หลัวซิวเองก็เป็นนักค่ายเทพระดับ 9 อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจผังค่ายที่พัฒนามาจากค่ายกลสองค่ายกลนี้ เห็นเพียงเขายกมือขึ้นผนึกค่ายกล การทำงานของค่ายกลทั้งสองก็หยุดลงทันที

วินาทีต่อมา หลัวซิวได้ฉีกค่ายกลทั้งสองออกจากกัน ต่อยไปยังความว่างเปล่า หมัดกระบี่ฟันออกไป

เมื่อเห็นว่าค่ายกลเทพระดับ 9 ของตนเองถูกอีกฝ่ายทำลายอย่างง่ายดาย นักยุทธ์ชายชื่อหลูเฉิงหลงก็ตกใจและพูดไม่ออก

“หยุดนะ!”

ชายหญิงอีกสองคนคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และนักยุทธ์หญิงผมแดงสีหน้าจองหองตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว

แต่หลัวซิวไม่ได้สนใจสักนิด หมัดกระบี่พุ่งออกไปโดยไม่มีอะไรขัดขวาง ทำลายพลังเทพป้องร่างของหลูเฉิงหลงทันที ร่างกายของเขาก็ถูกหมักหระบี่ผ่าครึ่งกลายเป็นสองส่วน

“ไอ้สารเลว แกกล้าดียังไงถึงฆ่าข้า?”

ช่องจิตดวงหนึ่งบินออกมาจากร่างที่เสียหาย และเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นก็ดังมาจากช่องจิต

รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลัวซิว เขายกมือขึ้นพร้อมชี้ไปในความว่างเปล่า ทันใดนั้น ปริภูมิตรงจุดนั้นก็พังทลายลงมา กลืนกินช่องจิตของหลูเฉิงหลงเข้าไป

พลังการพังทลายของปริภูมินั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง และช่องจิตของหลูเฉิงหลงก็พังทลายลงกลายเป็นความว่างเปล่าในทันที ไร้ชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิง

“อ่อนแอเกินไป”

หลัวซิวส่ายศีรษะ ตอนนี้ในนักยุทธ์ภายใต้มกุฎเทพ เขามีความรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้เขาได้ เช่นเดียวกับตอนนี้ ฆ่าผู้เก่งกาจราชาเทพช่วงปลายง่ายดายเกินไป โดยไม่ต้องออกกำลังใดๆ

แม้ว่าเขาจะปิดกั้นฝึกตนอีกครั้ง เปิดจุดปราณร่างเนื้ออีกหลายจุด จากนั้นจึงได้รับของขวัญจากกฎดั้งเดิม จากนั้นก็เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกลวัฏสงสารทั้งสองให้สูงขึ้น หลัวซิวรู้สึกว่าเขาน่าจะสามารถเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพได้แล้ว

ทุกแดนใหญ่เป็นช่องว่างที่ข้ามผ่านไม่ได้ ด้วยผลการฝึกตนเทพฟ้าเป็นขีดจำกัดแล้วที่จะข้ามแดนใหญ่หนึ่งแดนให้เป็นผู้ที่ไร้คู่ต่อสู้ และสิ่งที่หลัวซิวต้องทำคือฝ่าฝันขีดจำกัดนี้และท้าทายมกุฎเทพด้วยผลการฝึกตนเทพฟ้า!

“นายหญิง รีบหนีไป!”

นักยุทธ์ชายอีกคนตะคอกเสียงดัง เขาเผาชีวีดั้งเดิมของเขาเองโดยไม่มีความลังเลใดๆ ออร่ารอบกายเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาพุ่งไปหาหลัวซิว

และนักยุทธ์หญิงที่มีผมแดงสวยงามก็มีสีหน้าผันผวนเช่นกัน นางกัดฟันและหยิบฮู้ออกมา ความผันผวนของปริภูมิครุมเคือจางๆ ปรากฏขึ้น จากนั้นร่างนั้นก็หายไปในทันที

“ยันต์ทะลุฟ้า?”

หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย ฮู้เป็นของใช้ครั้งเดียวที่สามารถสร้างได้โดยนักค่ายกล ยันต์ทะลุฟ้าที่นักยุทธ์หญิงผมแดงใช้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงปราณของกฎแห่งปริภูมิขั้นที่หก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฮู้ม้วนมีค่าเพียงใด

“โครม!”

เขายกมือขึ้นช้าๆ ฝ่ามือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งก็โผล่ออกมา ปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ นักยุทธ์ชายที่พุ่งเข้าหาเขาด้วยการเผาผลาญชีวีดั้งเดิมถูกฝ่ามือกดทับลง ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก

เทพธิดายู่หรงที่สีหน้าซีดเซียวก็กลืนน้ำลายโดยสัญชาตญาณ แม้นางรู้ดีว่าเย่ห้าวหรานแข็งแกร่งมากพอที่จะฆ่าผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพครึ่งก้าวคนหนึ่งได้ แต่นางคาดไม่ถึงว่าความแข็งแกร่งของเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงนี้ สำหรับเขาแล้ว ราชาเทพช่วงปลาย เป็นเหมือนมดซึ่งถูกขย้ำให้ตายได้ง่ายดาย

“ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว”

ภาพของคนผู้นี้ที่สังหารมกุฎเทพครึ่งก้าวในเมืองมังกรครามยักษ์ผุดขึ้นมาในสมอง ซึ่งทำให้เทพธิดายู่หรงรู้สึกถึงความสยองขวัญที่ไม่อาจหยั่งรู้ของเย่ห้าวหรานคนนี้มากยิ่งขึ้น

“อาการบาดเจ็บของเจ้าสาหัสไม่น้อย” หลัวซิวหันศีรษะมองไปที่เทพธิดายู่หรง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เทพธิดายู่หรงยิ้มอย่างขมขื่นและพยักหน้า “เส้นลมปราณในร่างกายของข้าพังไปมากกว่าครึ่ง ขอบใจที่ช่วยท่านข้าไว้ ไม่เช่นนั้น วันนี้ข้าคงตายที่นี่แน่”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางพยายามลุกขึ้นยืน แต่ร่างกายของนางอ่อนแอมาก นางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะใช้แล้ว