บทที่ 2335 ซาบซึ้งใจไม่ได้แปลว่าจะมีใจ + ตอนที่ 2336 จู่ๆ ก็มีญาติโผล่มาที่บ้าน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2335 ซาบซึ้งใจไม่ได้แปลว่าจะมีใจ

เซียวเซียงหัวเราะร่า “เธอหาเซียวเซ่อไม่เจออยู่แล้ว ก่อนฉันจะกลับมาก็เจอเขามาหนหนึ่ง เซ่อเซ่อบอกว่าจะไปป่าอเมซอนเพื่อหามนุษย์กินคน น่าจะยังไม่กลับออกมามั้ง”

“ไปคนเดียวเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ เธอพาบอดี้การ์ดไปด้วย เหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องเธอก็ไปด้วยเหมือนกันนะ”

เหมยเหมยมุมปากกระตุก มิน่าถึงไร้ข่าวคราวของสยงมู่มู่มาครึ่งปีแล้ว นิตยสารบันเทิงบอกว่าสยงมู่มู่ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่พอใจเลยถูกสั่งเก็บ เหลวไหลสิ้นดี บริษัทเธอก็เป็นคนเปิดเอง แล้วจะเก็บคนในครอบครัวของตัวเองได้อย่างไรกัน?

“กินอิ่มอยู่สบายแล้วยังดันทุรังหาเรื่องใส่ตัวเองไปตามหาเผ่ามนุษย์กินคนอีก ระวังโดนเผ่ามนุษย์กินคนเอาไปตุ๋นในหม้อหรอก” เหมยเหมยบ่นอุบอิบ

สองคนนี้เหมือนลิงไม่มีผิดนั่งอยู่บ้านเฉย ๆไม่ได้เลยสักวัน ดันชอบโผล่ไปสถานที่ที่คนไม่ชอบไปแบบนั้นอีก โชคดีที่พ่อแม่ของสองคนนี้ใจกว้าง ไม่อย่างนั้นอาจจะร้อนใจตายไปแล้วก็ได้!

หลังจากทานข้าวเสร็จโม่ซิวหย่วนและเหยียนหมิงซุ่นก็ไปคุยเรื่องงานกันในห้องหนังสือ เหมยเหมยนั่งคุยเป็นเพื่อนเซียวเซียงในห้องนั่งเล่น เมื่อครู่ตอนทานข้าวโม่ซิวหย่วนดูแลเอาใจใส่เซียวเซียงเป็นอย่างดี ทั้งปอกเปลือกกุ้งให้ คีบผักให้ รู้ดีมากว่าเซียวเซียงชอบทานอะไรไม่ชอบทานอะไรบ้าง

อยู่ดี ๆเหมยเหมยก็พอจะเข้าใจขึ้นมา จ้าวเสวียเอ๋อร์คงทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้

บรรดาคนในตระกูลจ้าวยกเว้นจ้าวอิงหัวพ่อของเธอแล้ว คนอื่น ๆต่างยึดแนวคิดที่ว่าชายเป็นใหญ่เกือบทั้งหมด ถึงแม้ว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์จะดีกว่าคนอื่นหน่อยแต่ก็ยังได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก บางทีอาจจะดีกับภรรยาที่บ้านแต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอ่อนโยนกับภรรยานอกบ้าน

แต่กระนั้นเธอก็อยากเข้าใจให้กระจ่างเพื่อให้พี่สามของเธอพ่ายแพ้อย่างจำยอมสักหน่อย

“พี่เซียวเซียงรู้จักกับพี่ซิวหย่วนได้อย่างไรเหรอคะ?”

“พวกเราเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกัน ซิวหย่วนเป็นรุ่นพี่ฉันสองปีแต่เราอยู่ชมรมโต้วาทีด้วยกัน เรารู้จักกันที่โรงเรียนจ้ะ” เซียวเซียงยิ้มหวานราวกับสาวน้อยที่กำลังตกอยู่ห้วงแห่งความรัก

เหมยเหมยใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พี่สามของเธอหมดหวังแน่แล้ว

“งั้นพวกพี่คบหาดูใจกันตอนเรียนเหรอ?”

