อสนีเคราะห์ยิ่งน่าสะพรึงมากขึ้นเรื่อยๆ เวิ้งฟ้ากว้างใหญ่มืดสนิททั้งแถบตั้งแต่ต้น ดุจจมสู่ราตรีนิรันดร์
กลิ่นอายพิบัติเคราะห์ที่กดดันจิตใจผู้คนนั่น ทำให้สภาวะจิตของผู้บำเพ็ญมรรคมากมายจวนจะล่มสลาย
หากเป็นไปได้ อูเหิงเทียนและเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองทั้งหมดย่อมทนไม่ไหว อยากให้มหาเคราะห์แห่งยุคครั้งนี้ผ่าหลินสวินทั้งเป็นในคราเดียวแน่นอนอยู่แล้ว!
และในเวลานี้เอง จู่ๆ หลินสวินก็เคลื่อนไหว
ทุกคนที่เฝ้าสังเกตภาพเหตุการณ์นี้ต่างอดอึ้งไปไม่ได้ เคราะห์สวรรค์ยังไม่ทันมาถึง หลินสวินกลับชิงเคลื่อนไหวก่อน นี่กำลังจะทำอะไร
สวบ!
ก็เห็นร่างหลินสวินขยายใหญ่ขึ้นทันควัน แหงนหน้าขึ้นฟ้า ผมสีดำโบกสะบัด ในเงาร่างผ่าเผยของเขาปรากฏหุบเหวใหญ่ขึ้นแห่งอัน
กลืนฟ้าทะยานขึ้นสูง!
ชั่วขณะนี้ทุกคนล้วนอึ้งงัน นี่เขาจะกลืนกินมหาเคราะห์แห่งยุคครั้งนี้หรือ
อูเหิงเทียนยังอดสูดหายใจเย็นไม่ได้ มีชีวิตอยู่มาหลายปีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอคนหนุ่มที่ใจกล้า ถึงขั้นบ้าระห่ำเช่นนี้!
นั่นเป็นถึงมหาเคราะห์แห่งยุคที่ในไม่เคยมีการบันทึกมาก่อนเชียวนะ สะท้านอดีตสะเทือนปัจจุบัน น่าสะพรึงจนทำเอาระดับมหาอริยะอย่างเขายังหวาดหวั่น
แต่หลินสวินถึงกับมองอสนีเคราะห์ครั้งนี้เป็นเหยื่อ หมายจะกลืนกินมัน!
“นี่…”
พวกเซ่าเฮ่า รั่วอู เยวี่ยเจี้ยนหมิง หมีเหิงเจินก็พากันปากอ้าตาค้าง หลินสวิน ออกจะดุร้ายเกินไปแล้วกระมัง
นี่ไม่ต่างอะไรจากไม่คิดชีวิตแล้วชัดๆ!
ส่วนผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองเหล่านั้น ในหัวต่างพากันผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา เจ้าหมอนี่คงไม่ใช่ว่าบ้าไปแล้วกระมัง
ตูม!
บนเวิ้งฟ้า เมฆาเคราะห์สะท้านสะเทือน อสนีเคราะห์ห้อตะบึง แผ่กลิ่นอายกฎระเบียบประหนึ่งสูงสุดออกมา เสมือนถูกยั่วโทสะก็ไม่ปาน
แต่ในสายตาของหลินสวินตอนนี้ อสนีเคราะห์ที่กว้างใหญ่ครั้งนี้ ก็แค่เท่านี้!
ในใจของเขา แก่นอัศจรรย์เกี่ยวกับ ‘ความยิ่งใหญ่’ ปรากฏราวกับกระแสน้ำเชี่ยว
‘มหาอริยะ ยิ่งใหญ่แต่ไร้สิ้นสุด ฟ้าดินมีความงามมหาวิจิตรแต่เก็บเงียบ ในใจมีมหามรรคแต่ไร้ขอบเขต’
‘คำว่ายิ่งใหญ่นี้ คือมหาสมุทรที่รองรับแม่น้ำร้อยสาย สามารถรองรับสรรพชีวิต’
‘ระดับอริยะมรรค สิ่งที่หยั่งรู้ก็คือแก่นอัศจรรย์แห่ง ‘เล็กใหญ่ดั่งใจ ข้าไร้ขอบเขต’
‘ใจยิ่งใหญ่กว่าฟ้า พลังก็จะชนะฟ้า บดบังฟ้า มองลงมายังปวงฟ้า’
‘กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิเล็กลงหรือ ไม่ เจ้า ‘ยิ่งใหญ่’ ขึ้นต่างหาก!’
