แหล่งสถานคุนหลุน กำลังจะเปิดหลังจากนี้สิบวัน!

อาหูมาคราวนี้ก็ด้วยต้องการพาหลินสวินไปทำภารกิจด้วยกัน

หลินสวินรับปากทันที

ตั้งแต่ถล่มหุบเขาตะวันคล้อยไปครั้งก่อนถึงตอนนี้ก็ครึ่งปีแล้ว ครึ่งปีมานี้เขาเก็บตัวอยู่ที่ทะเลหมากดารา ขัดเกลามรรควิถี พลังมหาอริยะขั้นต้นเคี่ยวกรำจนมั่นคงหาใดเปรียบนานแล้ว

ทั้งการหยั่งรู้ผ่านดรรชนีมหาอุดมสลายมายา ก็ทำให้หลินสวินจับความมหัศจรรย์เสี้ยวหนึ่งของมหามรรคแห่งห้วงอากาศว่างเปล่าได้ด้วย ภายหน้าขอแค่ศึกษาและหยั่งรู้ไปช้าๆ ก็จะยึดกุมพลังใหม่ที่มีเพียงมหาอริยะที่ควบคุมได้แล้ว

เพียงแต่เจ้าคางคก อาหลู่ เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน เจ้านกดำ ที่เดิมคิดฉวยโอกาสทะลวงระดับมกุฎมหาอริยะให้ได้ก่อนแหล่งสถานคุนหลุนจะเปิดออกต่างไม่อาจสมปรารถนา

ใช่ว่าไม่พยายาม หากแต่การเสาะหาอริยมรรค ปรารถนาทะลวงปราณขึ้นไป นอกจากขยันฝึกปราณแล้ว ยังต้องมีวาสนาด้วย

ตอนนี้สิ่งที่พวกเจ้าคางคกขาดก็คือวาสนาในการทะลวงปราณ

จากคำพูดของอาหู รอเมื่อเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว พวกเจ้าคางคกมีโอกาสมากมายที่จะไปช่วงชิงวาสนาทะลวงปราณ

ด้วยแหล่งสถานคุนหลุน เดิมทีก็มีศุภโชคชั้นยอดมากมายที่ยากจะจินตนาการได้อยู่แล้ว!

ทว่าก่อนจะบรรลุระดับมกุฎมหาอริยะ ถ้าพวกเจ้าคางคกอยากเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุน อาจจะเจออันตรายที่คาดไม่ถึงได้โดยง่าย

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ หลินสวินจึงตัดสินใจให้พวกเจ้าคางคกทั้งหมดอยู่ในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดโดยไม่ลังเล

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อให้เข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนแล้วเจออันตราย ก็ให้เขาต้านไว้คนเดียวก็พอ

“ผู้อาวุโส…”

เมื่อรู้ว่าหลินสวินใกล้จากไป ซูไป๋ก็อาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง

ผ่านการฝึกปราณมาหลายเดือน เด็กหนุ่มรองเท้าฟางคนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางเข้มแข็งองอาจ ดวงตาส่องประกายดูหลักแหลม

“ข้าช่วยเตรียมวิชาและโอสถเทพบางส่วนในการฟื้นฟูพลังพรสวรรค์ไว้ให้เจ้าแล้ว แต่จะสำเร็จหรือไม่ล้วนอยู่ที่การขัดเกลาของตัวเจ้าเอง”

หลินสวินมอบถุงเก็บของใบหนึ่งให้ซูไป๋ คิดไปคิดมาก็กล่าวเสริม “ภายหน้าหากออกไปฝึกประสบการณ์ ต้องยืนหยัดเจตนารมณ์ ยามต้องสู้ก็สู้ ยามต้องถอยก็ถอย ว่ากันตามจริงคือเจ้าต้องพึ่งพาตัวเองไปแก้ไขปัญหาที่เจอบนหนทางฝึกปราณ”

ซูไป๋พยักหน้ารับคำ จดจำขึ้นใจ

หลินสวินตบบ่าที่ผอมบางนั้นของเด็กหนุ่ม ไม่พูดอะไรมากอีกก็หันหลังจากไป

วันนี้หลินสวินและอาหูออกจากทะเลหมากดาราไปพร้อมกัน มุ่งหน้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน!

