ตอนที่ 3304

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,304 : วันแห่งการต่อสู้

 

 

“หานอวิ๋นจิ่น?”

 

ได้ยินข้อความของฉือหล่าง เหลยอิงก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง เร่งส่งข้อความถามกลับทันที “เจ้าแน่ใจหรือ?”

 

“เหลยอิงเจ้ากับข้าพวกเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว? เจ้าเองก็น่าจะพอรู้นิสัยข้ากระมัง…ข้าเป็นคนชอบพูดเล่นรึไง”

 

ฉือหล่างกล่าว

 

“หานอวิ๋นจิ่นที่ว่า…คนที่จะขึ้นประลองเป็นตายกับศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าหลังจากนี้อีก 1 ปีน่ะหรือ?”

 

เหล่ยอิงถาม

 

“มิผิด ข้าคาดว่ามันคงไม่มั่นใจว่าจะชนะเจ้า 7 ได้ จึงเลือกที่จะใช้วิธีนี้”

 

ฉือหล่างกล่าว

 

 

ขณะที่ติดต่อกับฉือหล่าง แววตาของเหลยอิงก็เปลี่ยนไปเรื่อย สุดท้ายอยู่ๆก็ส่ายหัวไปมา

 

“ท่านแม่ มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”

 

เหลยจวิ้นที่บังเอิญอยู่ข้างๆเหลยอิงพอดี พอเห็นท่าทางผิดแปลกไปของมารดา จึงอดถามออกมาไม่ได้

 

อันที่จริงตอนนี้เหลยจวิ้นอยู่ในช่วงอารมณ์ขุ่นมัวนัก เพราะทราบเรื่องที่ตู๋กูเหวินตกตายไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

 

ไฉนมันจึงรู้ ทั้งหมดก็เพราะลูกแก้ววิญญาณของตู๋กูเหวินที่มันแลกมาได้แตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว

 

“แม่พึ่งคุยกับฉือหล่างมันเสร็จ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนพวกฉือหล่างถูกจักรพรรดิอมตะร้อยเปลี่ยน ตู๋กูเหวิน กับจักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ ตู๋กูหวู่ ดักเอาไว้ขณะเดินทางงกลับจากวิหารเฟิงฮ่าว…”

 

เหลยอิงกล่าว “เห็นว่าทั้งคู่นั้นมีเป้าหมายคือการสังหาร ต้วนหลิงเทียน ศิษย์คนที่ 7 ของฉือหล่าง…ทำให้พวกฉือหล่างสงสัยว่าอาจจะเป็นหานอวิ๋นจิ่นที่ไปจ้างวานทั้ง 2 ให้ลงมือ”

 

เหลยจวิ้นเป็นลูกชายคนเดียวของเหลยอิง เช่นนั้นกับเหลยจวิ้น เหลยอิงก็ไม่คิดปิดบังอะไร

 

เหลยอิงก็ไม่ทันได้สังเกตเลย ว่าในขณะที่นางกล่าวทำนองฉือหล่างสงสัยว่าหานอวิ๋นจิ่นเป็นผู้จ้างวาน ลูกตาของเหลยจวิ้นพลันหดแคบลงโดยไม่ทันรู้ตัว

 

“แล้วนี่พวกฉือหล่างหนีมาได้อย่างไร?”

 

เหลยจวิ้นเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

ตอนแรกมันคิดว่าตู๋กูเหวินสมควรประสบอุบัติเหตุอะไรบางอย่าง จนตกตายก่อนที่จะได้ลงมือกับต้วนหลิงเทียน แต่ไม่คิดเลยว่าที่แท้ตู๋กูเหวินจะตายหลังพบเจอพวกต้วนหลิงเทียน!

