หลินสวินและหญิงลึกลับต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิด

ภายในสุสาน หมอกเซียนแรกกำเนิดปกคลุม สุสานหนึ่งพันเก้าหลักตั้งตระหง่าน ราวกับเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่โบราณกาล สะท้านใจคน

ทันใดนั้น…

ระลอกคลื่นแปลกประหลาดที่ราวกับกระแสน้ำระลอกหนึ่งแผ่ออกจากเขตสุสานอันเก่าแก่แห่งนี้

หลินสวินรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้าพลันเปลี่ยนไป ตอนที่สายตากลับมาเหมือนเดิมก็อดอึ้งงันไม่ได้

เขตสุสานโบราณหายไปแล้ว หญิงลึกลับก็หายไปแล้วเช่นกัน ส่วนตนกลับเหมือนมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคยอีกโลกหนึ่ง

ที่แห่งนี้หญ้าเขียวชอุ่ม ต้นไม้โบราณอุดมสมบูรณ์ กระท่อมหลังหนึ่งตั้งอยู่ แม่น้ำใสสะอาดสายหนึ่งไหลล้อมรอบกระท่อมราวกับสายหยก

ในอากาศหมอกเซียนแรกกำเนิดที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์แพร่กระจาย ราวกับดินแดนแห่งความฝัน

หน้ากระท่อมมีร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง สวมชุดขาวแขนกว้าง ผมยาวสยาย รูปลักษณ์ซื่อตรงน่าดึดดูด ราวกับเซียนที่แท้จริง ไม่แปดเปื้อนโลกีย์

ทว่ารอบตัวเขากลับมีอานุภาพไร้รูปพลุ่งพล่าน ราวกับนายเหนือหัวที่ยืนอยู่เหนือเก้าฟ้า มองลงมายังโลกหล้า!

นั่นคือเงาร่างสูงใหญ่นั่น… ไม่ คือ ‘เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์’!

หลินสวินเกือบหลุดปากออกมา แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง คิดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาเท่านั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ตนถึงไกบได้เจอเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ที่แท้จริง!

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถทะลวงผ่านเก้าด่านแห่งทางเดินเมฆาหยกได้มีไม่น้อย แต่ผู้ที่สามารถเปิดประตูบานนี้ได้ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันกลับมีเพียงเจ้าคนเดียว”

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์พูดพร้อมรอยยิ้ม ราวกับรอหลินสวินมานานแล้ว

เสียงของเขาแฝงพลังแปลกประหลาดที่ทำให้รู้สึกสงบ ราวกับระฆังยามรุ่งสาง กลองยามพลบค่ำ ทำให้ได้ยินแล้วในใจเกิดความใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว

“ผู้มีบุญ เข้ามาเถอะ”

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์พูดพร้อมนั่งลงบนโต๊ะหินตัวหนึ่งหน้ากระท่อม หยิบกาน้ำชาและถ้วยชาสองใบออกมา เริ่มต้มชาเองกับมือ

หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนสูดหายใจลึก พยายามทำให้ตนเองสงบลง แล้วค่อยก้าวเท้าเข้าไป

“ข้าน้อยหลินสวิน คารวะผู้อาวุโส”

หลินสวินประสานมือกล่าว

“นั่งเถอะ อย่าได้มากพิธี เจ้าถูกห้องโถงมรรคาสวรรค์เลือกและยังมาถึงที่นี่ได้สำเร็จ ก็เท่ากับมีบุญวาสนากับข้า หาใช่คนอื่นจะเทียบได้”

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์พูดพร้อมยื่นชาร้อนที่กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วให้หลินสวิน แล้วจึงพูดต่อว่า

“ที่เจ้าเห็นตรงหน้าเป็นแค่ประทับเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งที่ข้าทิ้งไว้ ส่วนตัวจริงของข้า… ฮ่าๆ อาจจะสลายไปจากโลกนานแล้วกระมัง”

พูดถึงตรงนี้เขาพลันเผยรอยยิ้ม คำพูดองอาจ “ตอนนั้นเคยได้เจอเส้นทางดารานิรันดร์ สำหรับข้าความเป็นความตายไม่ต่างอะไรกับเมฆล่องลอยนานแล้ว ได้เจอผู้มีวาสนาคนหนึ่งตอนนี้ สามารถตายตาหลับแล้ว!”

หลินสวินไม่รู้ว่าควรพูดอะไรไปชั่วขณะ จิตใจสั่นไหว แม้สิ่งที่เห็นตรงหน้าจะเป็นเพียงประทับเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ แต่ยังคงทำให้เขารู้สึกถึงความตะลึงที่พูดไม่ออก

นี่เป็นถึงบุคคลไร้เทียมทานที่สะเทือนหมื่นกาล ราวกับตำนานที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า ในอดีตกาลที่ผ่านมา มีบุคคลที่เหนือกว่าระดับจักรพรรดินับพันคนพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของเขา!