เด็กหนุ่มรองเท้าฟางที่มองส่งพวกเขาจากไปจมสู่ภวังค์ไปครู่ใหญ่ ในใจกลัดกลุ้ม ดื่มยอดเมรัยเป็นครั้งแรกของชีวิต

รสชาติร้อนแรงที่เหมือนมีดเฉือน บาดลึกจนเด็กหนุ่มใบหน้าแดงก่ำ น้ำตาแทบไหลออกมา

หลังจากสูดลมหายใจกระชั้นถี่ ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์นั้นของเด็กหนุ่มก็ฉายแววเด็ดเดี่ยว

“ผู้อาวุโส… เมื่อเจอกันครั้งหน้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”

สำหรับดินแดนรกร้างโบราณ การจากไปของหลินสวิน พูดได้ว่าเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงและไม่มีใครรู้

แต่ชายฝั่งทะเลหมากดารา ทุกช่วงเวลายังคงดึงดูดผู้ฝึกปราณมากมายมาชื่นชมและพบอริยะเหมือนเดิม

โลกชั้นล่าง จักรวรรดิจื่อเย่า

เรือนโอบดารานิทราบุหลัน เฒ่าโดดเดี่ยวที่ปากกำลังคาบปล้องยาสูบทอดสายตามองไปบนเวิ้งฟ้า คิดคำนวณเงียบๆ ครู่ใหญ่ก็หัวเราะออกมาทันใด

“แหล่งสถานคุนหลุน… สถานที่อัศจรรย์ซึ่งเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานแห่งนี้ ในที่สุดก็จะปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้งแล้ว…”

ข้างๆ ในดวงตากระจ่างบริสุทธิ์ที่เหมือนเด็กทารกนั้นของราชครูแห่งหอดูดาวหลวงระบายยิ้มเสี้ยวหนึ่ง กล่าวเนิบช้า

“นับแต่โบราณมา สถานที่นั้นเคยให้กำเนิด ‘บรรพจารย์มรรค’ ไม่น้อย และถูกมองเป็น ‘หอบรรพจารย์มหามรรค’ ด้วย”

“ทุกครั้งที่แหล่งสถานคุนหลุนเปิดออก ก็หมายความว่าศุภโชคชั้นยอดอย่างหนึ่งใกล้จะปรากฏ แต่ศุภโชคที่เกี่ยวข้องกับการบรรลุจักรพรรดิเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ใครต่างสามารถครอบครองได้”

พูดจบในหัวของราชครูก็ปรากฏเงาร่างของหลินสวิน เจ้าหนุ่มนี่… ตอนนี้น่าจะกำลังเดินทางไปที่แหล่งสถานคุนหลุนแล้วกระมัง

เฒ่าโดดเดี่ยวเผยสีหน้าสับสน ถอนใจกล่าว “แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซุ่มซ่อนหมื่นกระแสทั่วหล้า ภายในมีสามพันเก้าร้อยแดน หนึ่งแดนหนึ่งกฎกรรม แดนผีสิงเช่นนี้ฝังร่างบุคคลระดับจักรพรรดิที่โลภมากไม่กลัวตายไปไม่รู้เท่าไร ทั้งถูกเรียกว่า ‘แดนมหามรรคเสื่อมโทรม’ ด้วย”

“แหล่งสถานคุนหลุน หอบรรพจารย์มหามรรค เคราะห์ร้ายและศุภโชคร่วมเคียง ทุกครั้งที่เปิดออกจะดึงดูดเหล่ายอดฝีมือทั่วฟ้าดาราให้มุ่งหน้าไป แต่ผู้รอดชีวิตไร้หนึ่งในพัน เป็นแดนสมบัติอวมงคลที่สมชื่อคู่ควร ภายในมีกฎกรรมมากเกินไป สมเป็นปริศนาแห่งหอบรรพจารย์มหามรรค”