 

ทันใดนั้นใจมันก็ดิ่งลงทันที

 

“ทั้งหมดต้องกล่าวว่าศิษย์คที่ 7 ของฉือหล่างโชคดีนัก เพราะวันนั้นจักรพรรดิอมตะขุนเขาทองแดงเจิ้งอวี้อี้ที่เป็นสหายเก่าของฉือหล่างก็บังเอิญพาศิษย์คนเล็กไปทดสอบรับสมญานามเช่นกัน และตอนเกิดเรื่องก็พึ่งแยกกันไปไม่นาน เจิ้งอวี้อี้ที่ได้รับข้อคววามขอความช่วยเหลือ จึงย้อนกลับมาช่วยฉือหล่างได้ทัน”

 

เหลยอิงกล่าว “นอกจากนั้น จักรพรรดิอมตะสมญานามอีกคนที่กำลังจะพาหลานไปทดสอบที่วิหารเฟิงฮ่าว พอเห็นตู๋กูเหวิน กับตู่กูหวู่กำลังสู้กับพวกฉือหล่าง มันก็พุ่งเข้ามาช่วยพวกฉือหล่างรับมือตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ทันที เพราะคนในตระกูลของจักรพรรดิอมตะสมญานามคนนั้น ก็เคยตกตายเพราะพวกตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่มาก่อน…เรียกว่าเสมือนฟ้าช่วยพวกฉือหล่างเอาไว้จริงๆ”

 

“เพราะเดิมทีฉือหล่างกับเจิ้งอวี้อี้ก็รับมือตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ไม่ค่อยไหว ใกล้จะเพลี่ยงพล้ำเต็มแก่ จนเมื่อได้จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ผ่านมาผู้นั้นยื่นมือเข้าช่วย จึงสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และสามารถล้อมฆ่าตู๋กูเหวินได้ในที่สุด”

 

“ทว่าตู๋กูหวู่ที่พลังฝีมือกล้าแข็งกว่า สามารถหลบหนีไปได้…”

 

เหลยอิงกล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

“เช่นนั้น…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก็โชคดีจริงๆ”

 

ขณะกล่าว ลึกลงไปในแววตาของเหลยจวิ้นก็ปรากฏแสงเย็นชาเรืองขึ้นวาบหนึ่ง ก่อนจะหายไปเร็วไว

 

“อืม เจ้าหนุ่มนั่นโชคดีจริงๆ”

 

เหลยอิงพยักหน้า “หาไม่แล้วจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คนก็ไม่อาจช่วยชีวิตมันได้…อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ยากจะจัดการ ต่อให้พวกมันจะสงสัยหรือปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นฝีมือหานอวิ๋นจิ่น แต่พวกมันก็ไม่มีหลักฐานที่ม้ำหนักมากพอ”

 

“อย่างไรก็ตาม ฟังจากที่ฉือหล่างกล่าว เห็นว่ามันจะพยายามหาหลักฐานมัดตัวหานอวิ๋นจิ่นให้ได้…ข้าล่ะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหานอวิ๋นจิ่นผู้นั้นจะไร้ซึ่งความมั่นใจในตัวเอง ถึงขั้นต้องไปจ้างคนมาฆ่าต้วนหลิงเทียนแบบนี้”

 

กล่าวถึงประโยคท้ายเหลยอิงก็อดส่ายหน้าไปมาอีกครั้งไม่ได้ ในแววตายังเผยความดูแคลนออกมาให้เห็น

 

“ท่านแม่ เรื่องนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นฝีมือหานอวิ๋นจิ่นเสียหน่อย สุดท้ายก็ไม่ใช่ว่าพวกมันแค่สงสงสัยไปกันเองหรือ?”

 

เหลยจวิ้นกล่าว

 

“ไม่ได้สงสัยไปเองหรอก”

 

เหลยอิงกล่าวต่อ “ฉือหล่างกล่าวว่า หลังจากที่ร่วมมือกับจักรพรรดิอมตะสมญานามที่บังเอิญผ่านมาฆ่าตู๋กูเหวินได้แล้ว พวกมันก็มอบแหวนพื้นที่ของตู๋กูเหวินให้อีกฝ่ายไป”

 

“อย่างไรก็ตาม ฉือหล่างขอให้จักรพรรดิอมตะสมญานามผู้นั้นนำลูกแก้ววิญญาณในแหวนของตู๋กูเหวินออกมาให้หมด เพื่อดูว่าจะมีลูกแก้ววิญญาณของหานอวิ๋นจิ่นหรือไม่”

 

“จักรพรรดิอมตะสมญานามผู้นั้นก็ไม่ขัดคำขอ นำลูกแก้ววิญญาณออกมาจากแหวน 3 ลูกชมดู…และพอดี 1 ในนั้นถูกศิษย์คนที่ 4 ของฉือหล่างจดจำกลิ่นอายได้ และนางก็ยืนยันด้วยความมั่นใจ ว่าเป็นของหานอวิ๋นจิ่นไม่ผิดแน่!”

