“ผมต้องการทำลายราชวงศ์เย่ คุณช่วยผมได้ไหม?”
คำพูดนี้ของหยางเฉิน ทำให้ถังยี่โหรวที่ได้ยินถึงกับอึ้ง และหลังจากที่เธออึ้งไปสักพัก แล้วจู่ๆ ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับยื่นมือออกมา และไปปิดปากของหยางเฉินโดยไม่รู้ตัว
“อย่าพูดอะไรบ้าๆ น่ะ นี่เป็นเมืองราชวงศ์เย่เลยนะ!”
ถังยี่โหรวพูดด้วยท่าทีที่หวาดกลัว เพราะกลัวว่าหยางเฉินจะพูดเรื่องบ้าๆ ออกมาอีก
เย่เทียนหมิงที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเขาเห็น ตอนที่ถังยี่โหรวยื่นมือออกมาปิดปากของหยางเฉิน ตาของเขาก็ลุกเป็นไฟขึ้นมาทันที
หยางเฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ผู้หญิงคนนี้จะทำเรื่องแบบนี้ออกมา
แต่ไม่นานถังยี่โหรวก็เห็นการกระทำของตัวเอง จนทำตัวไม่ถูก แถมยังอายจนหน้าแดง และรีบเอามือออกจากปากทันที
“จะไปหรือไม่ไป ก็แล้วแต่คุณเลยค่ะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว!” ถังยี่โหรวพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง
ดูไปดูมาถังยี่โหรวเองก็แค่อายุยี่สิบต้นๆ และยังอ่อนต่อโลกมาก แถมยังมีคนอย่างเย่เทียนหมิงเป็นคู่หมั้นแบบนี้ คงไม่น่าจะโอกาสได้คุยกับผู้ชายคนอื่นด้วยซ้ำ
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับคิดในใจ และมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเธอ
ไม่ว่าอย่างไร ก็ไปปฏิเสธไม่ได้ว่า ถังยี่โหรวเป็นผู้หญิงที่ดีเลยก็ว่าได้ ถึงปากเธอจะพูดว่าไม่ยุ่งเรื่องของหยางเฉินแล้ว แต่เกรงว่าครั้งต่อไปคงจะยุ่งอีก
อย่างถังยี่โหรวที่เป็นลูกสาวจากตระกูลระดับสูง และแถมยังเป็นคนดีขนาดนี้ ถือว่าน่าทึ่งเหมือนกัน
ถ้ามีโอกาส หยางเฉินเองก็อยากที่จะช่วยถังยี่โหรวสักครั้ง
ไม่านาน เครื่องบินก็เข้าสู่รันเวย์ และหลังจากเครื่องบินลงบนรันเวย์ได้สักพัก เครื่องบินก็ได้จอดอย่างนุ่มนวล
“ไอ่หนุ่ม ถ้านายคิดว่าแน่ก็อย่าหนีก็แล้วกัน ฉันจะรอนายอยู่ข้างนอก”
ตอนที่เย่เทียนหมิงเดินผ่านหยางเฉิน ก็ชักสีหน้าที่ไม่พอใจออกมา
หยางเฉินเหลือบมองเย่เทียนหมิงด้วยหางตา แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด เป็นแค่หมากตัวเดียวในราชวงศ์เย่ ไม่มีทางที่หยางเฉินจะเอามาใส่ใจหรอก
ทันทีหลังจากจากนั้น หยางเฉินและถังยี่โหรวทั้งสองคน ก็ค่อยๆเดินออกมาจากเครื่องบิน
“นี่ ก่อนหน้านี้ที่ฉันพูดกับคุณไม่ได้พูดเล่นนะ ที่นี่เป็นเมืองราชวงศ์เย่ ในเขตของเย่เทียนหมิง คุณตัวคนเดียว ไม่ว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน อยู่ในเมืองราชวงศ์เย่ มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”
