ตอนที่ 2847 พลังแห่งพร!
“คารวะอาจารย์ลุงน้อย!”
“คารวะอาจารย์ลุงน้อย!”
…
เหล่าผู้อาวุโสของหอสุดแสงนั้นต่างก้มหัวลงคารวะเย่หยวนอย่างไม่เต็มใจ
ในจิตใจของพวกเขานั้นมันได้แต่ด่าเจ้าโลกหยุนซานไม่หยุด
เจ้าเฒ่านั้นกลับไปรับเอาจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งมาเป็นศิษย์ เช่นนี้แล้วพวกเขาจะยังเอาหน้าเฒ่าๆ นี้ไปไว้ที่ไหน?
เหล่าคนที่เรียกได้ว่าอยู่ในอาณาจักรเจ้าโลกครึ่งก้าวนั้นกลับต้องมาก้มหัวเรียกจักรพรรดิเซียนว่าอาจารย์ลุง
ภาพนี้มันเป็นอะไรที่เหนือล้ำกว่าที่ใครจะจินตนาการ
ได้เห็นท่าทางของคนทั้งหลายนั้นซ่งชิงหยางก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
ส่วนตัวหลี่ชิงหยุนนั้นต้องลอบถอนหายใจยาว
‘โชคดีที่พ่อเจ้านี้เข้าสำนักมาก่อน ไม่เช่นนั้นข้าเองก็คงต้องไปเรียกเจ้าว่าเป็นอาจารย์ลุงเหมือนพวกมันแล้ว’
“พวกเขาทั้งหลายนั้นแท้จริงแล้วมีรุ่นอาวุโสที่ต่ำมากเพียงแค่ว่าพวกเขาบ่มเพาะมาถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดได้จึงพอจะมีสิทธิ์เรียกเจ้าว่าเป็นอาจารย์ลุง ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเรียกเจ้าเช่นนี้” หลี่ชิงหยุนกล่าวขึ้นเสริม
ด้านข้างของเขานั้นเหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงทั้งหลายต่างกัดฟันแน่นด้วยหน้าแดงก่ำ
ต่อหน้าหลี่ชิงหยุนนั้นพวกเขาไม่กล้าจะอวดอ้างอำนาจใดๆ
“เรื่องของเจ้านั้นโจวซ่งฉวนมันได้บอกข้ามาหมดแล้ว เจ้ามันไม่ธรรมดาจริงๆ! ครั้งนี้เจ้าได้สร้างคุณให้พันธมิตรอย่างหาที่สุดไม่ได้! ให้พวกมันเรียกเจ้าว่าอาจารย์ลุงนั้นก็คงไม่เกินไปแม้แต่น้อยเลย ในสำนักของเรานั้นมันมีแค่ข้ากับโจวซ่งฉวนเหลือกันแค่สองคน ส่วนศิษย์คนอื่นๆ ตายหมดแล้ว ตอนนี้ในนิกายยาสุดล้ำนั้นนอกจากอาจารย์เฒ่าของเรา ข้าและโจวซ่งฉวนน้อยนั้นแล้ว เจ้าก็มีระดับอาวุโสที่สูงที่สุด เข้าใจหรือไม่?” หลี่ชิงหยุนอธิบายต่อ
“ขอบพระคุณศิษย์พี่ใหญ่ที่ช่วยชี้แจง”
เย่หยวนพยักหน้ารับแต่ก็ตื่นตะลึงไปทั้งใจ
เพราะเขาย่อมเข้าใจคำว่าตายที่หลี่ชิงหยุนนั้นมันหมายถึงอะไร
เพราะตราบใดที่ยังไม่บรรลุระดับเจ้าโลก มันก็จะยังมีเต๋าทุกข์ลงมาเรื่อยๆ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังจะแข็งแกร่งขึ้นไปเสมอๆ!
เมื่อขึ้นมาถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดแล้วมันก็ไม่มีทางจะเพิ่มพลังบ่มเพาะไปได้อีก สิ่งเดียวที่จะทำได้นั้นคือการรอรับเต๋าทุกข์ไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นศิษย์ทั้งหลายนั้นจึงตายก่อนที่จะขึ้นระดับเจ้าโลกได้เพราะเต๋าทุกข์!
แต่หลี่ชิงหยุนนั้นเข้าสำนักมานานที่สุดแต่กลับยังอยู่รอดมาถึงวันนี้ได้
แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเขานั้นเก่งกาจแค่ไหน!
