ตอนที่ 3314

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3,314 : สตรีที่น่าสงสาร

หอเกิดดับ

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินคํานี้

ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาในคุกหมื่นพันธนาการ เขาก็ได้ยินมาแล้วว่าในคุกหมื่นพันธนาการมีสถานที่ช่วยให้ทําความเข้าใจกฎแห่งความตายได้ดีขึ้น และสถานที่แห่งนั้นถูกเรียกว่าหอเกิดดับ

พอชายชราเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ทําให้เขาบังเกิดความสนใจอยากรู้รายละเอียดของหอเกิดดับขี้นมาทันที

“ศิษย์อัจฉริยะที่สมัครมาเป็นผู้คุมคุกหมื่นพันธนาการ ไม่มีผู้ใดแยแสผลึกอมตะที่เป็นค่าจ้างแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจ ก็คือโอกาสในการทําความเข้าใจกฏแห่งความตายในหอเกิดดับมากกว่า”

ชายชรากล่าว “ผู้ที่มาทําหน้าที่เป็นผู้คุมในคุกหมื่นพันธนาการได้ครบกําหนด 1 ปี ก็จักได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปทําความเข้าใจกฎแห่งความตายในหอเกิดดับเป็นเวลา 1 ปีเช่นกัน”

“เมื่อครบกําหนดเวลาแล้ว หากคิดจะใช้หอเกิดดับต่อ ก็มีแต่ต้องมาเข้าเวรอีก 1 ปี”

“แน่นอนว่าทุกคนสามารถเลือกที่จะสะสมเวลาได้เช่นกัน อย่างทํางานเป็นผู้คุมติดต่อกันสักหลายๆปี แล้วก็นเวลาที่สะสมมาใช้ยาวๆรอบเดียวก็ไม่มีปัญหา เรียกว่าเวลาที่ใช้ทํางานกับเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ใช้หอเกิดดับจักเท่ากัน”

กล่าวถึงจุดนี้ชายชราก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “เป็นธรรมดาว่าสําหรับเจ้ามันต่างออกไปด้วยเห็นแก่หน้าของพัศดีฉือ เจ้าสามารถเข้าใช้หอเกิดดับได้ตามอําเภอใจ…”

“อีกทั้ง เจ้ายังใช้มันได้นานตราบที่เจ้าต้องการ”

กล่าวถึงจุดนี้ สองตาชายชราก็อดไม่ได้ที่จะฉายแววอิจฉาขึ้นมาอยู่บ้าง

ถึงแม้ว่ากฏที่มันเชี่ยวชาญจะไม่ใช่กฏแห่งความตาย ทําให้ไม่สนใจจะเข้าใช้หอเกิดดับ ทว่าหากมันเป็นผู้ที่ใช้กฏแห่งความตายขึ้นมา…ถ้ามันอยากจะใช้หอเกิดดับก็จําต้องทํางานตามเงื่อนไขที่กล่าวไว้ข้างต้น!

“เพราะจ้าวหอเกิดดับนั้นมิใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพัศดีฉือเอง และอาวุโสภายในหอเกิดดับก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของพัศดีฉือทั้งหมด ทางพัศดีฉือก็ได้ออกคําสั่งเอาไว้นานแล้ว ว่าหากมีศิษย์น้องคนใดของนางคิดใช้หอเกิดดับ ก็สามารถเข้าไปใช้ได้ตามใจชอบ ไม่มีข้อจํากัดและเงื่อนไขอันใด”

“ทั่วทั้งวังเทียนฉือ ข้าเกรงว่าคงมีแต่ศิษย์ของใต้เท้าฉือหล่างเท่านั้น ที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้”

ชายชรากล่าวต่อ

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ไม่เพียงแต่จะเป็นพัศดีของคุกหมื่นพันธนาการ แต่ยังเป็นเจ้าหอเกิดดับ ผู้ที่มีอํานาจควบคุมเรื่องราวในหอเกิดดับ?”

ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ ว่าเรื่องราวที่เขาเคยรู้มาเกี่ยวกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ก่อนหน้า นับเป็นปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งจริงๆ เพราะเรื่องเมื่อครู่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเลย

“แล้วในคุกหมื่นพันธนาการมีพัศดีทั้งสิ้นกี่คนหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนที่เดินตามชายชราเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเรามีพัศดีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 3 คน และแบ่งกันดูแล โกงกิจการภายใน หอเกิดดับ และหอชําระบาป”

ชายชรากล่าวตอบ

“หอชําระบาป?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง เขารู้แล้วว่าหอกิจการภายในกับหอเกิดดับมีหน้าที่ทําอะไร อย่างแรกนั้นเป็นการจัดการเรื่องราวภายในของคุกหมื่นพันธนาการ สําหรับหอเกิดดับนั้นเป็นสถานที่สําหรับประหารชีวิตนักโทษ และสั่งสมกลิ่นอายแห่งความตายรวมถึงปราณมรณะเอาไว้

“หอชําระบาปหรือที่มักเรียกกันว่าหอลงทัณฑ์นั้น มีหน้าที่กําหนดโทษทัณฑ์ของนักโทษที่ถูกคุมขัง แน่นอนว่าเว้นโทษประหารชีวิตไว้อย่างหนึ่ง เพราะหากเป็นโทษประหารจะถูกส่งเรื่องไปให้หอเกิดดับดําเนินการ

ชายชรากล่าวถึงจุดนี้ มันก็หยุดลงชั่วคราว จากนั้นก็มองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวเตือนว่า “ต้วนหลิงเทียน พัศดีที่เป็นผู้ดูแลโถงกิจการภายในเรียกว่ามีสัมพันธ์อันดีกับพัศดีฉือ…ทว่าพัศดีของหอชําระบาปนั้นไม่ใช่ กระทั่งความสัมพันธ์ยังเรียกว่าไม้เบื่อไม้เมากับพัศดีฉือ หากเจ้าเจอมันก็ให้พยายามหลีกเลี่ยงมันเสีย เพราะข้าเกรงว่ามันอาจจะหาเรื่องเจ้าได้”

“เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้พัศดีฉือก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ หากยังมีพัศดีฉืออยู่ มันคงกริ่งเกรงนางจนไม่กล้าทําอะไรเจ้าอยู่บ้าง”

ชายชรากล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าก็แลดูจริงจังขึ้นหลายส่วน

“แล้วพัศดีคนที่ว่า มันแข็งแกร่งแค่ไหน?”

ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ พลางเอ่ยถามไปด้วยท่าทีเฉยๆ

“ใกล้เคียงจักรพรรดิอมตะสมญานาม”

ชายชรากล่าวตอบ

“ใกล้เคียงจักรพรรดิอมตะสมญานาม?”

ต้วนหลิงเทียนอึ้ง อาศัยตัวตนเช่นนี้แต่หาญกล้าเขม่นกับศิษย์พี่หญิงใหญ่เขาหรือ? 

เจ้านั่นสะกดคําว่าตายไม่เป็นหรืออย่างไร?

“อาวุโสเซี่ย แล้วท่านล่วงรู้ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงใหญ่ข้าหรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนเผลอถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ดูเหมือนว่าจักใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานามเช่นกันกระมัง?”

คําตอบของชายชรา ทําให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ถึงปัญหาที่แท้ดูเหมือนคนในคุกหมื่นพันธนาการจะไม่มีใครล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของศิษย์พี่หญิงใหญ่เขา! น่าจะไม่รู้เรื่องที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่เคยฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามมาก่อนด้วย

อย่างไรก็ตาม พอคิดดูอีกทีเขาก็เข้าใจได้ไม่ยาก

ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงใหญ่เป็นเช่นไร เขาในฐานะศิษย์น้องย่อมล่วงรู้ดีกว่าคนนอกแน่นอน

“ผู้อาวุโสเซี่ย จ้าวหอชําระบาปหรือพัศดีผู้นั้น….หากมันมาหาเรื่องข้า ถ้าข้าไม่คิดหลบหนีแต่เลือกที่จะตอบโต้ไปตามสถานการณ์เล่า จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่?

