ตอนที่ 1780: สวนทางกับเฉินหลงอีกครั้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1780: สวนทางกับเฉินหลงอีกครั้ง

มันไม่ได้มีแค่ชาวบ้านของแคว้นตงอันเท่านั้น ยังมีอีกหลายคนที่มาจากสามสิบห้าเมืองของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนอีกด้วย มีแม้แต่พ่อค้า นักผจญภัยและคนมากมายจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ด้วยกระแสผู้คนจำนวนมากทำให้เมืองนี้วุ่นวายอย่างยิ่ง

ชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบเท่านั้นที่เดินผ่านฝูงชน เขาติดตามผู้คนเข้ามาในเมือง สวมเสื้อผ้าหรูหรา ขณะที่ทำตัวธรรมดา ๆ

ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษและความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในระดับปกติ เขาอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นแลกเปลี่ยน เขาเป็นคนที่สามารถพบเห็นได้เป็นจำนวนมากในแคว้นตงอัน

“หยุด ! เจ้าชื่ออะไร ? มาจากไหน ? ทำไมเจ้าถึงเข้ามาในเมืองหลัก ? ” เมื่อชายหนุ่มคนนั้นกำลังเข้าไปในเมือง ทหารยามก็หยุดเขาเหมือนกับทุกคนและถามคำถามทั่วไป

“ข้า หยางยู่เทียน ข้ามาจากแคว้นค้นกระบี่ ข้ามาที่เมืองหลักเพื่อที่จะตั้งรกราก” ชายหนุ่มป้องมือและยิ้มอย่างสบาย ๆ

ทหารยามที่หยุดหยางยู่เทียนเหลือบมองเขา เมื่อเห็นเสื้อคลุมที่หรูหราของเขา ทหารยามก็รับรู้ว่าเขาต้องมีเบื้องหลังอะไรมากบ้าง ดังนั้นทหารยามจึงไม่พยายามรั้งเขาไว้ทันที เขายิ้ม “รับสิ่งนี้ไป นี่คือจี้หยกในการระบุตัวตนของเจ้า เพียงแค่จ่ายเหรียญผลึกระดับต่ำ 100 เหรียญ เจ้าก็สามารถเข้าไปได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถมาอยู่ในเมือง จำไว้ว่าอย่าลืมพกจี้หยกของเจ้า หากเจ้าถูกทหารจับไปก็อย่ามาโทษข้าว่าข้าไม่ได้เตือนเจ้า”

หยางยู่เทียนจ่ายเหรียญผลึก 100 เหรียญเพื่อรับจี้หยก เขาจ่ายมันออกไปเพื่อจี้หยก เขาอดไม่ได้ที่ยิ้มออกมา แต่เมื่อเขาอ่านคำอธิบายด้านหลังจี้หยกแล้ว เขาก็พูดว่า “เหรียญผลึกระดับต่ำ 1 เหรียญต่อวันสำหรับคนต่างเมือง นั่นหมายความว่ามันจะมากกว่า 300 ต่อปี เมื่อจำนวนที่อยู่ในจี้หยกเหลือถึง 0 ทหารก็สามารถจับเจ้าได้ ดูเหมือนว่าทุกคนไม่อาจเข้ามาในเมืองได้ เพียงปีเดียวก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 300 ผลึกระดับต่ำและเจ้ายังไม่อาจบ่มเพาะกลางถนนภายในเมืองได้ ไม่เช่นนั้นทหารก็จะมาจับตัวเจ้าได้อีกเช่นกัน”

“แต่ด้วยการที่มีค่ายกลรวมพลังขนาดใหญ่ พลังงานดั้งเดิมที่นี่หนาแน่นกว่าที่โลกด้านนอกหลายเท่า มันจะต้องบ่มเพาะเร็วกว่าข้างนอกจริง ๆ ”

หยางยู่เทียนเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายขณะที่เขาบ่นกับตัวเอง

เห็นได้ชัดว่าเจี้ยนเฉินเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของเขา

เจี้ยนเฉินไม่รีบร้อนที่จะเผยพลังภายในเมืองแห่งนี้ เขาเข้ามาที่นี่เพื่อที่จะตรวจสถานการณ์แทน เขาและนางฟ้าเฮายู่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากสุสานของราชาเทพตวนมู่ ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ทำให้ขั้นเหนือเทพมากมายที่อยู่ที่นี่ไม่พอใจ เขากังวลอย่างมากว่าขั้นเหนือเทพจะรอให้เขาปรากฏตัวในเมืองขณะที่รออยู่ที่นี่

แม้ว่าเขาจะไม่กลัวขั้นเหนือเทพส่วนใหญ่ด้วยความแข็งแกร่งตอนนี้ของเขา แต่เขาก็กลัวที่จะถูกรุม ดังนั้นเขาจึงต้องระวัง

ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็ตัวแข็งเล็กน้อย เขาเงยหน้าบนท้องฟ้าและหน้าตาของเขาก็ขึงขัง เขาเก็บสัมผัสวิญญาณของเขาขณะที่เขาขยายมันอย่างระมัดระวัง

ทันใดนั้น ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไป เขาบินออกจากเมืองทันทีโดยไม่ลังเล

ในขณะเดียวกันมิติก็กระพริบเป็นจังหวะ ค่ายกลขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ก็ปล่อยพลังงานที่ทรงพลังออกมา มันล้อมรอบเมืองหลักทั้งเมือง

