ตอนที่ 3302

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,302 : เผยความแข็งแกร่ง

 

 

“นอกจากนั้นข้า ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่หญิง 3 และศิษย์น้อง 6 ก็ไปตระเวนสืบเรื่องนี้เพิ่มเติมมาทุกที่…”

 

ตอนนี้เองโอวหยางฉีเฟย ศิษย์พี่ 5 ของต้วนหลิงเทียน ก็กล่าวเสริมออกมา “เหลยจวิ้นที่ว่า….ก่อนตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่จะไปดักฆ่าเจ้า มีคนสังเกตเห็นมันมุ่งหน้าไปยังที่พักของหานอวิ๋นจิ่น เพื่อเข้าพบหานอวิ๋นจิ่นโดยเฉพาะ”

 

“หลังจากนั้นก็มีคนพบเห็นพวกมัน 2 คนออกจากวังเทียนฉือไปด้วยกัน…”

 

“พวกเรากำลังสงสัยว่า ไม่พ้นตอนนั้นพวกมันทั้งคู่ต้องไปหาตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่แน่!”

 

“เพราะนับจากช่วงเวลาที่พวกมันกลับมาแล้ว ตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ก็ไปลงมือกับเจ้า…อย่างที่เจ้าพูดเมื่อครู่ ใต้หล้าไหนเลยมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้?”

 

โอวหยางฉีเฟยกล่าวเสียงเข้ม

 

“น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีหลักฐานรองรับ ทั้งหมดก็แค่การเคาเดาเท่านั้น…ถึงแม้พวกเราจะมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าพวกมันเป็นผี แต่ก็ไม่อาจใช้กฏของวังเทียนฉือเล่นงานพวกมันได้”

 

ใบหน้าหงเฟยปกติแล้วมักเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แลดูเฮฮามากอัธยาศัย แต่ตอนนี้กลับมืดดำแทบจะคั้นได้เป็นหยดน้ำหมึก!

 

“ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่หญิง 3 ศิษย์พี่หญิง 4 ศิษย์พี่ 5 ศิษย์พี่ 6…”

 

ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะไม่รู้ว่าศิษย์พี่ทุกคนต้องลงแรงไปไม่น้อยแน่ ถึงตามสืบเรื่องนี้ให้เขาได้ ทั้งยังได้เรื่องในเวลา 3 เดือนที่เขากำลังเดินทางกลับ

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวในใจ ยังรู้สึกอบอุ่นนัก

 

“อาจารย์เองก็ไม่ได้อยู่เฉย ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา อาจารย์พยายามไปกล่าวหยั่งเชิงจ้าวตำหนักเหลยเสมอ…กระทั่งวันนี้ยังเลือกจะไปตำหนักลองกระบี่เพื่อชวนจ้าวตำหนักเหลยไปรับเจ้าด้วยกัน”

 

หูเหมยมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “จากที่ท่านอาจารย์สังเกต…จ้าวตำหนักเหลยไม่น่าจะรู้เรื่องราว”

 

“ไม่น่าจะรู้จริงๆ”

 

ฉือหล่างกล่าวเสริมขึ้นมา “หากเหลยอิงล่วงรู้เรื่องนี้แต่แรก และเห็นดีเห็นงามกับการกระทำของเหลยจวิ้น ไฉนเหลยจวิ้นต้องไปหาหานอวิ๋นจิ่นให้เกิดพิรุธ? มิสู้ยอมจ่ายหนักหน่อยแต่ตัดเบาะแสทั้งหมดทิ้งไม่ดีกว่าหรือ…”

 

“จริงของท่าน”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเห็นด้วยกับคำพูดของฉือหล่าง เพราะถ้าเหลยอิงรู้เรื่องนี้ นางต้องหยุดเหลยจวิ้นเอาไว้แน่ และถ้าไม่หยุดก็หมายความว่าจะช่วยเหลยจวิ้นเพื่อปกปิดเรื่องราวอย่างดีที่สุด

 

หากมีเหลยอิงช่วยเหลือ เหลยจวิ้นก็ไม่ต้องเสี่ยงเปิดเผยเรื่องคิดจ้างคนฆ่าเขากับหานอวิ๋นจิ่น จนกลายเป็นทิ้งร่องรอยให้สาวมาถึงตัว

 

การที่เหลยจวิ้นไปหาหานอวิ๋นจิ่นแบบนี้ เห็นชัดว่าไม่อาจแบกรับค่าใช้จ่ายจ้างวานตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ให้มาฆ่าเขาคนเดียวได้ไหว จึงไปหาหานอวิ๋นจิ่นเพื่อช่วยกันจ่าย…

 

“เหลยจวิ้น หานอวิ๋นจิ่น…”

 

ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววเย็นชาออกมาวูบวาบ

 

“พี่หลิงเทียน ข้าจะไปหาเหลยอิงเพื่อขอคำอธิบายจากนาง!”