‘ใหญ่!’
‘ใหญ่!’
‘ใหญ่!’
เสียงประหนึ่งสะเทือนแก้วหูของท่านเซิ่นคล้ายกำลังดังวนเวียนอยู่ในโสตหู ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้พบเจอในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิปรากฏอยู่เบื้องหน้า ประหนึ่งย่ำม้าชมมวลดอกไม้
และในสายตาหลินสวินตอนนี้ อสนีเคราะห์แห่งยุคที่กว้างใหญ่ ปิดครอบเวิ้งฟ้านั่น ก็เห็นได้ชัดว่าเล็กจ้อยปานนั้น
เพราะอสนีเคราะห์เล็กลงอย่างนั้นหรือ
ไม่!
เป็นหลินสวินหยั่งถึงแก่นอัศจรรย์แห่งความยิ่งใหญ่แล้ว ในยามข้ามด่านเคราะห์นี้ สภาวะจิต พลัง ประสบการณ์ รวมถึงมรรควิถีทั่วกายล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
สรุปง่ายๆ คือ เขา ‘ใหญ่’ ขึ้นนั่นเอง!
ฮู้ม!
ลักษณ์ประหลาดหุบเหวใหญ่ที่ทะยานกลืนเวิ้งฟ้า พริบตานี้เสมือนเปลี่ยนเป็นไร้ขอบเขตด้วยเช่นกัน
จากนั้น…
มหาเคราะห์แห่งยุคครั้งนี้ยังไม่ทันมาเยือน ก็ถูกพลังหุบเหวของหลินสวินกลืนกินจนหมดสิ้น!
ครอบฟ้าบังตะวัน กลืนกินมหาเคราะห์!
ผู้แข็งแกร่งที่เห็นเหตุการณ์สะท้านโลกชวนสยองเช่นนี้ ดวงตาล้วนแข็งทื่อ ถึงกับ… ถูกเขากลืนกินจริงๆ หรือ
โครมครืน!
หุบเหวใหญ่โคจร บังเกิดเสียงก้องกระหึ่มสั่นสะเทือนอันน่าสะพรึง เห็นได้ชัดว่าพิบัติเคราะห์ที่เป็นตัวแทนแห่งมรรคสวรรค์ครั้งนี้ ไม่ยินยอมถูกวิธีสะท้านโลกเช่นนี้ทำลาย
มันกำลังขัดขืน หมายจะสังหารพวกนอกรีตอย่างหลินสวินนี่
หลินสวินไม่ถอยกลับรุกขึ้นหน้า เหยียบย่างห้วงอากาศทะยานขึ้นฉับพลัน ส่งเสียงคำรามลั่นสายหนึ่ง เงาร่างราวกับเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่ไร้สิ้นสุดในชั่วพริบตา องอาจไร้ทัดเทียม ผงาดผยองไร้ขอบเขต
ก็เห็นหุบเหวใหญ่ที่กลืนกินอสนีเคราะห์นั่น พลันถูกผสานเข้าไปในร่างของหลินสวิน
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผู้คน ก็เหมือนกับว่าหลินสวินอ้าปากกลืนกินมหาเคราะห์แห่งยุคของระดับมกุฎมหาอริยะเข้าไป
สะท้านสะเทือนจิตใจผู้คน!
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ หากแพร่ออกไปเกรงว่ามีแต่จะทำให้ผู้บำเพ็ญมรรคทุกคนในดินแดนรกร้างโบราณบ้าคลั่ง เพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็สยดสยองเกินไปจริงๆ
กลางเวิ้งฟ้าสูง ร่างหลินสวินส่องประกาย ลุกโชนไร้เทียมทาน ทุกรูขุมขนทุกล้วนมีแสงมรรคเจิดจรัสไหลเวียน เสียงอสนีสะเทือนเลื่อนลั่นระลอกแล้วระลอกเล่าดังออกมาจากภายในร่างของเขา แผ่ขยายทั่วสี่ทิศ
ไม่ต้องสงสัย พลังน่าสะพรึงของอสนีเคราะห์ครั้งนี้กำลังปะทะอยู่ภายในกายของเขา ไม่ได้ถูกหลอมไปจนหมด!