“เปล่าเลย ตอนนั้นจะมีกะจิตกะใจมายุ่งเรื่องรัก ๆใคร่ ๆได้อย่างไร ฉันกับซิวหย่วนเจอกันที่ประเทศไทยเมื่อฤดูร้อนปีก่อน พูดแล้วมันเหมือนเรื่องบังเอิญแต่ตอนนั้นฉันประสบอุบัติเหตุ ซิวหย่วนช่วยฉันเอาไว้ พวกเราจึงเริ่มค่อย ๆติดต่อหากัน”

เรื่องราวหลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องพูดเหมยเหมยก็พอจะเดาได้ วันเวลาผ่านไปก็ค่อย ๆก่อตัวเป็นความรัก โม่ซิวหย่วนและเซียวเซียงคงจะรักกันแบบนี้แหละ!

พวกเขาทั้งสองต่างโดดเด่นตั้งแต่อายุยังน้อยแถมมีความสามารถ นับว่าเป็นการรวมตัวกันที่ลงตัวเหมาะสมเลยทีเดียว

“ฉันจะรอดื่มเหล้ามงคลงานแต่งงานของพี่นะ ถึงเวลานั้นเราก็จะกลายเป็นญาติกันจริง ๆแล้ว” เหมยเหมยพูดยิ้ม ๆ

เซียวเซียงพูดอย่างใจกว้างว่า “ได้สิ ตอนแต่งงานเธอต้องมานะ หากเป็นไปตามแผนก็น่าจะจัดงานในเมืองหลวงนี่แหละแต่ฉันยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้ ให้ฉันดื่มด่ำกับชีวิตโสดที่แสนสวยงามอีกสักสองสามปีแล้วกัน”

เหมยเหมยพูดคุยหยอกเอินเธอไปอีกสองสามประโยค บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข เธอไม่ได้เอ่ยถึงจ้าวเสวียเอ๋อร์เพราะกลัวเสียบรรยากาศ

แต่จู่ ๆเซียวเซียงก็ถอนหายใจขึ้นมากะทันหันและเป็นฝ่ายพูดถึงเขาก่อน “ฉันไม่เคยตอบรับไมตรีพี่สามของเธอเลย แต่ฉันก็ยังรู้สึกผิดมากนะที่ทำให้เขาต้องรอมาตั้งหลายปี”

หลังจากเธอกลับมาถึงรู้ว่าที่แท้จ้าวเสวียเอ๋อร์รอเธอมาตลอดและโสดมาจนถึงตอนนี้

แม้ว่าจะซาบซึ้งใจมากแต่เธอก็ไม่อยากคบจ้าวเสวียเอ๋อร์อยู่ดี อาจจะเคยหวั่นไหวบ้างแต่เมื่ออายุมากขึ้นเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่เหมาะกับจ้าวเสวียเอ๋อร์มากขึ้นเรื่อย ๆ

ต่อให้ได้คบกันจริง ๆแต่สุดท้ายก็คงต้องเลิกกันอยู่ดีละมั้ง?

“เรื่องของความรู้สึกมันไม่มีถูกผิดหรอกค่ะ เป็นเพราะพี่สามของฉันไม่มีวาสนากับพี่ต่างหาก” เหมยเหมยถอนหายใจ

“พี่สามของเธอเก่งมากขนาดนี้จะต้องหาผู้หญิงที่ดีกว่าฉันได้แน่นอน”

เหมยเหมยยิ้มแหย พี่สามของเธออายุสามสิบแล้ว ไม่รู้ว่าเนื้อคู่ของเขาจะมาเมื่อไร

เท้าข้างหนึ่งของพวกพี่โม่ซิวหย่วนเพิ่งก้าวออกไปจ้าวเสวียเอ๋อร์ก็โทรเข้าเครื่องเหมยเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า

“เหมยเหมย เซียวเซียงและโม่ซิวหย่วนไปหาเธอใช่ไหม?”

