“เชื่อว่าด้วยพลังของศิษย์พี่เย่น่าจะสามารถหลบหลีกออกไปได้ ข้าออกไปก่อนแล้วกัน”

เสิ่นปิงหยูไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย พูดกับหลัวซิวประโยคหนึ่ง จากนั้นก็หนีออกไปทางช่องว่างพร้อมกับร่างที่กระพริบ แม้ว่านางจะแข็งแกร่งมาก แต่นางก็ไม่สามารถต้านทานการล้อมโจมตีของราชาเทพจำนวนมากได้อย่างแน่นอน

หลังจากหลบหนีจากการถูกล้อม นางก็โบกมืออัญเชิญเรือหยกออกมา พากลุ่มคนตระกูลจู้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที

“ปัง!”

การโจมตีนับไม่ถ้วนถาโถมใส่ตัวของหลัวซิ่วในคราวเดียว ท่ามกลางการโจมตีเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างเนื้อของเขาร่างยุทธ์ได้ แต่การโจมตีของกึ่งมกุฎเทพทั้งห้านั้นต่างออกไป เขาไม่กล้าที่จะต้านไปอย่างง่าย ๆ ได้

เขาโบกมืออัญเชิญสำนักเต๋าเสวียนเทียน การโจมตีนับไม่ถ้วนตกลงบนประตูสำนักเต๋า มั่นใจว่านี่คืออัญมณีแห่งพรสวรรค์ชิ้นหนึ่ง ยากที่จะเสียหาย มิฉะนั้น ภายใต้การโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ ต่อให้เป็นราชาแห่งศัสตราวุธชั้นยอด ก็ยังต้องแหลกสลายไป

หลังจากนั้น ปีกเทพทะลุฟ้าไร้มลทินก็สยายอยู่ที่ด้านหลังของเขาในทันที ปีกสีเงินขาวทั้งแปดสั่นไหว โคจรกฎปริภูมิและกฎความเร็ว เสียงซวบดังขึ้นก็พลันหายไปจากจุดนั้น

ผุ! ผุ! ผุ! ……

เขาพุ่งชนเข้าไปโดยตรง นักยุทธ์ราชาเทพช่วงกลางหลายคน ถูกเขาชนจนแหลกสลายกลายเป็นละอองเลือด ความเร็วของเขาเต็มอัตรา และหายไปในขอบฟ้าอันไกลโพ้นราวกับสายฟ้าฟาด

“ตามไป!”

ผู้คนมากมายต่างก็ไม่พอใจ พากันสำแดงวิชากลไก รวมถึงของขลังเหาะเหินรีบบินตามไป

แต่เพียงครู่เดียว หลัวซิวได้หายไปอย่างสมบูรณ์ สลัดคนเหล่านี้ไว้ด้านหลังโดยไม่สามารถติดตามร่องรอยได้

“ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ”

หลัวซิวบินอยู่บนท้องฟ้า นึกถึงการกระทำของเสิ่นปิงหยู ก็พลันขมวดคิ้ววเข้าหากันอย่างอดไม่ได้

ตั้งแต่ต้นจนจบ เสิ่นปิงหยูทดสอบเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อมามีความช่วยเหลือของศิษย์ตระกูลจู้ เห็นได้ชัดว่านางมีแผนการมากมายสำหรับหลาย ๆ เรื่องราว

ไม่ต้องสงสัยเลย หากตอนที่อยู่ในตำหนักปีศาจหลอมหลัวซิวแสดงพลังออกมาไม่แข็งแกร่งพอ หากไม่ลึกลับพอที่จะให้นางรู้สึกว่าไม่สามารถทำความเข้าใจในรายละเอียดได้ เสิ่นปิงหยูผู้หญิงคนนี้จะไม่ยอมปล่อยให้เขาเดินออกมาจากตำหนักปีศาจหลอมทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นแน่

ไม่ว่าเสิ่นปิงหยูแท้จริงแล้วจะมีแผนการเจ้าเล่ห์อย่างไร หลัวซิวก็เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมันไปอย่างนั้น ไม่ได้เห็บมาใส่ใจเท่าใดนัก

ก็เหมือนกับคำที่เสิ่นปิงหยูพูดเอาไว้ มีเพื่อนเพิ่มมาคนหนึ่งยังไม่ดีเท่าศัตรูลดลงคนหนึ่ง หากไม่จำเป็นจริง ๆ หลัวซิวก็ไม่คิดที่จะอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์กับเสิ่นปิงหยู

เมื่อออกมาจากเหวไร้สิ้นสุด หลัวซิวก็ไม่พบอิงบูเฉิงกับเทพธิดายู่หรง ในวันนี้ตำหนักปีศาจเพลิงได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย พูดตามหลักเหตุผล การร่วมมือระหว่างพวกเขาก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว

สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น ความคิดแรกของเขาในตอนนี้คือการหาสถานที่ปิดขัง ใช้ทรัพยากรในมือ เพิ่มพูนผลการฝึกตนของตนให้ก้าวไปอีกขั้น

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าได้แต่เน้นไปที่การปรับปรุงผลการฝึกตนของร่างหลักเท่านั้น ผลการฝึกตนสองร่างกลวัฏสงสารใหญ่อยู่ในระดับต่ำมาตลอด ได้เวลาที่จะเพิ่มระดับไปพร้อม ๆ กันแล้ว”

ขณะเหาะไปในอากาศ หลัวซิวแอบคิดแผนการของตัวเองอยู่ในใจ

นอกจากปัญหาการเพิ่มระดับผลการฝึกตนสองร่างกลวัฏสงสารใหญ่กับร่างหลักแล้ว ในตอนนั้นที่เขาผ่านพ้นทัณฑ์สายฟ้าพิโรธบรรลุแดนเทพฟ้า ควรจะได้รับการมอบของขวัญของกฎดั้งเดิมอีกครั้ง

เพียงแต่เขายังไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ปรากฏเรื่องการผสานรวมของตำหนักวัฏสงสารและลูกแก้วความเป็นตาย จึงได้ล่าช้ามาจนถึงตอนนี้

การมอบของขวัญของกฎดั้งเดิม เป็นพื้นฐานให้หลัวซิวแข็งแกร่งขึ้นทีละก้าว ๆ ถึงแม้การมอบของขวัญของกฎดั้งเดิมในก่อนหน้านี้มันจะไร้ประโยชน์ก็ตาม แต่ในยามที่พลังเคยอ่อนแอ มันกลับเป็นสถานที่พักพิงที่เขาสามารถหยัดยืนได้