นี่ทำให้หัวใจของพวกเจ้าคางคก อาหลู่ต่างบีบรัดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
กลืนกินมหาเคราะห์แห่งยุค รับเข้าสู่ภายในกายของตน เรื่องน่าเหลือเชื่อพรรค์นี้พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน
แต่ทุกคนต่างรู้ดียิ่งว่าขอเพียงหลินสวินไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว พิบัติเคราะห์ระดับนี้ก็จะระเบิดอยู่ภายในร่าง นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีโอกาสรอดชีวิตอีก!
ไกลออกไปดวงตาอูเหิงเจิ้นลุกโชน ไอสังหารพวยพุ่ง หมายจะลงมือ เพราะนี่เป็นโอกาสทองอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่สุดท้ายเขาก็ถอดใจอยู่ดี
ง่ายมาก ทันทีที่หลินสวินตาย พลังมหาเคราะห์ที่อยู่ภายในร่างของเขาก็จะระเบิดทั่วสี่ทิศ หากถูกพัดม้วนเข้าไป ความร้ายแรงของผลที่จะตามมาเป็นสิ่งที่อูเหิงเจิ้นรับไม่ไหวเช่นกัน
“เจ้าเหลือขอ ฝืนไม่ไหวก็ยอมแพ้เสียเถอะ ยังคิดจะกลืนมหาเคราะห์หลอมมันอีก ข้ายังไม่เคยเห็นคนหาเหาใส่หัวเช่นเจ้ามาก่อน!”
อูเหิงเทียนหัวเราะเย็นชาเสียงดัง ใช้เสียงก่อกวนหลินสวิน
“อันดันหนึ่งแห่งสมรภูมิเก้าดินแดนแล้วอย่างไร อยู่ต่อหน้าเผ่าอีกาทองของข้าก็ไม่พ้นถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ไม่ได้ตายดี!”
มีคนหัวเราะเยาะหยัน
“หลินสวิน ได้ยินว่าเจ้ามีโฉมงามรู้ใจไม่น้อย รอเจ้าตายไป พวกข้าจะช่วยเจ้าดูแลแม่นางผู้น่าสงสารเหล่านั้นเอง ฮ่าๆๆ”
มีคนพูดจาจาบจ้วงหยาบโลน
ชั่วขณะเดียวเสียงหลากหลายดังก้อง เป้าหมายล้วนชัดเจนยิ่ง หมายจะก่อกวนสภาวะจิตหลินสวิน ทำให้ต้องแบ่งสมาธิและตายอนาถในการข้ามด่านเคราะห์!
“เจ้าพวกเฒ่าสามานย์กับลูกกระจ๊อกเวรนี่ ไม่มีใครเป็นคนดีสักคน!”
เจ้าคางคกโกรธจนแหกปากด่าทอ
พวกเซ่าเฮ่า รั่วอูก็สีหน้าเยียบเย็น วิธีการเช่นนี้ต่ำช้าหน้าไม่อายเกินไปชัดๆ!
ตูม!
จู่ๆ บนร่างหลินสวินที่อยู่กลางเวิ้งฟ้าสูงพลันยิงอสนีเคราะห์เจิดจ้าบาดตาออกมาสายหนึ่ง วิวัฒน์เป็นขวานคมกริบด้ามหนึ่งและร่วงลงมาด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนหนึ่งหลบไม่ทัน ถูกฟันตรงๆ จนร่างกายระเบิด วิญญาณแตกซ่าน
คนผู้นี้ก็คือเจ้าคนที่พูดจาจาบจ้วงหยาบโลนเมื่อครู่!
เหตุการณ์ที่มาเยือนปุบปับเช่นนี้ ทำเอาทุกคนต่างตกใจ
พอมองบนเวิ้งฟ้าอีกที เสื้อผ้าหลินสวินโบกสะบัด ร่างกายพิสุทธิ์ผุดผ่องปานกระจกแก้ว ยืนสบายๆ อยู่ตรงนั้น กลับให้ความรู้สึกสูงใหญ่ไร้สิ้นสุดแก่ผู้คน
ตระหง่านดั่งภูเขาเทียมฟ้า กว้างไพศาลดุจมหาสมุทรไร้ขอบเขต!