…………………………………………..

ตอนที่ 2336 จู่ ๆก็มีญาติโผล่มาที่บ้าน

เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่นพูดตามความจริงว่า “ใช่ เพิ่งจะไปกันเอง พี่สามดื่มเหล้าเหรอ?”

“ดื่มไปแค่นิดเดียว ฉันไม่เมาหรอก…เหอะ ๆ…”

อยู่ดี ๆจ้าวเสวียเอ๋อร์ก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาซึ่งเห็นได้ชัดว่าดื่มหนักแล้ว

เหมยเหมยถอนหายใจแล้วเอ่ยถามว่า “พี่อยู่บ้านหรือว่าอยู่ข้างนอก?”

“อยู่บ้าน กินหม้อไฟคนเดียว แล้วก็ดื่มเหล้านิดหน่อย มันดีมากเลยล่ะ…เหมยเหมยพี่จะบอกเธอให้ พี่สามของเธอจะต้องแต่งงานก่อนเจ้าโม่ซิวหย่วนนั่นให้ได้ เหอะ สักวันฉันจะส่งบัตรเชิญไปอวดมัน…”

“พี่หาแฟนให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน กินอิ่มดื่มจนพอแล้วก็รีบไปอาบน้ำนอน แล้วอย่าลืมถอดปลั๊กด้วยล่ะ”

พอเหมยเหมยได้ยินว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์อยู่บ้านก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมาสลบอยู่ในบ้านคงไม่เป็นไร เธอคร้านจะสนใจแล้ว

ก็แค่อกหักเท่านั้นเอง

ไม่สิ เรียกว่าอกหักไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะจ้าวเสวียเอ๋อร์รักเขาข้างเดียว เซียวเซียงไม่เคยชอบเขาเลย ช่างโง่เขลาจริง ๆ รอมาตั้งหลายปีโดยเปล่าประโยชน์ก็ไม่รู้จักไปตามจีบเขาก่อน ดูสิว่าโม่ซิวหย่วนฉลาดขนาดไหนตามไปจีบถึงไทยนู้น

มิน่าจู่ ๆหน้าร้อนปีที่แล้วโม่ซิวหย่วนถึงขอหยุดลาพักร้อน แค่แวบเดียวก็ไปโผล่อยู่ที่เมืองไทยแล้ว ตอนนั้นเธอยังสงสัยเลยว่าประเทศไทยอยู่ใกล้แค่นี้คุ้มค่าให้หยุดลาพักร้อนไปเที่ยวเหรอ?

แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วเขาคงไปตามจีบว่าที่ภรรยา ที่แท้ก็มีเจตนาแอบแฝงอยู่นี่เอง!

เหตุที่จ้าวเสวียเอ๋อร์แพ้ไม่ใช่เพราะเสียเปรียบแต่เป็นเพราะทำอะไรชักช้ามากกว่า!

ช่วงปีใหม่นี้โม่ซิวหย่วนจะพาเซียวเซียงกลับไปที่หมู่บ้านตระกูลโม่ด้วยเพื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดังนั้นการแต่งงานคงเป็นเรื่องในไม่ช้าก็เร็ว การมาทานอาหารด้วยกันครั้งนี้ก็เพื่อมาทำความรู้จักกัน ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะอายุน้อยที่สุดแต่กลับเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในตระกูลโม่

ดังนั้นต้องได้รับการอนุมัติจากเหยียนหมิงซุ่นเสียก่อนนั่นคือเหตุผลที่เขาพามาทานข้าวที่บ้าน นับว่าโม่ซิวหย่วนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเช่นกัน

วันปีใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ตามท้องถนนเงียบเหงาลงมากเพราะคนต่างจังหวัดส่วนใหญ่กลับบ้านกันหมด และสิ่งที่เห็นชัดที่สุดก็คือร้านค้าแผงลอยหายไปเกือบหมดแล้ว