ถังยี่โหรวที่เดินตามหยางเฉินก็มีสีหน้าที่เป็นกังวล และพูดด้วยท่าทางเร่งรีบว่า “คุณฟังฉันนะคะ ถ้าคนของราชวงศ์เย่ยังมาไม่ถึง อย่าออกจากสนามบินเด็ดขาด ทางที่ดีคุณรีบซื้อตั๋วเครื่องบินและออกจากราชวงศ์เย่ให้เร็วที่สุดดีกว่าค่ะ”
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณทำตามขั้นตอนทั่วไป เกรงว่ายังไม่ทันได้ขึ้นเครื่อง คนของราชวงศ์เย่คงหาตัวคุณเจอก่อนแน่ค่ะ”
ถังยี่โหรวยิ่งพูด ก็มีสีหน้าที่เป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากเงียบไปสักครู่ เธอก็พูดว่า “งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ ตอนนี้ให้เอาบัตรของคุณมาให้ฉันถ่ายรูป แล้วฉันจะให้คนของตระกูลถังช่วยคุณผ่านช่องเช็กอินพิเศษ รับรองว่าคุณขึ้นเครื่องได้เดี๋ยวนี้เลย”
หยางเฉินส่ายหัวไปมา “ขอบคุณน้ำใจที่มีให้นะครับ แต่ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำจริงๆ ถ้ายังทำไม่เสร็จ ผมจะไปจากเมืองราชวงศ์เย่ไม่ได้เด็ดขาด”
“คุณ……”
ครั้งนี้ ถังยี่โหรวนั้นโกรธจริงๆ พร้อมกับมองหยางเฉินด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ และดูท่าทางเหมือนกำลังจะร้อง “ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน คุณก็ไม่ต้องมามีปัญหาอะไรแบบนี้กับเย่เทียนหมิงหรอก”
“ถ้าคุณตายไป ฉันจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ฉันพูดกับคุณขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณยังไม่ยอมฟังฉันอีกล่ะ?”
ถังยี่โหรวรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก เธอที่เป็นคนดี รู้สึกผิดมาตลอดว่าเป็นเพราะตัวเขาเอง หยางเฉินถึงทำให้เย่เทียนหมิงไม่พอใจ
จู่ๆ หยางเฉินไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
แต่ขณะที่ถังยี่โหรวกำลังพูดให้หยางเฉินเปลี่ยนใจ รู้ตัวอีกทีทั้งสองคน ก็เดินออกมาจากโถงรับส่งผู้โดยสารแล้ว
“นี่คุณกำลังฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่าเนี้ย?”
เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไม่ยอมพูดอะไร ถังยี่โหรวก็พูดด้วยความเป็นกังวล
“ตอนนี้ต่อให้ผมอยากหนีอย่างไร ก็หนีไม่รอดแล้วล่ะ” จู่ๆ หยางเฉินก็พูด
ถังยี่โหรวมองไปทางที่หยางเฉินมองไป จนได้เข้าใจความหมายที่หยางเฉินพูด เพราะสิบเมตรข้างหน้า เย่เทียนหมิงยืนรอด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ข้างๆ เขา ยังมีชายกลางคนที่ดูแข็งแรงมากๆ ยืนอยู่อีกด้วย
“หวังเอ้า!”