เขาต่างจากเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอาย อานุภาพ หรือท่วงทำนองจิต ล้วนมีความน่าเกรงขามราวกับยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด ตัวข้าไร้จำกัด
นี่ คือกลิ่นอายของระดับมหาอริยะ
หนำซ้ำยังเป็นกลิ่นอายเฉพาะตัวของมกุฎมหาอริยะ ทุกการคเลื่อนไหวดุจดั่งมหาลักษณ์ไร้รูป ไม่ใช่มกุฎอริยะแท้จะเทียบชั้นได้อีกต่อไป!
การข้ามด่านเคราะห์สำเร็จแล้วหรือ
ลูกตาอูเหิงเทียนเกือบหลุดออกมา แทบจะสะดุ้งโหยง นี่เป็นไปได้อย่างไร
มหาเคราะห์แห่งยุคที่สะเทือนฟ้าดินปานนั้น ถูกกลืนหลอมไปเช่นนี้แล้วหรือ
ในลานยิ่งมีคนไม่รู้เท่าไหร่ถูกทำให้สะท้านสะเทือน
“ฆ่า!”
ปฏิกิริยาตอบสนองของอูเหิงเจิ้นว่องไวที่สุด แทบจะลงมือตั้งแต่จังหวะแรก
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเพิ่งข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ ก็เป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดเช่นเดียวกัน หากรอให้หลินสวินฟื้นตัวขึ้นมา นั่นย่อมมีตัวแปรมากมายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
มือเขากระชับทวนศึก เคลื่อนผ่านห้วงอากาศ แข็งแกร่งดุดัน ฝีมือยอดเยี่ยม
หลินสวินเผยแววเยาะหยัน
เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
พลังอสนีเคราะห์ที่ถูกเขากลืนกินถึงกับกระหน่ำพุ่งยิงออกมาปานน้ำทะลัก แปลงเป็นรูปทรงตำหนักวัง ต้นไม้ใบหญ้า ภูผาธารา มีแสงอสนีไหลเวียนเจิดจรัสบาดตา
อูเหิงเจิ้นหน้าเปลี่ยนสีทันควัน เจ้าหมอนี่ไม่ได้หลอมพลังอสนีเคราะห์ แต่เป็นการควบคุมอสนีเคราะห์แล้วเอามาใช้ในเวลานี้!
ท่ามกลางเสียงระเบิดสะเทือนหูระลอกหนึ่ง อูเหิงเจิ้นที่หลบไม่ทันถูกอสนีเคราะห์หลายสายฟาดฟันจนร่างสั่น เนื้อหนังเละเทะ ปรากฏควันสีเขียวออกมาสายแล้วสายเล่า
“ฮ่าๆๆ ย่างมหาอริยะอีกาทอง! ข้าชอบ!”
อาหลู่หัวเราะลั่น
“รนหาที่ตาย!”
อูเหิงเจิ้นเดือดจัด ทวนศึกแปลงเป็นลำแสงเปลวเพลิงสีทองร้อยล้านสาย แต่ละสายล้วนขมุกขมัวคลุมเครือ แต่กลับแผ่กลิ่นอายแผดเผาอันน่าสะพรึงยิ่งยวดออกมา
“เมื่อครู่เพียงแต่เห็นเจ้าเป็นหินลับมีดฝึกฝีมือเท่านั้น ตอนนี้จะส่งเจ้าไปตายเดี๋ยวนี้!”
หลินสวินไม่ถอยกลับรุกขึ้นหน้า ย่างเท้าก้าวออกไป หุบเหวใหญ่พลันปรากฏ วิวัฒน์เป็นอสนีเคราะห์หลายชั้น แผ่ออกมาปานแผ่ครอบฟ้าดิน
พริบตาเดียวอสนีเคราะห์เดือดพล่านกลางเวิ้งฟ้า เสมือนย้อนกลับไปตอนที่เคราะห์สวรรค์มาเยือนอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าพลังอสนีเคราะห์ในตอนนี้ขับเคลื่อนโดยหลินสวิน ทำให้อานุภาพของมันน่าสะพรึงอย่างที่สุดด้วยเช่นกัน
ตูม! ตูม! ตูม!