 

ตอนนี้เองฮ่วนเอ๋อพลันกล่าวออกเสียงเข้ม

 

ก่อนหน้านี้ฮ่วนเอ๋อที่ไม่ค่อยสนใจอะไร ยังไม่เข้าใจว่า 3 เดือนที่ผ่านมาพวกฉือหล่างพูดเรื่องอะไรกันอยู่ ตอนนี้พอได้ยินทุกคนคุยกัน รวมถึงเรื่องที่เวิ่นหว่านเอ๋อมักพานางไปรับทรัพยากรบ่มเพาะทั่วไปที่เขตที่พักบ่มเพาะของเหลยอิงทั้งที่ไม่จำเป็น…ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร

 

เมื่อปะติดปะต่อจนคาดเดาเรื่องราวได้ว่า ไม่พ้นเหลยจวิ้นเป็นคนจ้างมือสังหารพี่หลิงเทียนของนาง สองตาฮ่วนเอ๋อก็เต็มไปด้วยความโกรธ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดยังเริ่มปะทุออกมาอย่างหลุดการควบคุม!

 

หากเหลยจวิ้นอยู่ที่นี่ นางคงไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้ระเบิดพลังสังหารได้ไหว!

 

“ฮ่วนเอ๋อ อย่าวู่วาม”

 

ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือออกไปกุมมือฮ่วนเอ๋อเอาไว้พร้อมกล่าวห้ามปราม

 

“พี่หลิงเทียน ตัวชั่วชาตินั่นมันคิดฆ่าท่านนะ”

 

ฮ่วนเอ๋อพยายามระงับโทสะ อย่างไรก็ตามเสียงกล่าวของนางยังเย็นชา สีหน้ายังมืดลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก

 

ปกติต่อหน้าต้วนหลิงเทียนฮ่วนเอ๋อมักอ่อนโยนมาก นับเป็นครั้งแรกเลยที่นางมีสีหน้าน้ำเสียงเช่นนี้ขณะคุยกับต้วนหลิงเทียน

 

เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่ตำหนิอะไรนางที่กล่าวเสียงแข็งทั้งชักสีหน้าใส่เขา เพราะเขารู้ดีว่าที่ฮ่วนเอ๋อเป็นแบบนี้ก็เพื่อเขาทั้งนั้น เขาจะมีก็แต่ความซาบซึ้ง ไหนเลยเป็นอื่นได้

 

“ฮ่วนเอ๋อ พวกเราไม่มีหลักฐาน…”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “อย่าว่าแต่ไม่มีหลักฐาน ต่อให้พวกเรามีหลักฐานแต่ก็ต้องหารือกันเพื่อหาทางจัดการเรื่องนี้ หากเราผลีผลามไปหน้าประตูบ้านผู้อื่น ก็ไม่ต่างอะไรกับแหวกหญ้าให้งูตื่น”

 

พอกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ลอบส่งเสียงผ่านพลังไปหาฮ่วนเอ๋อ “ฮ่วนเอ๋อ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าบิดาแท้ๆของเจ้า ถูกจับขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการของวังเทียนฉือ และมารดาของเจ้าสิบในสิบไม่พ้นต้องถูกจับขังอยู่ที่เดียวกัน”

 

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่เจ้าจะแตกหักกับเหลยอิงเพราะเหลยจวิ้นลูกชายคนเดียวของนาง…เจ้ามีสถานะเป็นศิษย์ในด่านเหลยอิง ย่อมมีประโยชน์ต่อการหาทางช่วยเหลือบิดามารดาของเจ้ามากขึ้น”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวโน้มน้าว

 

“พี่หลิงเทียน ถึงฮ่วนเอ๋ออยากจะช่วยท่านพ่อกับท่านแม่ แต่ให้ฮ่วนเอ๋อมองข้ามเหลยจวิ้นที่คิดร้ายต่อท่าน…ฮ่วนเอ๋อทำไม่ได้”

 

ฮ่วนเอ๋อกล่าวออกเสียงเข้ม

 