“แหล่งสถานศุภโชค มีเพียงระดับจักรพรรดิที่เข้าไปได้ แต่ก็เคยปรากฏในสมัยดึกดำบรรพ์แค่ครั้งเดียว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีก ได้ยินว่าสถานที่นั้นครึ่งหนึ่งเป็นหยินครึ่งหนึ่งเป็นหยาง หยินหยางร่วมเคียง ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง”

“แต่หากจะพูดถึงสถานที่ซึ่งลึกลับที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นแหล่งสถานอัศจรรย์ บนทางเดินโบราณฟ้าดารามีแค่ตำนานของโบราณสถานนี้เท่านั้น ทั้งยังคลุมเครือหาใดเปรียบ ส่วนจะมีอยู่จริงหรือไม่ ต่อให้เป็นบรรพจารย์มรรคก็ไม่กล้าถือดีตัดสิน”

“จตุโบราณสถานนี้ซ่อนความลับแห่งต้นกำเนิดของทั่วหล้าไว้ สิ่งที่น่าเสียดายคือ นับแต่โบราณมายังไม่มีสักคนที่ได้ไปเยือนจตุโบราณสถานนี้จนครบ ช่างน่าเสียดายจริงๆ”

เฒ่าโดดเดี่ยวคาบปล้องยาสูบ ใบหน้าอบอวลด้วยกลุ่มควัน จิตใจดูห่อเหี่ยวอยู่บ้าง

ราชครูแห่งหอดูดาวหลวงกล่าว “ว่าไปแล้วเจ้าหนูหลินสวินนี่ก็น่าสนใจ เมื่อเยาว์วัยก็เคยเข้าไปใน ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ ของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ครั้งนี้ก็ต้องไปเยือนแหล่งสถานคุนหลุนแน่ ก็ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าเขาจะมีโอกาสไปแหล่งสถานศุภโชคและแหล่งสถานอัศจรรย์ดูหรือไม่”

เฒ่าโดดเดี่ยวเยาะหยัน “อย่าประเมินเจ้าหนุ่มนี่สูงเกินไป บนทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่เคยขาดปีศาจที่เหมือนเขา ข้าถึงขั้นแคลงใจว่าการไปแหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้ เขาจะไปต่อกรกับเหล่าปีศาจพวกนั้นอย่างไร”

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องกลุ้มใจแล้ว”

ราชครูกล่าว “เพียงแต่… เจ้าหนุ่มนี่ไม่เคยทำให้คนผิดหวัง”

เฒ่าโดดเดี่ยวไม่รับคำ คาบปล้องยาสูบเงียบๆ

ยานขนส่งอวกาศท่องเหินอยู่กลางฟ้าดินในห้วงอากาศกว้างใหญ่ ความเร็วเหมือนเคลื่อนย้ายในพริบตา ทำให้ภาพโดยรอบต่างบิดเบี้ยวปะปนกันขึ้นมา

บนยานสำเภา อาหูกำลังพูดคุยกับหลินสวิน

“นับแต่โบราณมา ในแต่ละช่วงเวลาแหล่งสถานคุนหลุนจะเปิดออกครั้งหนึ่ง แต่สถานที่ซึ่งผู้ฝึกปราณเข้าไปสำรวจได้เป็นแค่พื้นที่รอบนอกเท่านั้น”

“แต่ทุกครั้งที่มีการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน แหล่งสถานคุนหลุนจะเปิดออกอย่างสมบูรณ์ แดนใจกลางที่แท้จริงของมันก็จะปรากฏออกมา”

“ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน แต่มีจุดหนึ่งที่ข้าต้องเตือนพี่หลิน เจ้ากับข้าล้วนมีป้ายคำสั่งเซียนเหิน หลังจากเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว สามารถพึ่งพาป้ายคำสั่งเซียนเหินเลี่ยงสถานที่อันตรายหาใดเปรียบบางแห่งได้ และได้รับวาสนาที่คนอื่นไม่อาจได้รับ”