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม สองตายังทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง

“หืม?”

เห็นได้ชัดว่าชายชราเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าอยู่ๆต้วนหลิงเทียนจะเอ่ยถามเรื่องนี้ออกมา มันอดตกใจไม่ได้ ยังมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ “ต้วนหลิงเทียน เจ้าเจ้าแน่ใจหรือว่าจะสู้กับพัศดีได้ไหว?”

“เจ้าทราบหรือไม่ว่าความแข็งแกร่งของมัน ใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว…กระทั่งในวังเทียนฉือแห่งนี้ตัวตนที่อยู่ใต้จักรพรรดิอมตะสมญานาม ข้ามิเคยได้ยินว่ามีใครสามารถเอาชนะมันได้มาก่อน…อย่างดีก็ทําได้แค่เสมอกับมันเท่านั้น”

ชายชราเอ่ยเตือน

“อาวุโส ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง…หรือข้าทําได้แค่โดนมันรังแกฝ่ายเดียว?”

ต้วนหลิงเทียนหยีตาคลี่ยิ้มบางๆ

“หากมันหาเรื่องเจ้า แน่นอนว่าเจ้าสามารถตอบโต้มันได้ ทว่าต้องไม่ลืมว่าหากเจ้าสู้กับมันๆ ก็จักหาเรื่องยัดข้อหาให้เจ้าเพิ่มไปอีกถึงตอนนั้นแม้มันจะไม่อาจฆ่าเจ้าได้ แต่มันก็สามารถพาเจ้าไปหอชําระบาปเพื่อทรมานกลั่นแกล้งเจ้าได้”

ชายชราส่ายหัวพลางกล่าว

“อ้อ…แล้วถ้ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าขึ้นมาล่ะ?”

ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาถามออกไปอีกครั้ง รอบนี้แววตายังฉายแววแหลมคมออกมา

“เอ่อ…จนถึงตอนนี้ในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเราก็ไม่เคยเกิดเรื่องที่เจ้าว่ามาก่อนอย่างไรก็ตาม ปกติแล้วหากมันไม่ใช่คู่มือของเจ้า มันต้องไม่กล้ามายั่วโมโหเจ้าเป็นธรรมชาติและถ้าเกิดมีเรื่องกระทบกระทั่งกันจริง ขอแค่เจ้าไม่ตีมันจนตาย ทางวังเทียนฉือก็ไม่โทษเจ้าหรอก”

ชายชรากล่าวออกมาอีกรอบ

“แค่นั่นแหละ”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “อาวุโสเซี่ย ถ้างั้นท่านพาพวกเราไปดูส่วนคุมขังกับหอเกิดดับเถอะ หอชําระบาปไม่ต้องไปก็ได้”

สําหรับต้วนหลิงเทียน อันที่จริงไม่ใช่แค่หอชําระบาป กระทั่งหอเกิดดับก็ไม่สําคัญเท่ากับพื้นที่ๆใช้คุมขังนักโทษ

ไฉนเขากับฮ่วนเอ๋อถึงมาเข้าร่วมวังเทียนฉือ?

ไม่ใช่เพราะเพื่อช่วยบิดากับมารดาฮ่วนเอ๋อหรือไร?

ตอนนี้เรื่องที่เขายืนยันได้แล้วก็คือ…บิดาของฮ่วนเอ๋อถูกขังอยู่ที่คุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้แน่นอน แต่กับมารดาของฮ่วนเอ๋อนั้น เขายังไม่มั่นใจเต็มสิบส่วน

ถึงแม้ว่าฮ่วนเอ๋อจะมีลูกแก้ววิญญาณของมารดาอยู่ในมือ แต่เนื่องจากมารดาของฮ่วนเอ๋อไม่น่าจะมีลูกแก้ววิญญาณของฮ่วนเอ๋ออยู่ในมือ เช่นนั้นไม่ว่าฮ่วนเอ๋อจะส่งข้อความไปมากเท่าไหร่ มารดาของนางก็ไม่อาจตอบกลับมาได้…

แน่นอนว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับว่า ที่แท้มารดาของฮ่วนเอ๋อได้รับข้อความรึเปล่า!