“ฮ่วนเอ๋ออย่ากังวลไปเลย…เหลยจวิ้นกับหานอวิ๋นจิ่นนั่น ข้าจะหาทางจัดการมันเอง”

 

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวส่งเสียงผ่านพลังประโยคนี้ไป สองตาเขาก็ฉายประกายเย็นชาขึ้นมาทันที

 

“ศิษย์น้องเล็ก…”

 

ตอนนี้เองหูเหมยที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาละล้าละลัง ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกมา “ที่แท้ก่อนหน้านี้เจ้ารอดพ้นจากตู๋กูเหวินนั่นได้อย่างไรหรือ…เจ้าคงไม่ได้ฆ่าตู๋กูเหวินอย่างที่พูดจริงๆหรอกนะ?”

 

หลังเอ่ยถามออกไปแล้ว หูเหมยก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย

 

“อะไรกัน นี่ศิษย์พี่หญิง 3 ไม่เชื่อข้าหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปพลางปั้นหน้าหงอยๆ

 

“เอ่อ…ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ…แต่เรื่องนี้มันเหลือเชื่อเกินไป!”

 

หูเหมยเห็นต้วนหลิงเทียนปั้นหน้าน้อยใจ ก็คลี่ยิ้มแหยๆออกมา

 

ขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นฉือหล่างหรือศิษย์พี่คนอื่นๆ ตอนนี้ก็เอาแต่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

 

“ก็ใช่ที่พลังของมันร้ายกาจเหนือข้ามาก แต่เพราะเหตุนี้ทำให้มันก็ประมาทข้ามากเช่นกัน…ข้าเองก็อาศัยความเลินเล่อย่ามใจของมัน ฉวยโอกาสส่งผ่านมังกรชั่วร้ายขอบเขตจักรพรรดิอมตะที่ข้าเลี้ยงไว้ในโลกใบเล็ก 2 ข้ามมิติออกมาด้านหลังของมัน เล่นงานมันทีเผลอในขณะที่มันผ่อนคลายความระวังลงมากที่สุด จากนั้นข้าก็ใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวที่สร้างขึ้นได้หลังพบเจอวาสนาบางประการในวิหารเฟิงฮ่าว ลงมือฆ่ามันในขณะที่มันบาดเจ็บสาหัส”

 

ต้วนหลิงเทียนยักไหล่พลางกล่าว แน่นอนว่าเป็นเรื่องราวที่เขาเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ

 

แน่นอนว่าเรื่องนี้มันเป็นความจริงหลายส่วน จึงฟังดูน่าเชื่อถือและไม่เป็นการเปิดเผยความลับสำคัญของเขา แถมยังไม่ต้องกลัวใครมาแย่งชิงอะไรไป

 

ประการแรกเลย ยากนักที่ใครจะสามารถเลี้ยงมังกรชั่วร้ายเอาไว้ในโลกใบเล็กได้ถึง 2 ตัว กระทั่งต่อให้จับมังกรชั่วร้ายมาไว้ในโลกใบเล็กได้ ก็ไม่มีใครคิดว่าจะสามารถสั่งการพวกมันได้อยู่ดี

 

ประการที่สอง การสร้างร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิว มันเป็นวิธีการเฉพาะของแต่ละคน ไม่อาจช่วงชิงกันได้

 

“มังกรชั่วร้ายขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 2 ตัว!?”

 

“ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว?”

 

ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน ฉือหล่างกับคนอื่นๆก็ชักสีหน้าว่างเปล่าราวกำลังฟังบทสวดในพระไตรปิฎก

 

สุดท้ายพอเห็นว่าทุกคนแลดูไม่ค่อยจะเชื่อ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ผายมือยักไหล่ กล่าวชวนทุกคน “ดูเหมือนว่าครูกับศิษย์พี่ทุกคนจะนึกภาพไม่ออกสินะ…ถ้างั้นมิสู้ออกไปด้านนอกให้ข้าแสดงให้ทุกคนเห็นชัดๆเลยเล่า?”

 

พอกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็เดินนำออกจากห้องโถงทันที

 

ฮ่วนเอ๋อก็ตามต้วนหลิงเทียนไปเป็นธรรมชาติ กระทั่งยังคล้องแขนต้วนหลิงเทียนออกจากห้องโถงสถานที่พักของฉือหล่างไปด้านนอกอย่างเงียบๆ

 

วูบ!