จู่ๆ เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ก็หุบยิ้ม พูดอย่างจริงจัง “เจ้าหนุ่มน้อย ข้าถามเจ้าประโยคหนึ่ง เจ้ายินยอมกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่”

นิ้วมือของหลินสวินสั่นเทา ถ้วยชาในฝ่ามือเกือบหล่น สีหน้าเป็นประกายขึ้นมา

เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์จะตรงไปตรงมาเช่นนี้!

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เสนอยังเป็นโอกาสกราบอาจารย์ที่สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณทุกคนวาดหวัง!

หลินสวินอึ้งงันไปชั่วขณะหนึ่ง

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ คล้ายรู้สึกว่าปฏิกิริยาของหลินสวินน่าสนใจมาก กล่าวว่า “เจ้าหนูอย่างเจ้านี่ ไม่รู้เลยสักนิดว่าการที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้เป็นเรื่องยากเพียงใด”

ว่าแล้วเขาก็อธิบายถึงเหตุผล

บนโลกนี้คนที่สามารถได้รับห้องโถงมรรคาสวรรค์ ล้วนเป็นบุคคลที่ครอบครองมหาโชควาสนา ทว่าหลังจากได้ห้องโถงมรรคาสวรรค์ จะต้องผ่านบททดสอบเก้าด่านแห่งทางเดินเมฆาหยก!

บททดสอบเหล่านี้แบ่งออกเป็นหลายด้านเช่น ความสามารถในการหยั่งรู้ พลังแฝง พรสวรรค์ สภาวะจิต พลัง วิธีการต่อสู้

ผ่านบททดสอบเหล่านี้ ก็เท่ากับได้ผ่านการคัดกรองครั้งแล้วครั้งเล่า และคนที่สามารถผ่านด่านออกมาได้ ล้วนเป็นบุคคลพลิกฟ้าที่น่าทึ่งที่สุดอย่างไม่มีข้อยกเว้น!

เช่นนี้จึงจะสามารถมาถึงหน้าประตูสวรรค์นี้ได้อย่างแท้จริง

และประตูนี้ต่างหากที่เป็นด่านที่ยากลำบากที่สุด!

อย่างเสวียนซั่งเฉินแห่งยุคดึกดำบรรพ์ โดดเด่นเพียงใด เป็นผู้ฝึกกระบี่พลิกฟ้าที่ทำให้หญิงลึกลับยังเสียดาย แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงฝืนเปิดออกได้เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น

ส่วนหลินสวินเป็นผู้ทะลวงด่านคนเดียวที่สามารถเปิดประตูนี้ได้ นับตั้งแต่มีห้องโถงมรรคาสวรรค์มา

ด้วยเหตุนี้เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์จึงพูดว่าจะรับเขาเป็นศิษย์ตรงๆ

หลินสวินเพิ่งจะเข้าใจกระจ่าง และในที่สุดก็ตระหนักได้ว่า ที่แท้บททดสอบแต่ละครั้งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เป็นเพียงแค่วิธีการรับศิษย์ของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์คนนี้เท่านั้น!

“หากเจ้ายินยอม ก็สามารถกราบอาจารย์ได้ตอนนี้เลย เพียงเปิดสภาวะจิตให้กว้าง ข้าก็จะสามารถหลอมสิ่งที่ร่ำเรียนมาทั้งชีวิต ประทับลงไปในจุดหนึ่งในใจเจ้า”

เสียงของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์อ่อนโยน รอยยิ้มอบอุ่น ดูออกว่าเขามีความสุขมาก ไม่ปกปิดความชื่นชมที่มีต่อหลินสวินสักนิด

หลินสวินอดหวั่นไหวไม่ได้

ได้เห็นแต่ละภาพในเขตสุสาน ทำให้เขามั่นใจนานแล้ว ว่าเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งจนไม่สามารถจินตนาการได้คนหนึ่งอย่างแน่นอน

ในชีวิตการฝึกราณที่ผ่านมาของเขา มีผู้แข็งแกร่งที่ไม่ด้อยกว่าระดับจักรพรรดิมากกว่าพันคนพ่ายแพ้ในมือเขา!

