เหนือฟ้าด้านนอกคุกหมื่นพันธนาการ
“ในที่สุด วันที่เฝ้ารอก็มาถึง….
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างกลางหาว มองไปยังประตูคุกหมื่นพันธนาการบริเวณกึ่งกลางขุนเขาบนเกาะลอยมหึมาด้านหน้าไกลๆ สองตาเผยประกายเย็นชาวูบวาบ
แน่นอนว่าก่อนจะถึงวันนี้ เขาก็ได้เตรียมการไปไม่น้อย
ก็อย่างเช่นในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ บุคคลที่เขาไปเฟ้นหามาอย่างยากลําบาก จะใช้ลูกแก้ววิญญาณของฉือหล่าง และซุนชิง ทําการติดต่อไปหาทั้งคู่ด้วยเสียงที่เหมือนกันกับเขาทุกประการ
ถ้อยคําแรกที่เขาสั่งให้มันติดต่อไปถึงทั้งคู่ก็คือ พบช่องทางมิติเชื่อมต่อกับซากระ นาบเทพที่ล่มสลายแห่งหนึ่งโดยบังเอิญและเขาได้พยามปกปิดไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ไปบางส่วนแล้วแต่เขาทําคนเดียวไม่ไหวจําต้องหาคนช่วย
ถือหล่างนั้นไม่สงสัยในสิ่งที่เขาพูดแนอน และต้องเร่งรุดมาช่วยเขาปิดกั้นสถานที่เร็วไวเพราะสิ่งนี้อาจเป็นผลประโยชน์มหาศาลของวังเทียนฉือ!
สําหรับชุนชิงนั้น ไม่พ้นต้องเร่งรุดแจ้งให้ จักรพรรดิอมตะหอนฟ้า อาจารย์ของมันท ราบก่อนใดอื่นหลังจากนั้นก็ต้องเร่งรุดเดินทางไปตามสถานที่นัดหมายแน่นอน
และสถานที่นัดหมายดังกล่าว ต่อให้เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามอย่างฉือหล่าง และจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าก็จําต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับ 10 วัน
กว่าที่ทั้งคู่จะพบว่าเป็นเขาแต่งเรื่องทั้งหมดและย้อนกลับมายังวังเทียนฉือ เขาก็คงช่วยบิดามารดาฮ่วนเอ้อออกไปได้สําเร็จแล้ว
ครู ศิษย์พี่ซุนชิงถึงข้าจะไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ก็เป็นข้าที่หลอกลวงพวกท่าน…วันหน้าหากมีโอกาสข้าต้องกลับมาขอขมาต่อพวกท่าน ทั้งยังชดเชยให้พวกท่านอย่างดี
หลังถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็เห็นร่างไปยังประตูคุกหมื่นพันธนาการทันทีและตราบใดที่เขาเข้าสู่คุกหมื่นพันธนาการ ก็เสมือนเขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ไม่อาจติดต่อหรือรับข้อความใดๆได้ทั้งสิ้น
ดังนั้นก่อนจะเข้าสู่ประตูคุกหมื่นพันธนาการ ต้วนหลิงเทียนก็จําต้องส่งข้อความไปนัดแนะเรื่องราวอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ผู้อาวุโสเมิงชวน ตอนนี้ข้ากําลังจะเข้าไปในคุกหมื่นพันธนาการแล้ว หลังข้าช่วยคนออกมาได้เมื่อไหร่ข้าจะรีบติดต่อกลับมาหาท่านโดยเร็วที่สุด…จากนั้นก็ต้องรบกวนท่านมาช่วยข้าด้วย”
ข้อความแรกที่ต้วนหลิงเทียนส่งไป ก็ส่งไปถึง เมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกกุ้งแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน
“ได้”
คําตอบกลับของเมิ่งชวน ก็สั้นๆห้วนๆแต่ได้ใจความ
“ตอนนี้ข้าประจําตําแหน่งแล้วหลังจากนี้อีกครึ่งชั่วยาม ให้เจ้าเลียนเสียงข้าและส่งข้อความที่ข้าเขียนไว้ให้ไปยังเจ้าของลูกแก้ววิญญาณทั้ง 2 ที่ข้าให้เจ้าไว้ทันที จําไว้อย่าให้มีอะไรผิดพลาดและหากทุกอย่างเรียบร้อย รางวัลพิเศษที่คุยกันไว้วันก่อน จะเป็นของเจ้า
หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ได้ส่งข้อความไปหาคนอีกคน ซึ่งเป็นคนที่เขาไปสืบเสาะหามาอย่างยากลําบาก เป็นผู้ที่มีความสามารถเลียนเสียงอย่างเป็นธรรมชาติและไม่ได้ใช้พลังปลอมแปลงใดๆ ทําให้สามารถปลอมเสียงส่งข้อความได้อย่างแนบเนียนโดยไม่ถูกอาคมใดๆตรวจพบ
แน่นอนว่าค่าจ้างที่เขาจ่ายไว้ล่วงหน้าเพื่อให้บุคคลผู้นั้นทํางานให้ ก็คือผลึกอมตะมหาศาลถึงขั้นทําให้อีกฝ่ายมือไม้สั่นขณะรับไปที่เดียว
“ขอใต้เท้าอย่าได้กังวล เรื่องนี้ไว้ใจข้าน้อยได้เลย…ต่อให้ข้าน้อยต้องตายกลายเป็นผี ข้าน้อยก็จักส่งข้อความให้ท่านให้จงได้!”