 

“เจ้าเองก็สมควรรู้ว่าศิษย์คนที่ 4 ของฉือหล่าง เวิ่นหว่านเอ๋อนั้นเคยเป็นคู่รักกับหานอวิ๋นจิ่น ถึงแม้จะยังมิได้ตบแต่งเป็นสามีภรรยากัน แต่หลังอยู่ด้วยกันมานาน นางย่อมคุ้นเคยกับกลิ่นอายวิญญาณของหานอวิ๋นจิ่นดี”

 

เหลยอิงกล่าว

 

“ลูกแก้ววิญญาณ?”

 

ลูกตาของเหลยจวิ้นหดเล็กลงโดยพลัน มันรู้ดีว่า 1 ใน 3 ลูกแก้ววิญญาณที่ว่า ต้องมีของมันรวมอยู่ด้วยแน่!

 

เพราะตอนนั้น มันก็ได้เป็นฝ่ายแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับตู๋กูเหวินเอาไว้เป็นคนแรก

 

ต่อมาหานอวิ๋นจิ่นก็คิดว่ามันอาจจะต้องติดต่อสอบถามเรื่องราวกับตู๋กูเหวิน ดังนั้นจึงส่งลูกแก้ววิญญาณไปให้ตู๋กูเหวินเช่นกัน ก่อนที่จะแยกย้าย

 

“มีอะไรหรือ?”

 

เหลยอิงสังเกตเห็นว่าสีหน้าของลูกชายผิดแปลกไปเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยยถามออกมาด้วยสงสัย

 

“ไม่มีอะไรหรอกท่านแม่”

 

เหลยจวิ้นส่ายหัวไปมา หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มันก็ร่ำลาเหลยอิงทันที “ท่านแม่ ลูกพึ่งนึกออกว่ามีเรื่องต้องไปจัดการ…เช่นนั้นขอตัวก่อน”

 

กล่าวจบเหลยจวิ้นก็เหินร่างจากไปทันที ไม่รอให้เหลยอิงพูดตอบอะไร

 

ขณะจากไป มันก็เร่งส่งข้อความไปหาหานอวิ๋นจิ่นทันที “หานอวิ๋นจิ่น ตู๋กูเหวินได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่กลับลงมือไม่สำเร็จ…กระทั่งยังตกตายไปต่อหน้าต้วนหลิงเทียน”

 

“พวกเราล้วนเดาผิด…ตู๋กูเหวินไม่ได้เกิดเรื่องอะไรจตกตายก่อนเจอต้วนหลิงเทียน”

 

ได้ยินข้อความของเหยจวิ้น หานอวิ๋นจิ่นก็สับสนอยู่บ้าง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในเมื่อตู๋กูเหวินเจอต้วนหลิงเทียนแล้ว ไฉนมันถึงฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ แถมยังตกตายไปเองอีกเล่า?”

 

“ทั้งหมดเป็นเพราะ…”

 

จากนั้นเหลยจวิ้นก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เหลยอิงเล่าให้ฟังออกไป

 

หลังจากหานอวิ๋นจิ่นได้รับทราบเรื่องราว มันก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะส่งข้อความกลับมาว่า “ถึงแม้พวกมันจะพบว่าในแหวนตู๋กูเหวินมีลูกแก้ววิญญาณของข้า และอาจเดาได้ว่าเข้าไปจ้างวานตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ แต่พวกมันก็ไม่อาจใช้สิ่งนี้เป็นหลักฐานมาเล่นงานข้าได้…”

 