เมื่อถังยี่โหรวเห็นผู้ชายที่อยู่ข้างๆเย่เทียนหมิง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
“จบกัน! ทำไมต้องเป็นหวังเอ้าด้วย! ในบรรดาคนของเย่เทียนหมิงเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด และแข็งแกร่งเท่าๆ กับแดนเทพขั้นปลาย”
ถังยี่โหรวพูด
“ถังยี่โหรว ไอ้ลูกไม่รักดี ยังไม่รีบมาหาฉันอีก!”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้น
คือชายกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆเย่เทียนหมิง ในตอนนี้ สีหน้าของชายกลางคนก็เต็มไปด้วยความโมโห หลังจากที่ตะโกนใส่ถังยี่โหรว ก็ก้มหัว และอธิบายว่า “คุณชายหมิง ต้องขออภัยจริงๆครับ ถ้ากลับไป ผมจะสั่งสอนเธอให้ดีกว่านี้ครับ”
“อ่า อ่า ไม่จำเป็นหรอกครับ เดิมทีผมตัดสินใจว่าจะรอเธอ และให้เวลาเธอเป็นอิสระอีกสักสองสามปี แต่ดูจากตอนนี้แล้ว คงไม่จำเป็นแล้วล่ะครับ ผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะแต่งงานกับเธอภายในอาทิตย์หน้า” เย่เทียนหมิงพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
ชายกลางคนที่ได้ยิน ถึงกับเหงื่อแตก พร้อมกับขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายก็รีบพูดว่า “ตามใจคุณชายหมิงเลยครับ”
“พ่อ!”
เมื่อถังยี่โหรวเห็นชายกลางคนคนนั้นตอบตกลงกับเรื่องที่เย่เทียนหมิงจะขอแต่งงานกับเธอในอาทิตย์หน้า ก็ดูสิ้นหวังอย่างมาก
“ยังไม่รีบมาอีก!” ชายกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงโมโห
ถังยี่โหรวเดินมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนหมดหนทาง และมายืนอยู่ข้างหน้าของหยางเฉิน พร้อมกับมองไปที่เย่เทียนหมิงด้วยสายตาที่แดงๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอยากให้ฉันแต่งงานกับคุณในอาทิตย์หน้า ได้ค่ะ แต่คุณต้องรับปากฉันว่า จะปล่อยเขาไป”
“ไอ้ลูกไม่รักดี! นี่แกกำลังพูดอะไรอยู่?”
พ่อของถังยี่โหรวโกรธขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบนเครื่องบินเกิดเรื่องอะไรขึ้น แค่มาสนามบินเพื่อรับลูกสาวก็เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะเจอกับเย่เทียนหมิงที่นี่
เย่เทียนหมิงบอกกับเขาแค่ว่า ตอนที่ถังยี่โหรวอยู่บนเครื่อง กำลังเล่นชู้กับผู้ชายคนหนึ่ง ให้เขาอบรมสั่งสอนดีๆ
เดิมทีเขาเองก็ไม่เชื่อ เขาเองก็รู้ดีว่า ลูกสาวของตัวเองนั้นเป็นคนแบบไหน แต่เมื่อเขาเห็นถังยี่โหรวปกป้องหยางเฉิน และยังขอร้องเย่เทียนหมิง ถึงได้เชื่อคำพูดของเย่เทียนหมิง
หยางเฉินก็ประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีคิดว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ถังยี่โหรวไม่มีทางเข้ามายุ่งเรื่องเขาอย่างแน่นอน ทั้งๆ ที่ถึงเมืองราชวงศ์เย่ และแถมพ่อของเธอก็โผล่ออกมาแล้ว
และเรื่องที่ยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ ถังยี่โหรวยังคงเลือกที่จะปกป้องหยางเฉิน
“พ่อคะ หนูพูดชัดเจนแล้วนะคะ ถ้าอยากให้หนูแต่งงานกับเย่เทียนหมิง หนูรับได้ค่ะ แต่เขาต้องปล่อยคุณคนนี้ไป”
ถังยี่โหรวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เย่เทียนหมิงเอง ก็โมโหมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่นึกว่า ถังยี่โหรวยังจะออกตัวมาปกป้องหยางเฉิน ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
และนี่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่า ถังยี่โหรวกับหยางเฉินเพิ่งจะรู้จักกันบนเครื่อง
“ถ้าผมไม่ปล่อยเขาไป และยังบอกว่าจะแต่งงานกับคุณในอาทิตย์ล่ะครับ?”
เย่เทียนหมิงพูดด้วย น้ำเสียงที่เย็นชา
“งั้นคุณ ก็จะได้แค่ร่างกายของฉัน!” ถังยี่โหรวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง