกล่าวขึ้นด้วยหน้าเคร่งเครียด

ได้ยินเช่นนั้นเหล่ามหาจักรพรรดิคนอื่นๆ เองก็ต้องกัดฟันแน่น

เพราะแม้แต่เจ้าโลกยังบาดเจ็บสาหัส แสดงว่าสภาพสงครามทางใต้ในตอนนี้มันคงรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทหารทั้งหมื่นที่ถูกส่งมาเสริมทางเหนือนี้มันคงเรียกได้ว่าเป็นน้ำหยดสุดท้ายที่พวกเขาจะได้รับแล้ว

เพราะอย่างไรเสียหากแดนเหนือแตกพ่ายลงแล้วเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์เองก็คงไร้ค่าลงทันที

“ระหว่างนี้เผ่าเลือดก็ได้ส่งมหาจักรพรรดิเดินทางผ่านเส้นทางมิติมาอีกสามคน ศึกครั้งนี้มันคงยากกว่าเก่ามากแน่!” จั่วเฉินกล่าวขึ้นเสริม

“ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน ก็ต้องสู้! ต่อให้แดนเหนือเราต้องสู้จนเหลือแค่ทหารคนสุดท้ายเราก็ต้องเข้าไปทำลายเส้นทางมิติลงให้ได้! ไม่เช่นนั้นแล้วผลลัพธ์ที่ตามมามันคงเลวร้ายเกินรับได้!” ตานเฟยนั้นกล่าวขึ้น

เขานั้นเข้าใจดีว่าศึกครั้งนี้มันจะต้องหนักหนากว่าครั้งก่อนมากแน่!

เพราะว่าครั้งนี้มันต่างเป็นศึกสุดท้ายตัดสินแพ้ชนะของสงครามกันแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฝ่ายพันธมิตรสวรรค์แรก

เพราะฉะนั้นต่อให้จะเป็นแม่ทัพสูงสุดอย่างตานเฟยนี้เองเขาก็พร้อมที่จะตายลงในศึกนี้

จั่วเฉินนั้นพยักหน้ารับ “สู้! ต้องสู้แน่นอน ไม่มีใครกลัวตายหรอก แต่ตอนนี้สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดนั้นมันคือเราจะทำลายเส้นทางมิตินั้นลงได้อย่างไร? เพราะครั้งก่อนนั้นเราไม่อาจจะเข้าใกล้เส้นทางมิติได้แม้แต่น้อย ครั้งนี้มันคงยิ่งยากกว่าก่อนมากแน่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นตานเฟยเองก็ต้องเงียบปากลงไป

เพราะในศึกครั้งก่อนนั้นพวกเขาทั้งสิบห้าได้บุกเข้าไปปะทะกับมหาจักรพรรดิทั้งสิบของเผ่าเลือดแต่ก็ยังไม่อาจชิงเอาความได้เปรียบมาได้

ตอนนี้เมื่ออีกฝ่ายนั้นมีเพิ่มมาสามคนด้วยแล้ว มันยิ่งจะยาก

พวกเขานั้นไม่อาจจะเข้าไปถึงเส้นทางมิติได้เลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำลายใดๆ

“หมิงยี่ กองทัพห้าหมื่นเราปะทะกับกองทัพสามหมื่น เจ้ามีความมั่นใจแค่ไหน?” ตานเฟยหันไปถามหมิงยี่

เขานั้นเป็นแม่ทัพใหญ่ควบคุมเหล่าจักรพรรดิเซียนทั้งหลายย่อมจะมีสิทธิ์เข้าประชุมกับเหล่าแม่ทัพสูงสุดนี้ด้วย

นอกจากตัวเขานั้นเหล่าแม่ทัพสูงทั้งหก รวมไปถึงเย่หยวนก็ยังได้มีโอกาสเข้าร่วม

แม้ว่าจักรพรรดิเซียนนั้นจะเป็นแค่โล่มนุษย์แต่ว่าหากฝ่ายกองทัพชนะได้จริง เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายก็แค่ต้องถ่วงเวลามหาจักรพรรดิเผ่าเลือดไว้และให้กองทัพเข้าไปทำลายเส้นทางมิติแทน

หมิงยี่นั้นได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกตอบกลับไป “ให้พูดตรงๆ ไม่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์เลยท่าน! ทหารสามหมื่นของมันเป็นหัวกะทิทั้งสิ้น จะสังหารลงนั้นช่างยากเย็น! ความมั่นใจสามสิบเปอร์เซ็นต์ของข้านี้ยังเกิดขึ้นมาได้เพราะว่าเย่หยวนเข้าไปสังหารพวกหยวนเจิ้นทั้งสามพร้อมๆ กับนายกองอีกเกือบครึ่งทัพนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงมั่นใจไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ” พูดไปเขาก็ต้องหันไปมองเย่หยวนอย่างซาบซึ้ง

การที่เย่หยวนสังหารพวกหยวนเจิ้นและนายกองทั้งหลายลงนั้น นอกจากว่ามันจะสะใจแล้วมันยังเป็นการตัดกำลังสำคัญของฝ่ายเผ่าเลือดด้วย

เพราะว่าพวกเขาทั้งหลายที่ตายลงไปนั้นนอกจากจะเป็นยอดฝีมือแล้วพวกเขายังเป็นระดับผู้บัญชาการของกองทัพจักรพรรดิเซียน

การที่เย่หยวนสังหารพวกเขาลงนั้นย่อมเหมือนการ เผาธงศึกของเผ่าเลือดทำให้พวกเขาเสียกระบวนทัพไป!

เหตุผลที่พวกเขาพ่ายในศึกครั้งก่อนนั้น อย่างแรกก็เพราะว่าการปะทุขึ้นของเลือดกัดกร่อนระหว่างสู้ ถึงแม้อีกฝ่ายเองก็เก่งกาจอย่างเหนือล้ำด้วยเช่นกัน!

ต่อหน้าเย่หยวนและหยางชิงนั้นเผ่าเลือดมันย่อมจะอ่อนแออย่างถึงที่สุด

แต่ทหารทั่วๆ ไปนั้นไม่มีใครเก่งกาจได้เท่าหยางชิง เผ่าเลือดนั้นจึงเป็นปัญหาอย่างมาก

นอกจากนั้นทหารส่วนมากของทัพสวรรค์แรกยังถูกย้ายขึ้นมาจากแดนใต้ทำให้จิตใจของพวกเขายังไม่สงบนัก

แต่ว่าตอนนี้ด้วยเรื่องของเย่หยวน จิตใจของทหารทั้งหลายก็ได้กลับมาเดือดดาลพร้อมรบอีกครั้ง

ได้ยินคำของหมิงยี่นั้นตานเฟยก็ต้องทำหน้าเหยเกขึ้นมา

มันจะไม่มีหวังเลยหรือ?

คนทั้งหลายไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ

“ให้ข้า…ลองหน่อยไหมเล่า?” จู่ๆ มันก็เกิดเสียงหนึ่งขึ้นมา

เมื่อมหาจักรพรรดิทั้งหลายได้ยินพวกเขาต่างก็หันมามองเป็นตาเดียว

เพราะคนที่พูดขึ้นนั้นมันคือเย่หยวน

“เจ้า? ในศึกใหญ่เช่นนี้แค่เจ้าตัวคนเดียวจะทำอะไรได้?” ตานเฟยถามขึ้น

เขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนเก่งกาจแค่ไหนแต่ว่าศึกเช่นนี้มีเหล่าจักรพรรดิอยู่นับหมื่นๆ หากได้สู้กันจริง แม้แต่จักรพรรดิเที่ยงขั้นสุดเองก็คงไม่อาจรอดกลับออกมาได้

แล้วเย่หยวนแค่คนเดียวจะทำอะไรได้?

“เย่หยวน อาจารย์รู้ว่าเจ้านั้นหวังดี แต่ปาฏิหาริย์มันไม่เกิดซ้ำให้เจ้าเป็นครั้งที่ห้าหรอก ในศึกครั้งนี้เจ้าอยู่แนวหลังเถอะ อย่าได้เข้าร่วมเลย! เพราะตอนนี้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่จะชิงเอาแก่นเลือดของเผ่าเลือดมาใช้ได้ ตัวเจ้าในตอนนี้มีหน้าที่จำเป็นในการรักษาพี่น้องเราทั้งหลาย” จั่วเฉินกล่าวขึ้น

เย่หยวนนั้นคือสมบัติของพันธมิตรสวรรค์แรก จะปล่อยให้ตายลงไม่ได้

หากในศึกนั้นเขาถูกจักรพรรดิเที่ยงไล่ล่าแล้วมันคงอันตรายจนเกินรับ

วิธีการหลอมผลึกเพลิงโลหิตรวมไปถึงวิชาหยกมุกเก้าใบนั้นเย่หยวนได้สอนให้พวกเซียวชานไปหมดแล้ว

แต่หากไม่มีเย่หยวนแล้วมันก็จะไม่มีทางเอาแก่นเลือดของเผ่าเลือดมาได้ ย่อมจะไม่มีทางสร้างผลึกเพลิงโลหิตได้แต่อย่างใด

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ที่ข้าบอกคือข้านั้นมีวิธีทำลายเส้นทางมิตินั้นแต่ข้าต้องเข้าไปถึงเส้นทางมิติมันให้ได้เสียก่อนเท่านั้น! เพราะฉะนั้นข้าจึงอยากให้พวกท่านทั้งหลายนั้นหยุดยั้งเหล่ายอดฝีมือเผ่าเลือดไว้ให้ข้า!”

……………………………………………………