“เรื่องนี้ข้ารู้…ตอนนี้ที่ข้ากำลังกังวลก็คือลูกแก้ววิญญาณของข้าจะตกอยู่ในมือพวกมันด้วยรึเปล่า”

 

เหลยจวิ้นกล่าว “ที่ลูกแก้ววิญญาณของเจ้าถูกจำได้ เพราะเวิ่นหว่านเอ๋อคุ้นเคยกับกลิ่นอายวิญญาณเจ้า สำหรับลูกแก้ววิญญาณข้า พวกฉือหล่างไม่น่าจะมีใครจดจำได้แน่นอน…”

 

“หากไม่ตกไปอยู่ในพวกมือมันก็แล้วไป…แต่ถ้าตกไปอยู่ในมือพวกมันจริงๆ ข้าเกรงว่าไม่นานเรื่องนี้ต้องถูกเปิดเผยแน่”

 

เหลยจวิ้นกล่าวต่อเสียงเครียด

 

“เปิดเผยแล้วจะอย่างไร? พวกมันรู้แล้วจะทำอะไรได้ อาศัยหลักฐานเช่นนี้ไหนเลยจะมาหาความพวกเราได้!”

 

หานอวิ๋นจิ่นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมยทำราวกับ ‘หมูตายไม่กลัวน้ำเดือด’

 

“หานอวิ๋นจิ่น ข้าไม่เหมือนเจ้า…”

 

เหลยจวิ้นกล่าว “หากศิษย์น้องฮ่วนเอ๋อรู้เรื่องนี้ ด้วยความเอาใจใส่ที่นางมีต่อต้วนหลิงเทียน ต่อให้วันหนึ่งต้วนหลิงเทียนจะตายตกไปแล้ว แต่นางก็อาจจะไม่ยอมรับข้า…”

 

“เช่นนั้นเรื่องที่ข้ามีส่วนจ้างคนไปฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย…ไม่อาจให้นางล่วงรู้ได้เด็ดขาด! เจ้าเข้าใจหรือไม่?!”

 

เหลยจวิ้นเผยความกังงวลออกมา

 

“เอาล่ะๆ ข้าเข้าใจแล้ว ก็แค่สตรีคนเดียวไม่ใช่หรือไร? อีก 1 ปีหลังจากนี้ ขึ้นสังเวียนอัจฉริยะเมื่อไหร่ ข้าจะฆ่าต้วนหลิงเทียน ขจัดมารหัวใจเจ้าให้เอง”

 

หานอวิ๋นจิ่นกล่าว “ว่าแต่ในเมื่อพวกมันลงมือล้มเหลวแบบนี้ พวกเราจะไปทวงค่าจ้างที่จ่ายไปจากตู๋กูหวู่ที่รอดตายได้รึเปล่า?”

 

“เจ้าฝันอยู่รึไง?”

 

เหลยจวิ้นหัวเราะประชด ก่อนจะส่งข้อความต่อ “เจ้าคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นไปได้ด้วยหรือ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ค่าจ้างที่พวกกเราจ่ายไปอาจจะยังอยู่ในแหวนตู๋กูเหวิน และสมควรถูกจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มาช่วยฆ่าตู๋กูเหวินเอาไปแล้ว”

 

“ต่อให้จะไม่ถูกคนเอาไปและเป็นตู๋กูหวู่ที่เก็บไว้…แต่ในเมื่อตู๋กูเหวินตกตายไปทั้งคน เจ้ายังกล้าไปทวงของคืนจากตู๋กูหวู่ที่เสียพี่น้องไปหรือไร? หรือเจ้าไม่กลัวตู๋กูหวู่มันเอาโทสะมาลงกับเจ้าจนตาย?”

 

ได้ยินคำพูดของเหลยจวิ้น สีหน้าหานอวิ๋นจิ่นก็มืดลงทันที “เช่นนั้นพวกเราคงไม่ได้ของคืนแน่แล้ว…แต่อย่างน้อยๆพวกเราก็ต้องไปถามมันไม่ใช่รึไง ว่ามันจะเอาอย่างไรต่อ จะลงมือหรือจะเลิกล้ม?”