ภายใต้อสนีเคราะห์ที่จู่โจมเช่นนี้ ไม่นานอูเหิงเจิ้นก็ยืนหยัดไม่ไหว ร่างกายปริแตกโชกเลือด กระดูกขาวโผล่ให้เห็นรำไร
เขาคำรามเดือดดาล โจมตีอย่างบ้าคลั่ง
แต่สุดท้ายก็เปลืองแรงเปล่า
แม้จะเป็นระดับมหาอริยะขั้นสัมบูรณ์ แต่มีหรือจะไปสู้พลังมหาเคราะห์แห่งยุคเช่นนี้ได้
ควรรู้ว่ามหาเคราะห์ครั้งนี้เดิมก็เตรียมไว้เพื่อหลินสวิน ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปจะเทียบชั้นได้ เกี่ยวโยงถึงเส้นทางต้องห้ามเย้ยฟ้าของมกุฎมรรคา อานุภาพของพิบัติเคราะห์จึงน่าสะพรึงเกินกว่าจินตนาการ
อย่าว่าแต่เขาอูเหิงเจิ้นเลย ต่อให้เปลี่ยนเป็นมกุฎมหาอริยะคนหนึ่ง ก็ยากจะต้านพลังแห่งเคราะห์สวรรค์ระดับนี้ได้
สุดท้ายอูเหิงเจิ้นที่สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิต ก็หมายจะหนีโดยไม่ลังเล
การต่อสู้ครั้งนี้น่าคับแค้นใจเกินไป
คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่หลินสวินแล้ว หากแต่เป็นมหาเคราะห์แห่งยุค แล้วจะสู้ไหวได้อย่างไรกัน
“ตาย!”
แต่ทันทีที่เขาคิดหนี หลินสวินก็เคลื่อนผ่านห้วงอากาศเข้ามา หุบเหวใหญ่ราวกับม่านบดบังฟ้าปิดครอบอูเหิงเจิ้นไว้ภายใน
“ไม่…!”
เสียงคำรามลั่นดาลเดือดของอูเหิงเจิ้นดังขึ้น แต่เมื่อเสียงระเบิดครั้งหนึ่งดังกระหึ่ม ทั้งตัวเขาก็ถูกอสนีเคราะห์บดขยี้เป็นเสี่ยงๆ กลืนกินสู่ภายในหุบเหวใหญ่ จิตสังขารล้วนดับสูญ
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่จวนจะเหยียบย่างระดับราชันอริยะ บุคคลระดับมหาอริยะที่พลังต่อสู้เป็นที่หนึ่ง ชื่อเสียงเกรียงไกรสูงส่งน่าเกรงขามในเผ่าอีกาทอง
ถูกฆ่าทั้งอย่างนี้!
ก่อนตายไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืนด้วยซ้ำ!
ชั่วขณะนั้นฟ้าดินเงียบสงัด ทั่วลานล้วนตกตะลึง
มือเท้าอูเหิงเทียนเย็นวาบ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครไม่หวาดผวา แทบจะขวัญหนี ใครต่างก็คิดไม่ถึงว่าแม้แต่บุคคลระดับอูเหิงเจิ้นลงมือเอง สุดท้ายก็ยังมีจุดจบบรรลัยวายวอดอยู่ดี!
“ร้ายกาจ พี่ใหญ่เขาร้ายกาจเกินไปแล้ว… ข้าสงสัยว่าเขาตั้งใจจะทำเช่นนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หาไม่ เป็นไปได้หรือที่จะเอามหาเคราะห์แห่งยุคมาเล่นสนุกกลางฝ่ามืออย่างช่ำชองเช่นนี้ได้”
เจ้าคางคกจุ๊ปาก
คนอื่นๆ ล้วนเห็นด้วยอย่างยิ่ง คนที่เคยร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลินสวินในสมรภูมิเก้าดินแดนต่างรู้ดี เจ้าหมอนี่ไม่เคยสู้โดยไร้การเตรียมตัวมาก่อน!
การตายของอูเหิงเจิ้นตรงหน้านี้ก็เป็นหลักฐานชั้นดีที่สุดแล้ว
เพียงแต่เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าหลินสวินถึงกับใช้วิธีน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ฆ่าศัตรู ทำเอาพวกเขาต่างได้เปิดโลก มีความรู้สึกเหมือนสติลอยตาลาย หัวสมองมึนตื้อ
ยามนี้หลังจากอูเหิงไห่ อูเหิงเจิ้นก็ถูกสังหารด้วย
ส่วนระยะห่างจากการช่วยเหลือ ‘เทียนเชวีย’ วิญญาณอาวุธธนูวิญญาณไร้แก่นสารของหลินสวิน ก็เหลือแค่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเท่านั้น!