“แต่ก็ด้วยเหตุนี้ เมื่อเจ้ากับข้าปรากฏตัว คงถูกบุคคลร้ายกาจบนทางเดินโบราณฟ้าดาราพวกนั้นเพ่งเล็ง ลงมือแย่งชิงป้ายคำสั่งเซียนเหินในมือของเจ้ากับข้าไปเป็นแน่”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินเลิกคิ้วกล่าว “พวกที่อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารานั่นไม่มีป้ายคำสั่งเซียนเหินรึ”

อาหูพยักหน้า “นี่ก็คือประโยชน์ที่ได้จากการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน ต่อให้อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราก็ไม่มีโชควาสนาเช่นนี้”

“หลังจากการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อนปิดฉากลง ยามพวกต่างเผ่าต่างดินแดนบางส่วนถือป้ายคำสั่งเซียนเหินมุ่งหน้าไปที่แหล่งสถานคุนหลุนก็เคยเสียหายใหญ่หลวง ป้ายคำสั่งเซียนเหินของบางคนถูกชิงไปตรงๆ พูดได้ว่าเป็นบทเรียนราคาแพง”

หลินสวินพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจ

อาหูกล่าวแนะนำต่อ “เท่าที่ข้ารู้ ครั้งนี้บนทางเดินโบราณฟ้าดารามีผู้สืบทอดของขุมอำนาจใหญ่ชั้นยอดไม่น้อย ล้วนแต่มาเข้าร่วมภารกิจนี้ ไม่ขาดบุคคลร้ายกาจในขอบเขตมกุฎบางส่วนที่อยู่ใน ‘กระดานมหาอริยะฟ้าดารา’”

“เจ้าอย่าดูถูกกระดานมหาอริยะฟ้าดาราเชียว เหล่าขุมอำนาจที่อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารามากมายดั่งทะเลหมอก ผู้ฝึกปราณมีมากจนเหมือนหมู่ดาว แต่มหาอริยะที่ได้จัดอันดับอยู่บนกระดานนี้มีแค่หนึ่งหยิบมือเท่านั้น”

“คนพวกนี้ไม่มีใครไม่ใช่พวกน่ากลัวที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ ครอบครองแรงกำลังเหนือพิภพ มีบุตรเทพ ธิดาเทพแต่กำเนิด และมีพวกปีศาจที่พรสวรรค์เป็นเลิศ เกิดมามากความรู้”

“แน่นอนว่าพี่หลินไม่จำเป็นต้องดูถูกตัวเองเกินไป ด้วยรากฐานและพลังต่อสู้ของเจ้า ล้วนพอที่จะทัดเทียมกับบุคคลที่อยู่บนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราพวกนั้นได้นานแล้ว”

ได้ยินดังนี้หลินสวินก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ทางเดินโบราณฟ้าดารา!

นั่นเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ ไพศาลและศักดิ์สิทธิ์ระดับใดกันแน่ ถึงได้ให้กำเนิดเหล่ายอดฝีมือออกมามากมายเช่นนั้น

เปรียบเทียบกันแล้ว ดินแดนรกร้างโบราณนี้ดูไม่สามารถสร้างแรงคุกคามได้อยู่บ้างจริงๆ

ก็ไม่แปลกที่ตอนนั้นอ๋าวเจิ้นเทียนกับอิ๋นฮวนจะเชิญหลินสวินไปที่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ด้วยคิดว่าดินแดนรกร้างโบราณไม่อาจเติมเต็มความต้องการในการฝึกปราณของหลินสวินได้แล้ว

เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานยามซย่าสิงเลี่ยบิดาของซย่าเสี่ยวฉงจากไป ก็เคยกล่าวคำพูดที่คล้ายกัน

“พี่หลิน หากเป็นไปดังคาด ภายในสามวันพวกเราจะไปถึง ‘แม่น้ำเซียนเหิน’ ที่นั่นตั้งอยู่ในโลกลี้ลับแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกันที่นั่นก็เป็นหนึ่งในทางเข้าแหล่งสถานคุนหลุนด้วย”