เพียงคิดได้เช่นนั้นเย่หยวนก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่ชิงหยุนนั้นยังไม่สามารถบรรลุระดับเจ้าโลกได้เสียที
หลี่ชิงหยุนนั้นเหมือนจะอ่านใจเย่หยวนได้จึงตอบกลับมาด้วยท่าทางเหนื่อยใจ “โจวซ่งฉวนนั้นคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ล้ำฟ้าดินแต่เขาก็มีแค่นั้นแหละ พรสวรรค์นั้นคือสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิดไม่ใช่สิ่งที่จะเพิ่มพูนได้! ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้านี้มีพรสวรรค์ที่ธรรมดาแต่ข้านั้นพัฒนาตนอย่างสม่ำเสมอไม่คิดหยุดตัวเองลงจนถึงทุกวันนี้! ข้านั้นก้าวล้ำเหล่าคนรุ่นเดียวที่ว่ากันว่ามากพรสวรรค์ไปมากมาย และยังก้าวล้ำคนรุ่นใหม่ที่ตามหลังมาได้ด้วย! ที่สำคัญหากไม่มีอะไรผิดพลาด ข้าก็จะก้าวล้ำเจ้าไปเช่นกัน! ฮ่าๆๆ…”
“อย่าคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้านี้ด้อยกว่าโจวซ่งฉวนน้อยมันเลย หากวันใดข้าบรรลุระดับเจ้าโลกขึ้นไปแล้วข้าคงกระทืบมันจนไม่รู้เหนือรู้ใต้ได้แน่นอน! ที่สำคัญเจ้าก็อย่าได้มองว่าตอนนี้ข้ายังไม่บรรลุแล้วจะอ่อนแอ หากต้องสู้จริงๆ นั้นข้าคงสามารถเอาชนะเจ้าโลกที่บรรลุขึ้นมาใหม่ๆ ได้ด้วยเช่นกัน! จะนับข้าว่าเป็นเจ้าโลกมันก็ไม่ถือว่าผิดด้วยซ้ำ!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอาจจะก้าวล้ำข้าไม่ได้นะ!”
หลี่ชิงหยุนยิ้มตอบกลับไป “ผู้บ่มเพาะนอกรีตมันก็พูดเช่นนี้กันทุกคน แต่สุดท้ายแล้วมันก็ตายลงสิ้น! ตั้งแต่บรรพกาลมานั้นมันเคยมีผู้บ่มเพาะนอกรีตที่บ่มเพาะถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุด แต่ไม่เคยมีผู้บ่มเพาะนอกรีตคนใดที่ขึ้นไปถึงระดับเจ้าโลกได้เลย! เพราะฉะนั้นข้าย่อมจะเอาชนะเจ้าได้แน่!”
เย่หยวนนั้นยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่หวาดหวั่น “เช่นนั้นเราคงต้องรอดูกันไป”
หลี่ชิงหยุนยิ้มตอบ “ไอ้เด็กนี่มันน่าสนใจไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่เฒ่านั่นมันจะชอบใจเจ้านัก เอาล่ะ! เลิกพูดจาไร้สาระไว้แค่นี้แล้วกัน เจ้าก้าวออกมากราบเหล่าบรรพบุรุษเสีย! แต่ระวังให้ดีเรื่องนี้มันไม่ง่ายหรอกนะ!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหยุดหน้าป้ายชื่อทั้งหลายนั้น
เบื้องหน้ากำแพงป้ายชื่อนี้มันมีหมอนรองกราบวางไว้อยู่
เย่หยวนเดินมาคุกเข่าลงไปกราบบนหมอนทันที
ตึก!
ตึก!
ตึก!
เขาก้มลงกราบสามครั้งหน้าป้ายชื่อตามประเพณีด้วยความรู้สึกกังวลใจไม่น้อย
อันไหนคือที่ว่ายาก?
ดูเหมือน…มันจะไม่มีอะไรเลย หรือว่าความยากมันยังมาไม่ถึง?
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าทำอะไรผิดไปหรือไม่? หือ? ศิษย์พี่ใหญ่?” เย่หยวนเงยหน้าหันมามองหลี่ชิงหยุนแต่กลับพบว่าหลี่ชิงหยุนนั้นกำลังอ้าปากค้าง
และไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นเหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงทั้งหลายรวมไปถึงตัวซ่งชิงหยางนั้นต่างทำหน้าเหมือนได้เห็นผี
ตอนที่เย่หยวนกำลังมึนงงอยู่นั้นป้ายชื่อทั้งหมดมันก็ส่องแสงออกมา
เขานั้นอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองและพบว่าป้ายชื่อนับพันๆ ที่ด้านหลังนั้นมันเปล่งแสงสว่างจ้าออกมา
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงพลังงานลึกลับบางอย่างค่อยๆ ไหลเข้ามาในร่าง
แต่มันคืออะไรนั้นเย่หยวนเองก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นกัน
แต่เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างตัวเองและป้ายชื่อทั้งหลายตรงหน้าขึ้นมา
เขาได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่น หรือว่านี่คือการทดสอบที่ว่า?
“ศิษย์พี่ใหญ่…”
เมื่อเย่หยวนหันกลับมามองหลี่ชิงหยุนอีกครั้งเขาก็พบว่าใบหน้าของหลี่ชิงหยุนนั้นมันแปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิม
มันเป็นท่าทางตกตะลึงที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำใดๆ
เย่หยวนเองก็ได้แต่ทำหน้างงเช่นกัน
ไม่นานนักแสงทั้งหมดมันก็ค่อยๆ จางหายไปแต่เหลือไว้ซึ่งสายสัมพันธ์บางอย่างในร่างของเขา
เย่หยวนหันกลับไปมองหลี่ชิงหยุนอีกครั้งเพื่อรอคำตอบ
หลี่ชิงหยุนนั้นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะมาเดินวนรอบตัวเย่หยวนราวกับอยากจะมองเย่หยวนให้ทะลุ
“ไม่น่ามั้ง!”