 

เมื่อออกจากห้องโถงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนมิติวูบร่างขึ้นไปบนฟ้าสูงพร้อมฮ่วนเอ๋อ จากนั้นเพียง 1 ห้วงคิด เขาก็ปล่อยมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ออกมาจากโลกใบเล็กให้ลอยร่างอยู่ข้างๆทันที

 

“ครู”

 

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็หันไปหยีตามองถามฉือหล่างด้ววยรอยยิ้ม “ท่านลองรับมันดูสักท่าเป็นไร?”

 

ตั้งแต่ที่ได้เห็นมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ปรากฏตัวออกมา ลูกตาฉือหล่างก็หดเล็กลง จากนั้นก็กล่าวออกมาว่า “เจ้า 7 ข้าเองก็พอรู้เกี่ยวกับมังกรชั่วร้ายมาบ้าง…แม้จะน่าตกใจที่มังกรชั่วร้ายแลดูเชื่อฟังเจ้า แต่จากกลิ่นอายพลังที่พวกมันแผ่ออกมา อย่างดีก็เป็นแค่จักรพรรดิอมตะ 3 ศักดิ์ หรือ 4 รูปกระมัง?”

 

“เช่นนั้นอาศัยการโจมตีของมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ตัวนี้ ต่อให้เป็นการลอบทำร้ายที่เผลอ…แต่จะทำอะไรตู้กูเหวินได้จริงๆหรือ?”

 

เห็นได้ชัดว่าฉือหล่างไม่เชื่อเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเล่า

 

“ครู…ท่านไม่ลองแล้วจะรู้หรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนยังถามซ้ำด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

 

“ท่านอาจารย์ ท่านก็ยยอมเปลืองตัวขึ้นไปลองโดนดูสักท่าเถอะ! ข้าเองก็อยากเห็นพลังของมังกรชั่วร้ายที่ศิษย์น้องเล็กเลี้ยงไว้เช่นกัน!!”

 

หงเฟยเร่งกล่าวโน้มน้าวออกมาอย่างออกหน้าออกตา แลดูคึกคักกว่าใครเขา

 

ฟุ่บ!

 

ฉือหล่างพอได้ฟังก็ไร้ลังเลใดๆ ร่างมันไหววูบคราหนึ่ง จากนั้นคนก็กลับกลายเป็นกระบี่พุ่งแหวกฟ้าขึ้นไปฉับไว ก่อนจะไปหยุดยืนเผชิญหน้าห่างจากต้วนหลิงเทียนประมาณหนึ่ง

 

“ครู ท่านพร้อมแล้วยัง?”

 

หลังจากกล่าวถามฉือหล่างแล้ววเสร็จ พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า ต้วนหลิงเทียนก็สั่งให้มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ผสานพลังลงมือจู่โจมฉือหล่างทันที!

 

“กรรร—!!”

 

“กรรร—!!”

 

พร้อมกันกับที่เสียงมังกรคำรามสนั่นปานจะสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น มังกรชั่วร้ายแต่เดิมที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ก็ถูกต้วนหลิงเทียนใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน จนวูบไปปรากฏตัวด้านหลังฉือหล่าง! จากนั้นก็ยิงลำแสงทำลายล้าออกมาพร้อมเพียง พลัง 2 ขุมผสานรวมเป็นหนึ่งเพ่งเล็งทำลายเข้าใส่แผ่นหลังฉือหล่างทันที!

 

“หืม?!”

 

ฉือหล่างที่จับสัมผัสการเคลื่อนไหวผิดปกติได้ เร่งตอบสนองเร็วไว คนคิดวูบร่างหลบหนีทันที อนิจจาลำแสงทำลายล้างมาได้ว่องไวเกินไป สุดท้ายจึงทำได้แค่เร่งเร้าพลังทั้งหมดขึ้นมาต้านทานลำแสงทำลายล้างผสานของ 2 มังกรชั่วร้ายเอาไว้

 

อย่างไรก็ตามเนื่องการลำแสงไม่เพียงรวดเร็วยังรุนแรงเหนือคิดคาด ทำให้ถึงแม้ฉือหล่างจะพยายามร่างเร้าพลังทั้งหมดเท่าที่ทำได้เพื่อต้านทานลำแสงทำลายล้างแล้ว แต่สุดท้ายคนก็ยังถูกพลังซัดกระเด็นปลิดปลิว สภาพแลดูยักแย่ยักยัน อนาถไม่น้อย…

 

เป็นธรรมดาที่ผลลัพธ์จะออกมาแบบนี้ เพราะถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวเตือนก่อนลงมือ แต่ฉือหล่างยังคงดูเบามังกรชั่วร้ายอยู่ดี…

 

หาไม่แล้วแค่มันเร่งเร้าพลังตระเตรีมป้องกันไว้แต่แรก ก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพอนาถให้อับอายขายหน้าลูกศิษย์…

 

“แข็งแกร่งยิ่ง!!”