อาหูกล่าว “ผู้แข็งแกร่งที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ขอแค่เป็นพวกที่อยากเข้าไปในแหล่งสถานคุนหลุนล้วนต้องผ่านแม่น้ำเซียนเหินไปทั้งสิ้น ถึงจะเข้าไปในนั้นได้”

“นอกจากนี้ ในสถานที่พิเศษซึ่งรวมตัวจากโลกที่สลายไปบางแห่ง หากใช้ป้ายคำสั่งเซียนเหินก็จะสัมผัสเส้นทางมุ่งหน้าไปที่แหล่งสถานคุนหลุนได้ เพียงแต่สถานที่ซึ่งเส้นทางพวกนี้พาไป แม้จะตั้งอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่อาจเข้าไปในแดนใจกลางของแหล่งสถานคุนหลุนได้”

“เพื่อความปลอดภัย ครั้งนี้พวกเราก็จะทำเหมือนผู้แข็งแกร่งที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราพวกนั้น มุ่งหน้าไปที่แหล่งสถานคุนหลุนผ่านแม่น้ำเซียนเหิน”

หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน นอกจากตน อาหลู่ เจ้าคางคก เสี่ยวอิ๋น จ้าวจิ่งเซวียนแล้ว ในมือของพวกเซ่าเฮ่าและรั่วอู่ต่างก็มีป้ายคำสั่งเซียนเหินเช่นกัน

ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่

หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “แม่นางอาหู เจ้ารู้ไหมว่าแหล่งสถานคุนหลุนกว้างใหญ่แค่ไหนกันแน่”

อาหูอมยิ้ม “คำถามนี้ไม่ว่าใครในใต้หล้าก็ล้วนตอบไม่ได้ ด้วยตั้งแต่โบราณมายังไม่เคยมีคนประเมินได้ว่าแหล่งสถานคุนหลุนกว้างใหญ่แค่ไหนกันแน่”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

หลินสวินพยักหน้า

วันต่อมา

ยานขนส่งอวกาศพลันพุ่งเข้ามาในปราการโลกที่เหมือนแดนแรกกำเนิดแห่งหนึ่ง ภายใต้การควบคุมของอาหู ไม่นานก็จะท่องทะยานเข้าไปในห้วงอากาศที่ราวกับว่างเปล่าแล้ว

กระทั่งผ่านไปสองวัน เสียงกัมปนาทครั่นครืนระลอกหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกล

หลินสวินยืนอยู่บนหัวยาน สอดส่องสายตาไป ก็เห็นปลายทางของห้วงอากาศที่เปลี่ยวดายไร้ขอบเขตนั้นมีธารสวรรค์สายหนึ่งสาดส่องลงมา ยิ่งใหญ่ดุจทางดาราที่โน้มลงมาจากเก้าชั้นฟ้า!

กระแสน้ำหลากสีขาวโหมกระหน่ำทิ้งตัวลงมาสู่ความว่างเปล่าโดยรอบ กลายเป็นธารสายเล็กนับไม่ถ้วนไหลบ่า แผ่ขยายออกมากลางอากาศ

พาให้คนรู้สึกเหมือนแม่น้ำใหญ่สายหนึ่งพลิกตลบอยู่กลางอากาศ มาจากความว่างเปล่า หวนคืนสู่ความไร้สิ้นสุด กว้างใหญ่ไพศาล โอ่อ่ายิ่งใหญ่นัก

“นั่นก็คือแม่น้ำเซียนเหิน เล่าลือกันว่าต้นน้ำของมันมาจาก ‘น้ำพุศักดิ์สิทธิ์’ แห่งหนึ่งในแหล่งสถานคุนหลุน สายน้ำขุ่นใสหลอมรวมกันจึงไหลบ่าพลิกตลบกลางอากาศได้!”

ชายเสื้อของอาหูพลิ้วไหว นัยน์ตาคู่งามฉายแววอัศจรรย์

………………………