หลัวซิวไม่ตระหนี่ในเรื่องนี้ เพราะเขตห้ามกาลเวลาเป็นฉียู่หรงพาเขามาที่นี่ และเขาไม่ได้ใช้แก้วห้วงเวลาที่ได้รับเพื่อฝึกฝนแต่เพื่อแลกเปลี่ยนแก้วเทวเท่านั้น เมื่อเทียบกับฉียู่หรง นางต้องการสิ่งเหล่านี้มากกว่า

ขณะที่คุยกัน ทั้งสองยังคงเดินหน้าต่อไปและพบแก้วห้วงเวลามากมายระหว่างทาง ตามการรับรู้ของตัวสำนึกของเขา พวกหลิวเทียนลู่ได้รับแก้วห้วงเวลาไม่น้อย พวกเขาพบแก้วห้วงเวลาขนาดใหญ่และเล็กสิบกว่าชิ้น

นอกจากได้รับแก้วห้วงเวลาแล้ว ปริภูมิที่เขตห้ามกาลเวลาบิดเบือนซึ่งปรากฏขึ้นเป็นบางครั้งก็น่ากลัวอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่หลัวซิวใช้ตัวสำนึกของตัวเองในการสัมผัสรับรู้ล่วงหน้า จากนั้นนำพาฉียู่หรงหลบหนีโดยเร็วที่สุด

แต่เขาสังเกตเห็นว่า เหล่าหลิวเทียนลู่ปลอดภัยตลอดทาง ราวกับว่าพวกเขารู้วิทางที่ปลอดภัยในการผ่านเขตห้ามกาลเวลา

“น่าสนใจ…” หลัวซิวค้นพบว่าคนเหล่านี้ที่ลงมาจากโลกาชั้นฟ้า ไม่ว่าจะเป็นหลิวเทียนลู่หรือเสิ่นปิงหยู บนร่างของพวกเขาต่างมีความลับและจุดประสงค์ไม่น้อย

ตั้งแต่แรกเริ่ม หลัวซิวอดกลั้นเจตนาฆ่าอยู่ในใจของเขา เพราะเขารู้ดีว่าเสี่ยวเจียงหมิงอยู่ในมือของหลิวเทียนลู่ ถ้าเขาไม่ต้องการคนอย่างหลิวเทียนลู่นำทางให้เขา เขาคงจาตีตั้งนานแล้ว

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว และคนอีกกลุ่มหนึ่งก็มาถึงเขตห้ามกาลเวลา

ผู้นำเป็นผู้หญิงที่เหมือนนางฟ้าศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือเสิ่นปิงหยูและจู้เทียนหลงนำตระกูลจู้เดินตามหลังนาง

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นเสิ่นปิงหยู จู้เทียนหลงถูกนางดึงดูดใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขารู้ว่านางมาจากวังมหาวาลที่โลกาชั้นฟ้า เขาก็ยิ่งตั้งใจแน่วแน่ที่จะติดตามนาง

แม้ว่าเขาจะเกิดในตระกูลชั้นนำในโลกะอัมพรเทว แต่จู้เทียนหลงก็ตระหนักดีถึงความจริงว่าตนเองเก่งแล้วก็ยังมีคนอื่นที่เก่งกาจกว่า ตระกูลจู้อาจถือเป็นกองกำลังที่ทรงพลังในพิภพล่าง แต่ก็ไม่นับอะไรในโลกาชั้นฟ้า

เขามีความทะเยอทะยาน เขาต้องการก้าวเข้าสู่โลกที่กว้างขึ้นและประสบความสำเร็จมากขึ้น แต่ตั้งแต่วินาทีที่เขาได้พบกับเสิ่นปิงหยู เขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่หายากสำหรับเขา

ไม่ต้องพูดถึงการได้รับคำแนะนำจากเสิ่นปิงหยูให้เป็นศิษย์ของวังมหาวาล ถ้าเขาสามารถเอาชนะใจผู้หญิงคนนี้ได้ ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเขา

เสิ่นปิงหยูมองไปยังที่ที่ตั้งของเขตห้ามกาลเวลา ความลับที่นี่ แม้แต่เจ้าวังของวังมหาวาลและผู้อาวุโสทุกท่านก็ไม่รู้

ทุกคนคิดว่าสถานที่จักรพรรดิเทพมหาวาลมรณภาพอยู่ที่วังมหาวาล และวังมหาวาลมีพื้นที่ต้องห้ามหนึ่งแห่ง ซึ่งมีข่าวลือว่าเป็นสถานที่ฝังจักรพรรดิเทพ

แต่เสิ่นปิงหยูรู้ว่าไม่มีศพของจักรพรรดิเทพมหาวาลในพื้นที่ต้องห้ามแห่งนั้นของวังมหาวาล ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น

ผู้มีอำนาจระดับสูงของวังมหาวาลก็ไม่ทราบว่าจักรพรรดิเทพมหาวาลไปที่ไหน เป็นเวลานานแล้วที่วังมหาวาลได้ทำการสืบสวนอย่างลับๆว่าจักรพรรดิเทพมหาวาลมรณภาพที่ไหน

ก่อนที่อายุขัยจะหมดลง จักรพรรดิเทพได้ทิ้งมรดกไว้ ต่อมา ซึ่งก็คือวังมหาวาล ในตอนท้ายของชีวิตของจักรพรรดิเทพมหาวาลที่ไร้คู่ต่อกร ได้เดินทางไกลออกไปในห้วงดารา และในที่สุดก็หายตัวไปโดยปราศจากข่าวคราว

บรรพจารย์เชื้อสายของเสิ่นปิงหยูสายเลือดนี้ เคยเป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างท่านหนึ่งของวังมหาวาล โดยบังเอิญ มาถึงดาราแห่งกาลเวลาและค้นพบสถานที่ที่ มรณภาพของจักรพรรดิเทพมหาวาลโดยบังเอิญที่จริง

ไม่เพียงแต่บรรพจารย์ผู้นั้นท่านั้นที่ค้นพบความลับนี้ แต่ยังมีผู้แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งค้นพบความลับนี้ด้วย ดังนั้นบรรพจารย์ทั้งสองจึงมีการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น และท้ายที่สุดทั้งคู่ก็บาดเจ็บสาหัส

เนื่องจากอาการบาดเจ็บรุนแรงเกินไป บรรพจารย์ทั้งสองจึงทำได้เพียงเลือกที่จะจากไป แต่เมื่อพวกเขาหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว พวกเขาก็ไม่พบดาราแห่งกาลเวลาอีกต่อไป