 

“เหอะๆ ต่อให้เจ้าอยากไปถามมันแค่ไหน เจ้าก็ทำได้แค่รอ…เพราะตอนนี้เจ้าสมควรตกเป็นเป้าการจับตาของฉือหล่างแล้ว”

 

เหลยจวิ้นกล่าว

 

“หากรอต่อไป…วันประลองระหว่างข้ากับต้วนหลิงเทียนก็มาถึงก่อนพอดี”

 

หานอวิ๋นจิ่นเอ่ยออกเสียงขรึม

 

“ไม่มีทางเลือกใดอื่น..นอกเสียจาก เจ้าอยากจะรีบตายก่อนประลอง! เพราะถ้าเจ้าไปหาตู๋กูหวู่ตอนนี้ และโดนฉือหล่างจับได้ เจ้าได้ถูกฉือหล่างฆ่าตายก่อนจะทันได้สู้กับต้วนหลิงเทียนแน่!!”

 

“สมคบคิดคนนอกล้างผลาญคนใน เป็นความผิดที่ร้ายแรงที่สุดในวังเทียนฉือ…หากเจ้าโดนข้อหานี้จริง ต่อให้เป็น จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับอาจารย์เจ้า ก็ไม่มีปัญญาช่วยเจ้าได้”

 

ขณะส่งข้อความประโยคนี้ เสียงกล่าวของเหลยจวิ้นยังเย็นชาถึงขีดสุด

 

เนื่องเพราะหากหานอวิ๋นจิ่นทำอะไรโง่งมไปรนหาที่ตาย ไม่พ้นอีกฝ่ายต้องสร้างปัญหาให้มันแน่นอน

 

อย่างไรเสียตอนนี้ที่มันกังวลที่สุดก็คือลูกแก้ววิญญาณของมันอาจถูกพวกฉือหล่างพบเจอไปแล้ว และหากหานอวิ๋นจิ่นถูกจับได้ ไม่แน่ว่าอาจจะสารภาพผิดออกมาทั้งหมดโดยซัดทอดมาที่มัน เพื่อพยายามลดโทษของตัวเอง

 

ได้ยินคำกล่าวของเหลยจวิ้น หานอวิ๋นจิ่นก็เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นค่อยส่งข้อความตอบกลับว่า “ข้ารู้ขอบเขตดี…หากไม่มั่นใจว่าจะไม่ถูกจับได้ ข้าก็ไม่คิดออกจากวังเทียนฉือช่วงนี้หรอก”

 

หลังลั่นวาจาประโยคนี้ออกไป หลังจากนี้ตลอดปีหานอวิ๋นจิ่นก็อยากย้อนกลับมาตบปากตัวเองจริงๆ

 

เพราะทุกครั้งที่มันจะลอบออกจากวังเทียนฉือ มันก็พบว่าหากไม่ใช่ฉือหล่างมาเอง ก็มีศิษย์ของฉือหล่างมาเดินป้วนเปี้ยนผ่านหน้ามันไปมาตลอด…

 

นอกจากเวิ่นหว่านเอ๋อและศิษย์คนโตของฉือหล่างแล้ว ศิษย์ในด่านของฉือหล่างเหมือนจะผลัดกันแวะเวียนมาจับตาดูมันตลอด…

 

เห็นสิ่งนี้ หานอวิ๋นจิ่นย่อมไม่กล้าออกไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า

 

สุดท้ายมันก็ได้แต่ยอมแพ้

 

เพราะตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น ก่อนที่มันจะต้องขึ้นไปเข่นฆ่ากับต้วนหลิงเทียนให้ตายกันไปข้างบนสังเวียนอัจฉริยะ

 

อย่างไรก็ตามหานอวิ๋นจิ่นยอมแพ้ แต่ศิษย์ของฉือหล่างไม่ยอมแพ้

 

ทั้งหมดยังตามเฝ้าจับตามองหานอวิ๋นจิ่นตลอด

 

เรียกว่าจับตาดูตลอดเวลา…จนกระทั่งถึงวันที่หานอวิ๋นจิ่นต้องขึ้นไปตัดสินกับต้วนหลิงเทียนบนสังเวียนอัจฉริยะ ว่าใครจะอยู่ใครจะตาย!!