หากสามารถกราบอาจารย์อย่างเขาได้ บนโลกนี้ผู้ฝึกปราณคนใดจะสามารถปฏิเสธได้

ทว่าใคร่ครวญอยู่นาน หลินสวินกลับถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “ไม่ปิดบังผู้อาวุโส ข้าน้อยมีอาจารย์อยู่แล้ว เรื่องกราบอาจารย์…”

ไม่รอพูดจบเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ก็อดเงยหน้าหัวเราะเสียงดังไม่ได้ ในเสียงแฝงความเย่อหยิ่งอย่างไร้ใดเปรียบ

“เจ้าหนุ่ม บนโลกนี้นอกจากข้า ใครยังมีคุณสมบัติถ่ายทอดวิชามรรคให้เจ้าอีกหรือ”

ประโยคเดียวมีความเย่อหยิ่งที่ไม่เห็นวีรชนทั่วโลกในสายตา

หลินสวินคิดๆ แล้วสุดท้ายก็ส่ายหน้า “นี่ไม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของศักยภาพ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าฝึกปราณมาถึงตอนนี้ มีมรรคาที่ตนจะแสวงหานานแล้ว”

ความหมายในคำพูดของเขาก็คือ เขาไม่ขาดการชี้แนะถ่ายทอดวิชามรรคอะไร

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์อึ้งไป มองหลินสวินอย่างประหลาดใจแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้าจริงจังหรือ เจ้าควรรู้ว่าขอเพียงแค่เจ้าพยักหน้าก็จะได้รับมรดกวิชาของข้า ต่อไปอย่าว่าแต่บรรลุจักรพรรดิ แม้แต่ระดับที่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

เหนือความคาดหมายของเขา หลินสวินส่ายหน้าอีกครั้ง พูดอย่างรู้สึกผิด “ต้องทำให้ผู้อาวุโสผิดหวังแล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เลือนหายไป เงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงทอดถอนใจ “ไม่คิดว่าบนโลกนี้กลับยังมีคนรุ่นหลังที่แปลกประหลาดเช่นเจ้า ทั้งที่เป็นเช่นนี้เจ้ากลับมาถึงที่นี่… เฮ้อ วาสนาช่างกลั่นแกล้งคน หรือมรดกวิชาของข้าจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้…”

ในเสียงแฝงความโดดเดี่ยวเดียวดาย

หลินสวินทำใจไม่ได้นัก ทว่าไม่รอเขาพูด เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ก็พูดว่า “เจ้าหนุ่ม ประทับเจตจำนงเสี้ยวนี้ของข้ากำลังจะสลายแล้ว แม้เจ้าไม่กราบอาจารย์ แต่จะรับมรดกของข้าไว้ได้หรือไม่ รอในอนาคต… เจอผู้มีวาสนา ก็ช่วยรับเป็นศิษย์แทนข้าได้หรือไม่”

พูดถึงสุดท้ายเขาอดยิ้มหยันตัวเองไม่ได้ “ถือซะว่า… ข้าขอร้องเจ้าเป็นอย่างไร”

พูดถึงขนาดนี้แล้ว หลินสวินจะปฏิเสธอีกได้อย่างไร

เพียงแต่ในตอนที่เขากำลังจะพยักหน้า เสียงเย็นเยียบพลันดังขึ้น

“อย่าตอบตกลงเขา! เจ้าหมอนี่ไม่ใช่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ที่แท้จริงนานแล้ว!”

ห่างออกไปไกล เงาร่างของหญิงลึกลับปรากฏขึ้น สีหน้าแฝงความเย็นเยียบ

อะไรนะ

หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

ในเวลาเดียวกันเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์มุ่นคิ้ว พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “กำเริบ! ข้ารับศิษย์ วิญญาณอาฆาตเล็กๆ อย่างเจ้ายังจะกล้าพูดพล่อยๆ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงเขาก็สะบัดแขนเสื้อ

ตูม!

ร่างของหญิงลึกลับราวกับถูกพลังน่ากลัวม้วนพัด ยังไม่ทันตอบสนองก็หายไปแล้ว

หลินสวินหวาดหวั่น หนังหัวชาวาบ

เขาย่อมรู้ดีว่าหญิงลึกลับแข็งแกร่งเพียงใด ทว่าตอนนี้กลับต้านการโจมตีเดียวของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ไม่ได้!