เหมยเหมยไม่มีอะไรทำเลยมาคล้องโคมไฟเล็ก ๆบนต้นไม้ตรงสนามหน้าบ้าน เธอทำขึ้นมาเอง โคมไฟประดับตกแต่งเต็มกิ่งก้านไปหมดทำให้ดูสดใสไม่น้อยเลย

“นี่คือบ้านของน้องเหยียนใช่ไหม…” มีคนเคาะประตู เสียงไม่คุ้นเลยสักนิด

“ใครคะ?”

เหมยเหมยรู้สึกฉงนเหลือเกินเพราะคนตระกูลโม่ต่างเรียกเขาว่าหมิงซุ่น ไม่มีใครเรียกว่าน้องเหยียนเลยสักคน ญาติคนนี้มาจากไหนกันนะ?

“ผมชื่อหวงจื้อเกาเป็นหลานของหวงชิวลี่ แวะมาสวัสดีปีใหม่ครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มประจบเอาใจเป็นที่สุด

แต่เหมยเหมยก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี หวงชิวลี่อะไรกัน หวงจื้อเกาอะไรกัน เธอไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยสักนิด

ป้าฟางเดินไปเปิดประตู จากนั้นชายหนุ่มคนนั้นยังพูดต่ออีกว่า “น้าของผมเป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของน้องเหยียน ส่วนผมเองก็ทำงานในบริษัทของน้องซิวหย่วนเหมือนกัน พอดีช่วงปีใหม่ไม่ได้กลับบ้านเลยมาสวัสดีปีใหม่ครับ”

เหมยเหมยถึงนึกขึ้นได้ว่าที่แท้เขาก็คือหลานชายของป้าสะใภ้ใหญ่นั่นเอง แต่ปัญหาก็คือเขารู้ที่อยู่บ้านได้อย่างไร?

แต่ไม่นานเธอก็เข้าใจในทันที ป้าสะใภ้ใหญ่คงเป็นคนบอกละมั้ง?

“รีบเข้ามานั่งเถอะ…”

แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่ค่อยอยากต้อนรับหวงจื้อเกามากเท่าไรนักแต่ก็ยังเดินไปประตูเพื่อต้อนรับ ถึงอย่างไรก็เป็นญาติกันและมาสวัสดีปีใหม่ด้วย ถ้าปฏิเสธก็จะไร้น้ำใจเกินไป

แต่ตอนที่เธอเห็นสาวสวยคนหนึ่งข้างกายหวงจื้อเกาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ

หรือว่าช่วงนี้การพาแฟนสาวไปเยี่ยมบ้านกำลังฮิตกันนะ?

เหมยเหมยพูดยิ้ม ๆว่า “นี่คงจะเป็นแฟนของคุณใช่ไหม? สวยจริง ๆ รีบเข้ามาเถอะ…”

“ไม่ใช่ค่ะ…ฉันเป็นคนบ้านเดียวกันกับพี่หวงเลยค่อนข้างสนิทกัน” หญิงสาวอธิบายอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาตินักพร้อมกับมองไปที่ท้องของเหมยเหมยด้วยความประหลาดใจ

เห็นได้ชัดว่าหญิงท้องคนนี้กำลังจะคลอดอยู่รอมร่อแล้ว

เหมยเหมยจำผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แต่เธอกลับจำเหมยเหมยได้ในพริบตา เด็กผู้หญิงที่กลับบ้านตระกูลโม่พร้อมเหยียนหมิงซุ่นในตอนนั้น พอยิ่งโตก็ยิ่งสวยขึ้นมากแถมยังท้องใหญ่เสียด้วย

ผู้หญิงคนนี้ก็คือโม่เฉียวหลิง เธอคาดไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะตั้งท้อง

เธออยากจะรู้เหลือเกินว่าพ่อของเด็กเป็นใคร?

………………………………