 

แน่นอนว่าในช่วงเวลา 2 เดือนสุดท้ายก่อนการประลอง ก็มีแต่หูเหมย โอวหยางฉีเฟย และหงเฟยเท่านั้นที่มาจับตามองหานอวิ๋นจิ่น ส่วนต้วนหลิงเทียนถูกทุกคนไล่ให้ไปเตรียมตัวประลอง

 

ถึงแม้ทุกคนจะมั่นใจในความร้ายกาจของต้วนหลิงเทียน อย่างไรก็ตามบนสังเวียนอัจฉริยะไม่อาจใช้มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ได้

 

ดังนั้นทั้งหมดจึงหวังต้วนหลิงเทียนจะควบคุมร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวให้คล่องที่สุดเท่าที่จะทำได้ กระทั่งหวังให้เผชิญหน้ากับหานอวิ๋นจิ่นในสภาพที่เตรียมพร้อมที่สุด

 

ในวันที่ต้วนหลิงเทียนกับหานอวิ๋นจิ่นต้องขึ้นไปชี้เป็นชี้ตายบนสังเวียนอัจฉริยะนั้น ตั้งแต่รุ่งสางก็มีศิษย์วังเทียนฉือมากหน้าหลายตาแห่กันมารวมตัวที่สังเวียนอัจฉริยะ

 

“ในที่สุดวันที่ข้าเฝ้ารอคอยก็มาถึงเสียที…ไม่ทราบว่าหลังพ้นวันนี้ไป จักเป็นศิษย์คนที่ 7 ของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง ต้วนหลิงเทียน หรือศิษย์คนโตของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ หานอวิ๋นจิ่น กันแน่! ที่จะรอดชีวิตเป็นคนสุดท้าย!!”

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น เห็นว่าพึ่งเข้าร่วมกับวังเทียนฉือเราหยกๆ อายุก็ยังไม่ถึง 300 ปีด้วยซ้ำ แต่พลังฝีมือกลับร้ายกาจเกินตัวนัก”

 

“เหอะๆ ลองมันกล้าขึ้นไปเข่นฆ่ากับหานอวิ๋นจิ่นได้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีพู่กันสองด้าม”

 

“นั่นก็ไม่แน่นักหรอก ครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่ตกลงขึ้นไปสู้กันไม่ตายไม่เลิกราข้าก็อยู่ในเหตุการณ์ และแลแล้วไม่แน่ว่าต้วนหลิงเทียนจะอยากขึ้นไปประลองกับหานอวิ๋นจิ่นจริงๆ เพียงแค่จะทำขวัญกล้าท้าให้หานอวิ๋นจิ่นหวาดกลัวไม่กล้าสู้เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายหานอวิ๋นจิ่นจะถูกบีบให้ตอบรับคำท้าประลองในที่สุด ไปๆมาๆก็เหมือนไล่เป็ดขึ้นคอนเสียอย่างนั้น…”

 

“เอาล่ะ ผู้ใดจะแน่กว่ากัน แล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะเดี๋ยวการประลองวันนี้ก็บอกพวกเราเอง!”

 

“เฮ่ย พวกเจ้ารู้ยังทางนั้นมีคนรับแทงแน่ะ พวกเจ้าไม่ไปแทงดูเล่า? ถึงแม้อัตราต่อรองของหานอวิ๋นจิ่นจะค่อนข้างต่ำ แต่หากแทงมากๆแล้วมันชนะก็พอได้อยู่ ข้าเองก็จัดหนักไปแล้ว!”

 

“อัยยะ เห็นนิ่งๆที่จริงพี่ท่านไวใช้ได้เลย! แต่ข้าก็ไปแทงหานอวิ๋นจิ่นมาแล้วเหมือนกัน…”

 

 

เรียกว่ารอบสังเวียนอัจฉริยะยามรุ่งสางวันนี้ มันคึกคักมีชีวิตชีวาไม่ต่างอะไรจากตลาดสดยามเช้าเลยจริงๆ