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?”
“ไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่เหนือล้ำฟ้าดินใดๆ เลย!”
“ไอ้เด็กนี่มันมีดีอะไรถึงข้ามพ้นข้าไปได้?”
มองไปหลี่ชิงหยุนก็บ่นไปอย่างไม่หยุดปาก
มีหรือที่เย่หยวนจะยังไม่เข้าใจสภาพตอนนี้อีก? ดูเหมือนว่าเขานั้นจะได้ทำอะไรที่เหลือเชื่อลงไปเสียแล้ว
แต่เขานั้นก็ไม่รู้ได้จริงๆ ว่ามันคืออะไร
แต่จู่ๆ หลี่ชิงหยุนก็เดินมาหยุดตรงหน้าเย่หยวนและถาม “เจ้าเป็นสัตว์ประหลาดหรือ? ไม่ว่าจะมองอย่างไรเจ้าก็ไม่ได้เป็นยอดอัจฉริยะที่สะท้านสวรรค์ใดๆ เลยแท้ๆ! ทำไมเจ้าถึงได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษทั้งหมดได้?”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “การได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษทั้งหมดนั้นยากมากหรือ?”
หลี่ชิงหยุนร้องตะโกนด่ากลับมาทันที “ไอ้เด็กเวรนี่ เลิกวางท่าเสียที! การได้การยอมรับจากบรรพบุรุษทั้งหมดนั้นไม่ได้ยาก แต่มันเป็นไปไม่ได้! ตรงหน้านี้มันมีป้ายชื่อทั้งหมดสามพันแปดร้อยเก้าสิบสองแผ่น ตราบเท่าที่เจ้าสามารถได้รับการยอมรับแค่จากหนึ่งในห้าของบรรพบุรุษทั้งหมดมันก็ถือว่าผ่านการทดสอบแล้ว และมันไม่เคยมีใครได้รับการยอมรับอย่างเจ้ามาก่อน! เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดก่อนหน้าเจ้า นั้นคือใคร?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “มันย่อมเป็นศิษย์พี่ใหญ่แน่แล้ว!”
หลี่ชิงหยุนร้องตอบกลับไป “เออ! ไอ้หนู เจ้ามันฉลาด! ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้านี้ได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษถึงสามพันยี่สิบสามท่าน มันมากกว่าอาจารย์เราเสียด้วยซ้ำ! โจวซ่งฉวนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษแค่สองพันหกร้อยสามสิบเอ็ดท่าน! แล้วเจ้ามีดีอะไร? ถึงขั้นสามารถได้รับการยอมรับจากพวกท่านทั้งหมดได้?”
เย่หยวนมองหน้าตอบกลับไปอย่างซื่อๆ “การยอมรับนี้มันหมายถึงอะไรหรือ? การทดสอบนี้มันคืออะไรกันแน่?”
เขานั้นยังไม่อาจเข้าใจได้ว่าการทดสอบนี้มันคืออะไร รู้แค่ว่าเขาผ่านแล้ว
“อาจารย์ลุง การทดสอบของหอสุดแสงนั้นจะทดสอบเรื่องนิสัยใจคอของคนผู้นั้น! แน่นอนว่าพรสวรรค์ ความเป็นไปได้และเรื่องอื่นเองก็มีผลมากด้วย แต่นี่มันคือการประเมินจากโลกที่มองไม่เห็น มันไม่อาจจะอธิบายได้ชัดเจน หากจะให้พูดแล้ว…ก็คงเหมือนการทำให้เหล่าบรรพบุรุษยอมรับและให้พรแก่คนผู้เข้าทดสอบ!”
“แน่นอนว่าการจะทำให้คนทุกคนยอมรับและรักนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้! เพราะฉะนั้นเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายที่ไม่ยอมรับก็จะขัดขวางการก้มกราบ แต่หากบรรพบุรุษส่วนมากยอมรับท่าน ท่านก็จะสามารถก้มกราบได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่แปลกนั้นคือตอนที่ท่านก้มกราบนั้นมันกลับไม่มีแรงต้านใดๆ แม้แต่น้อย! นอกจากนั้นท่านยังได้รับพรจากบรรพบุรุษทั้งหลาย! นี่…ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย!”
ยิ่งซ่งชิงหยางอธิบายไปเขาก็ยิ่งตกตะลึงจนเริ่มฟังไม่เป็นศัพท์
เพราะเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่ก่อตั้งนิกายยาสุดล้ำ
สิ่งใดเล่าที่ยากจนเกินมือคน?
นั่นคือการทำให้คนทั้งแผ่นดินชอบ!
แม้ว่าบรรพบุรุษทั้งสามพันกว่าท่านนี้มันจะไม่ถึงขั้นคนทั้งแผ่นดินแต่การทำให้คนกว่าสามพันชอบได้จนไม่มีใครเกลียดนั้นมันย่อมจะเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะจินตนาการ
แต่เย่หยวนกลับทำได้!