ในที่นั้นเงียบกริบ เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ถอนหายใจเบาๆ “ข้าไม่ใช่ข้าแล้วจริงๆ แต่เป็นประทับเจตจำนงเสี้ยวหนึ่ง เจ้าหนุ่มอย่าได้ตกใจ เปิดสภาวะจิตของเจ้า ขอเพียงแค่รับมรดกไว้ก็พอแล้ว”

เสียงราวกับมีเวทมนต์ ทำให้สภาวะจิตของหลินสวินสงบ เกิดความคิดที่จะทำตาม เหมือนญาติมิตรคอยย้ำเตือนอยู่ข้างหู

ทว่าไม่ทันไรจู่ๆ หลินสวินก็กัดลิ้น จิตวิญญาณแจ่มกระจ่างโดยสิ้นเชิง สายตาของเขาจ้องเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์แล้วกล่าวว่า “ความหวังดีของผู้อาวุโส ข้าน้อยขอรับไว้ด้วยใจ แต่อย่าได้ถือโทษที่ไม่อาจทำตามได้ ลาก่อน”

ว่าแล้วเขาก็จะลุกขึ้น

ทว่าไม่ว่าเขาจะออกแรงอย่างไรร่างกายก็ไม่ขยับสักนิด ถูกกักเอาไว้โดยสมบูรณ์ แม้แต่นิ้วยังยกไม่ขึ้น

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที

ในเวลาเดียวกันเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์สีหน้าผิดหวัง ดื่มชาพลางพึมพำ “ข้าเพียงแค่อยากรับศิษย์คนหนึ่ง สืบทอดมรดกวิชาของข้า ทะยานไปยังเส้นทางดารานิรันดร์อีกครั้งก็เท่านั้น เหตุใด… เหตุใดรอมานานขนาดนี้ คนที่มากลับเป็นคนโง่เขลาเช่นนี้”

เสียงก็ผิดหวังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับเสียใจอย่างที่สุด

ทว่าหว่างคิ้วของเขากลับแฝงความเยียบเย็นและเหี้ยมโหด ทั้งร่างราวกับเทพมารดึกดำบรรพ์ แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์แล้ว!

ควรรู้ว่าเขาก่อนหน้านี้ องอาจสง่างาม หนวดเคราเผ้าผมพลิ้วไหว กลิ่นอายรอบตัวดุจดั่งเทพ ราวกับไม่เกี่ยวข้องทางโลก อิริยาบถอาจหาญและเป็นอิสระ ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายสบาย

ทว่าเขาในตอนนี้กลิ่นอายกลับดูน่ากลัวอย่างที่สุด!

ครู่เดียวเท่านั้นหลินสวินราวกับตกเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง เขาไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งที่ซ่อนอยู่หลังประตูสวรรค์นี่ไม่ใช่ศุภโชคหรือวาสนาไร้เทียมทานอะไร

แต่เป็นประทับเจตจำนงที่น่าหวาดหวั่นและความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้!

หรือที่หญิงลึกลับพูดจะเป็นความจริง เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ตัวเขาที่แท้จริงนานแล้ว!

“ข้าให้ศุภโชคกับเจ้า ถ่ายทอดมรดกวิชาแก่เจ้า ไม่ดีหรือ เหตุใดต้องปฏิเสธแล้วปฏิเสธเล่า ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครกล้าหักหน้าข้าอย่างเจ้าเลยนะ”

สายตาของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์มองไปยังหลินสวิน พูดเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าหนุ่มน้อย พูดในสิ่งที่เจ้าคงไม่อยากได้ยินสักประโยค หากเปลี่ยนเป็นตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ บุคคลอย่างเจ้า ไม่อยู่ในสายตาของข้าด้วยซ้ำ ต่ำต้อยไร้ความหมายเกินไป!”

สีหน้าของหลินสวินอึมขรึมไม่สามารถสงบได้ พยายามสกัดกั้นความกลัวและสั่นสะเทือนในใจ พูดอย่างตรงไปตรงมา “ลองพูดมาเถอะ เจ้าต้องการอะไรกันแน่”

“รับลูกศิษย์!”

เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์พูดอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด “ข้าจะหลอมสติปัญญา ประสบการณ์ สิ่งที่พบเห็น…เข้าไปในตัวเจ้าทั้งหมด ถึงตอนนั้น บนโลกนี้ ใครจะยังทำอะไรเจ้าได้ ใครจะกล้าไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา”

พูดถึงสุดท้ายเขาพลันลุกขึ้น แขนเสื้ออันกว้างใหญ่พลิ้วไหว หว่างคิ้วเผยความคลั่งไคล้ที่พูดไม่ออก

“ถึงตอนนั้นเจ้าจะสืบทอดเจตจำนงของข้า ก้าวสู่มรรคาไร้เทียมทาน เปิดทวารดวงดาวอีกครั้ง สังหารขึ้นไปยังเส้นทางดารานิรันดร์ สังหารทุกคนให้สิ้นซาก!”

เสียงราวกับฟ้าร้อง เจตนาสังหารทะลวงฟ้า

——