“อาวุโสเซี่ยแล้วในพื้นที่คุมขังนักโทษของคุกหมื่นพันธนาการ นักโทษสามารถใช้การส่งข้อความผ่านลูกแก้ววิญญาณได้หรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม

“แน่นอนว่าไม่ได้”

ชายชราส่ายหัวไปมา “ภายในคุกหมื่นพันธนาการ มีอาคมจํากัดการส่งสัญญาณทางวิญญาณ…ไม่ต้องกล่าวถึงการติดต่อกับโลกภายนอกด้วยซ้ำ กระทั่งในพื้นที่คุกหมื่นพันธนาการเองยังไม่อาจใช้การติดต่อทางวิญญาณได้”

“การทําเช่นนี้ เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้คุมในคุกติดต่อสื่อสารกับคนนอกเพื่อวางแผนช่วยเหลือนักโทษหลบหนี” 

ชายชรากล่าวออกมารวดเดียวจบ

“ฮ่วนเอ๋อ ดูเหมือนก่อนหน้านี้มารดาของเจ้าจะไม่ได้รับข้อความที่เจ้าส่งมาเลย…”

หลังได้ยินคําพูดของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็หันไปส่งเสียงผ่านพลังถึงฮ่วนเอ๋อทันที

ก่อนหน้านี้ตอนเขากับฮ่วนเอ๋อพาคู่แฝดจูเก่อของนิกายกระบี่หมื่นหายนะกลับไปยังหลิงหลัวเทียนและไปหาความเผ่าจิ้งจอกน้ำแข็งถึงที่ ฮ่วนเอ๋อก็ได้รับลูกแก้ววิญญาณของมารดานางมาจากผู้นําตระกูลจางของเผ่าจิ้งจอกมายา

เขาเองก็รู้ ว่าฮ่วนเอ๋อมักใช้ลูกแก้ววิญญาณนั่นส่งข้อความถึงมารดาเสมอๆ ถึงแม้มารดาของนางจะไม่เคยตอบกลับมาก็ตามที

“แต่สิ่งนี้ยังบ่งบอกได้เรื่องหนึ่งมารดาของเจ้าสมควรถูกขังอยู่ที่นี่จริงๆ”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

“อาวุโสเซี่ย”

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองชายชราพลางถามออกมาอีกรอบว่า “ข้าเคยได้ยินศิษย์พี่คนหนึ่งบอกว่ามีคนของนิกายขุนเขากระบี่ฟ้าถูกวังเทียนฉือเราจับขังเอาไว้ด้วยหรือ? ดูเหมือนจะเป็นเพราะเรื่องการล้มงานแต่งหรืองานหมั้นอะไรสักอย่างนี้ล่ะ?”

“ที่เจ้ากําลังกล่าวถึง ไม่พ้นเป็นศิษย์อัจฉริยะของนิกายขุนเขากระบี่ฟ้ากระมังกล่าวไปแล้ว ก็น่าเสียดายแทนมันไม่น้อย”

ชายชราส่ายหัวพลางกล่าว “อัจฉริยะคนนั้นทั้งๆที่สามารถเป็นบุตรเขยจ้าววังเทียนฉือเราได้แล้วแท้ๆ เรียกว่าเสมือนหนึ่งก้าวถึงฟ้า ไม่ว่าผู้ใดก็อิจฉา! น่าเสียดายที่มันดันไปหลงรักสตรีด้านนอก สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกสตรีนางนั้นและล้มเลิกสัญญาวิวาห์กับบุตรีของท่านจ้าววังแทน….”