“อสนีบาต ! ” เจี้ยนเฉินใช้ผนึกด้วยมือของเขาและเขาก็กลายเป็นสายฟ้า เมื่อค่ายกลกำลังล้อมแคว้น เขาก็หนีออกไปไกลโดยไม่ถูกสัมผัสแม้แต่เส้นผมและหลีกเลี่ยงกับดักได้

“เจ้ามาที่เมืองหลักแล้ว จ้าคิดว่าจะหนีไปไหนได้เช่นนั้นหรือ ? อยู่ที่นี่ซะ ! ” ปรมาจารย์เฉินหลงปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองขึ้นทันใด สีหน้าของเขาค่อยข้างแปลกใจ เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเขาไล่ตามเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วเต็มที่

ในเวลานี้ค่ายกลขนาดใหญ่ของปรมาจารย์เฉินหลงที่ทำไว้ที่เมือง มันเป็นค่ายกลกับดักที่ทรงพลังอย่างมากเพื่อป้องกันไม่ให้ใครออกจากเมืองได้

มีการปรากฏตัวของขั้นเทพมากมายขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกันทั่วทั้งเมือง เมื่อค่ายกลล้อมเมืองเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าผู้คนเหล่านั้นจะมาจากตระกูลทรงพลังแค่ไหนหรือขั้นเทพจากที่อื่น พวกเขาต่างก็โกรธแค้นและพุ่งขึ้นไปบนฟ้าและโจมตีค่ายกลล้อมเมืองโดยตรง

“มันเป็นใคร ? ใครกล้าที่จะปิดเมืองหลัก….”

“เมืองหลักนี้เป็นหนึ่งในเมืองหลวงของ 36 เมืองของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน เจ้าไม่กล้วราชาเทพพิโรธ…”

บรรพชนจากตระกูลต่าง ๆ ก็ตะโกนออกมา ใบหน้าของพวกเขามืดหม่น

อย่างไรก็ตามปรมาจารย์เฉินหลงออกไปไกลแล้วและไม่ต้องการคลาดกับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างหนาวเหน็บห่างจากเมืองไป 1 กิโลเมตร ในขณะที่เขาจ้องมองปรมาจารย์เฉินหลงอย่างเย็นชา

เขาใช้เพียงอสนีบาตเพื่อหลบหนีก่อนหน้านี้ ท้ายที่สุดแล้วความชำนาญของปรมาจารย์เฉินหลงด้านค่ายกลนั้นยอดเยี่ยมจนแม้แต่ขั้นเหนือเทพยังต้องดิ้นรนเพื่อที่จะเอาชนะ เมื่อเขาติดอยู่ในค่ายกล เขาจะตกที่นั่งลำบากอย่างยิ่ง

“เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าไม่หนีต่อ ? ไปสิ ไปเลย” ปรมาจารย์เฉินหลงยิ้มขณะที่มองเจี้ยนเฉินพร้อมกับธงอาคมในมือที่เจี้ยนเฉินเคยเห็นวันนั้น ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกประหลาดใจอย่างลับ ๆ จากความแม่นยำความคาดการณ์ของวิญญาณที่อยู่ในกับดัก มันคาดว่าเจี้ยนเฉินจะต้องปรากฏตัวในเมืองหลัก

“ปรมาจารย์เฉินหลง เจ้าต้องการที่จะได้รับสิ่งที่อยู่ในสุสานของราชาเทพตวนมู่ ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่ปรมาจารย์เฉินหลงที่ยืนอยู่อย่างสง่างาม

ปรมาจารย์เฉินหลงหยุดยิ้มทันทีเมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น จิตสังหารที่เย็นชาปรากฏขึ้นในสายตาของเขาและกล่าวว่า “นั่นแค่เรื่องแรกเท่านั้น เจ้าทำลายแผนการของข้า ดังนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร ? ”

“เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถสังหารข้าด้วยตัวเองได้จริง ๆ แม้ว่าเขาจะเป็นขั้นเทพช่วงปลาย ? ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา

“เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถทำตามที่เจ้าต้องการเหมือนกับการปล่อยปราณกระบี่สองเส้นก่อนหน้านี้ได้ ? ” ปรมาจารย์เฉินหลงคำราม ขณะที่โบกมือและธงอาคมก็สร้างเป็นค่ายกลทันที ขณะที่มือของเขาทำท่าผนึก ธงอาคมก็รวมตัวกัน ในพริบตามันได้กลายเป็นงูหลามยักษ์อีกครั้ง

“หืม ? เด็กน้อย เจ้ามาที่นี่จริง ๆ ด้วย”

วิญญาณไม่ได้แปลกใจเลย เขามองไปที่เจี้ยนเฉินเพียงแว่บเดียวและพูดออกมาอย่างประหลาดใจ

แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็หันหัวขนาดใหญ่ไปทางปรมาจารย์เฉินหลงและพูดอย่างภูมิใจว่า “เฉินหลง ข้าบอกแล้วว่าเด็กคนนี้จะปรากฏตัวในแคว้นตงอัน ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าแล้วหรือยัง ? ข้าพูดถูกใช่หรือไม่ ? ”

ปรมาจารย์เฉินหลง “ดูเหมือนเจ้าจะเดาถูก ฟังนะ เจ้าต้องหยุดเขาไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม”

อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินก็เต็มไปด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของวิญญาณ

“วิญญาณรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไปเมืองหลัก ? ” เจี้ยนเฉินคิดอย่างไม่อยากจะเชื่อ