 

มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ยิงพลังเข้าใส่ฉือหล่างจนต้องปะทุพลังต้านทาน ย่อมก่อให้เกิดการปะทะของพลังงอันน่าพรั่นพรึง 2 ขุม พลังสะท้อนก่อเกิดคลื่นกระแทกมหาประลัยกววาดทำลายออกไปทั่วสารทิศ

 

จังหวะนี้แม้เหล่าผุ้ที่ชมดูเรื่องราวจะตอบสนองเรื่องราวได้ทัน และกางม่านพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเอาไว้ แต่สุดท้ายทุกคนก็อดชักสีหน้าเคร่งเครียดไม่ได้ เมื่อสัมผัสได้ถึงความรุนแรงของสายลมวิปริตที่หอบคลื่นกระแทกน่ากลัวเข้ามา

 

“ครู ท่านประมาทเกินไป…”

 

หลังคลี่ยิ้มบางๆกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเก็บมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 เข้าโลกใบเล็กทันที

 

และครู่ต่อมา ในขณะที่ทุกคนยังอื้ออึงไม่ฟื้นสติ ต้วนหลิงเทียนอาศัยหนึ่งห้วงคิด ท่ามกลางสายตาทุกคนก็อุบัติเงาร่างต้นไม้เทพสนหลิวขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นด้านหลังต้วนหลิงเทียน

 

“ต้นไม้เทพสนหลิว!!”

 

“ให้ตายเถอะ เท่าที่ข้าจำได้ ฝานฉีที่ถูกศิษย์น้องเล็กฆ่าตายไปวันนั้น ร่างที่แท้จริงของมันดูเหมือนจะเป็นต้นไม้เทพสนหลิวเหมือนกันไม่ใช่หรือ!?”

 

 

หูเหมย เวิ่นหว่านเอ๋อ และหงเฟ ต่างหันมามองหน้าสบตากันทันที ก่อนจะแลเห็นความประหลาดใจในแววตาของอีกฝ่าย

 

“วันนั้นข้าเองก็แปลกใจอยู่แล้วว่าไฉนศิษย์น้องเล็กถึงจัดการฝานฉีได้ง่ายดายนัก…ยังคิดว่าไม่น่าจะใช้พลังจากความลึกซึ้งอะไรแน่…”

 

พอเห็นร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิว หูเหมยก็หยีตากกล่าวถามต้วนหลิงเทียนด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ศิษย์น้องเล็ก ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวนี่ เจ้าพึ่งจะหลอมสร้างมันได้หลังจากใช้วิธีการพิเศษฆ่าฝานฉีวันนั้นใช่หรือไม่?”

 

“ใช่”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวก็ค่อยๆจางหายไป

 

“เช่นนั้นหมายความว่า…การตายของฝานฉีเป็นการส่งเสริมเจ้าครั้งใหญ่”

 

หูเหมยกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “เจ้าฝานฉีผู้นั้นต่อให้ตายก็คงคิดไม่ถึง ว่าไม่เพียงแต่สุดท้ายจะเป็นฝ่ายถูกเจ้าฆ่าตายเสียเอง กระทั่งร่างกายของมันยังถูกเจ้าจับมาหลอมจนทำให้เจ้าสามารถควบสร้างร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวได้อีก…”

 

“หากมันรู้แต่แรกว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ ต่อให้มีคนเอามีดมาจี้คอมันๆก็คงไม่กล้าท้าเจ้าประลองเป็นตายรูปแบบไม่ตายไม่เลิกราแน่นอน”

 

กล่าวถึงจุดนี้ หูเหมยที่ทอดถอนใจเมื่อครู่ อยู่ๆสองตาก็ทอประกายจ้าขึ้นมาผิดปกติ “ไม่คิดเลย ว่าสุดท้ายในบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเรา นอกจากศิษย์พี่หญิงใหญ่แล้ว จะมีอีกคนที่สามารถฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามได้!!”

 

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่?”

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจกับวาจาที่หูเหมยกล่าวพาดพิงถึงศิษย์พี่หญิงใหญ่

 

ศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่เขาเพียงได้ยินแต่ไม่เคยเจอมาก่อน…สามารถฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามได้งั้นหรือ?