“ด้านขุนเขากระบี่ฟ้าถือว่ายังรู้จักรับผิดชอบ จึงจับตัวมันส่งมาให้ทางเราเสียก่อน..เห็นว่า ตอนนั้นท่านจ้าววังเองก็คิดจะไปหาความถึงจี้เมี่ยเทียนด้วยตัวเองแล้ว”

ชายชรากล่าว

“แล้วคนผู้นั้นยังถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเรารึเปล่า?”

ต้วนหลิงเทียนถาม

“ยังถูกขังอยู่”

ชายชราพยักหน้า “หากเจ้าสนใจชายผู้นั้น หลังพาเจ้าไปดูที่ทางถึงพื้นที่ส่วนนั้นแล้วข้าจักให้เจ้าได้พบเจอ..อย่างไรก็ตามชายคนนั้นก็เป็นชนชั้นศิษย์อัจฉริยะของขุมกําลังระดับสวรรค์คนหนึ่ง แม้จะถูกคุมขังแต่ก็ยังหมั่นบ่มเพาะฝึกฝนเสมอ พลังฝีมือยังใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม”

“ครั้งหนึ่ง จ้าวหอชําระบาปเคยมาประมือกับมันครั้งหนึ่ง แต่ชายผู้นั้นกลับไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย”

ชายชรากล่าวอย่งาทอดถอนใจ

“ไม่ธรรมดาจริงๆ! ข้าอยากเห็นนักว่าชายผู้นั้นเป็นคนเช่นไรกันแน่ กระทั่งบุตรของจ้าววังเทียนฉือเรายังสามารถปฏิเสธได้ลงคอ”

สองตาของต้วนหลิงเทียนทอแสงจ้าขึ้นมา ด้านฮ่วนเอ๋อเองก็ตาลุกวาวไม่น้อย…ในที่สุดนางก็จะได้พบกับบิดาบังเกิดเกล้าแล้วหรือ?

“จริงอาวุโสเซี่ย…”

ต้วนหลิงเทียนทําท่าราวับนึกอะไรได้ออก เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย “ว่าแต่ท่านรู้จักสตรีที่ชายผู้นั้นไปติดพันด้านนอกหรือไม่…ที่แท้นางเป็นสตรีเช่นใดกันแน่ ถึงทําให้ศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งของขุนเขากระบี่ฟ้าไม่เหลียวแลบุตรีของจ้าววังเราได้?”

“รู้สิ สตรีนางนั้นเองก็ถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเราเช่นกัน”

ชายชราพยักหน้า “อีกทั้งสตรีนางนั้นยังไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์อมตะ…หากข้าจําไม่ผิดเหมือนจะเป็นจิ้งจอกมายา”

“เพื่อเป็นการลงโทษทั้งคู่ ท่านจ้าววังของพวกเรายังให้ทั้งคู่ทําได้แค่มองหน้ากันผ่านลูกกรง แต่ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้…นอกจากนั้น ยังทรมานสตรีนางนั้นบ่อยครั้ง เป็นการทําร้ายจิตใจของศิษย์อัจฉริยะขุนเขากระบี่ฟ้า”

“ปกติแล้วสตรีนางนั้นจะสลบไสลไม่ได้สติเพราะหากนางตื่นขึ้นมาคราใด ก็ต้องพบกับการทรมานอีกครั้ง”

ชายชราถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน “พูดไปสตรีนางนี้ก็ช่างน่าเวทนาสงสารยิ่ง เพราะนางมิได้ทําผิดอันใดเลย เพียงแค่นางอยู่กับบุรุษที่นางไม่สมควรอยู่แท้ๆ จึงต้องมาทนทุกข์ทรมานเช่นนี้”

ได้ยินคําพูดของชายชรา สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่วนฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างๆนั้น ร่างบางสั่นเทิ้มไปอย่างไม่รู้ตัว กระทั่งสองตายังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

“หืม?”

ท่าทีของต้วนหลิงเทียนก็ทําให้ชายชราตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร จากนั้นมันก็หันไป มองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนแม่นางน้อยผู้นี้จักเป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องราวความรักอาภัพ..อย่างไรเสียสตรีนางนั้นก็นับว่าชะตาอาภัพจริงๆ”