ได้ยินคํารับรองของอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็เห็นร่างไปยังประตูคุกหมื่นพันธนาการทันทีเมื่อมาถึงเพียงแสดงป้ายผู้คุมที่ได้รับมาวันนั้น เขาก็สามารถผ่านเข้าไปได้สะดวกและไม่นานก็มาถึง โถงกิจการภายใน เพื่อรับป้ายผ่านเข้าส่วนคุมขังนักโทษ
และในขณะเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนเข้ามาถึงส่วนคุมขังนักโทษของคุกหมื่นพันธนาการนั้น..
ภายในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากวังเทียนฉือมากนัก ชายหนุ่มในชุดสีเทาควันบุหรี่ที่พึ่งส่งข้อความไปรับประกันกับต้วนหลิเทียนมาหยกๆ หลังมันเดินออกจากเหลาอาหารมาด้วยความสําราญใจ ก็เดินไปยิ้มหน้าระรื่นไปพลางคิด “ไม่คิดเลยว่าความสามารถในการเลียนเสียงแต่กําเนิดของข้า ที่ถูกมองว่าเหลวไหลมาชั่วชีวิต วันนี้กลับทําให้ข้าได้รับผลึกอมตะมามากมายมหาศาลอย่างที่ไม่คิดฝันมาก่อน…แถมหากทํางานลุล่วงใต้เท้าผู้นั้นยังจะมอบอุปกรณ์อมตะจักรพรรดิที่ข้าทําได้แค่ฝันถึงอีก!!”
หรือวันหน้า ข้าจักประกอบวิชาชีพนี้ดี ท่าทางจักรุ่งไม่น้อย
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเทาควันบุหรี่ผู้นี้ หน้าตาไม่ได้หล่อเหลาอะไรแต่ดูแล้วสบายตา ไม่คล้ายมีพิษมีภัยอะไรต่อสิ่งมีชีวิตและตอนนี้มันก็กําลังอารมณ์ดีเพราะพึ่งจะมีเงินรับประทานอาหารทิพย์หรูหราเป็นครั้งแรก
“นั่นไง! สารเลวนั่นมันอยู่ตรงนั้น!”
“พี่ชาย ไอ้สวะนั่นล่ะ หลี่อวี้เจี๋ย!”
“บัดซบ ข้าจนรองเท้าสึกไม่พบพาน แต่ตอนจะเจอกลับไม่เหนื่อยแรงมารดามันไม่คิด เลยว่าสารเลวนี้จักซ่อนตัวอยู่ในเมืองเล็กๆแห่งนี้ได้!!”
เสียงดุร้ายที่ดังขึ้นจากด้านหลังนั้น ทําให้ชายหนุ่มชุดคลุมเทาควันบุหรี่หน้าซีดทันที เพราะ หลื่ออี้เจี้ย ก็คือชื่อที่มารดามันตั้งให้
“ฉิบหายแล้ว! พวกมันไฉนมาโผล่ที่เมืองเล็กๆแห่งนี้ได้เล่า!!”
หล่อเจียไม่จําเป็นต้องหันกลับไปมอง ก็เดาได้ทันทีว่าใครอยู่เบื้องหลังมัน พลังเซียน อมตะต้นกําเนิดปะทุออกทั่วร่างจากนั้นคนก็ห้อเหยียดไปด้วยความเร็วดั่งเงาพราย หลบหนีออกจากเมืองไปในชั่วพริบตา
อย่างไรก็ตาม
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
ความเร็วของหล่อเลี้ยไม่ได้เชื่องช้าเลย แต่ผู้ที่ไล่ล่ามันกลับเร็วกว่า และก็มีหลายคนที่พุ่งแซงไปหยุดขวางมันเอาไว้เบื้องหน้าได้ง่ายๆ
สําหรับคนอื่นที่ติดตามมาทีหลัง พอเห็นหลี่ออี้เจี้ยถูกดักเอาไว้แล้ว ก็ค่อยๆลดความเร็วลงและกระจายตัวกันปิดล้อมหล่อ เชี่ยเอาไว้ สองตาแต่ละคนมองจ้องหล่อ เจียอย่างดุร้าย
“สหายทั้งหลาย ข้ามี…”
ในขณะที่สีหน้าหลี่อวี้เจี๋ยเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก และคิดกําลังจะกล่าวคําใดบางอย่าง
“ฆ่า!!”
ผู้นํากลุ่มคนไล่ล่า อันเป็นชายวัยกลางคนหน้าเย็นก็ออกคําสั่งเสียงอํามหิต จากนั้นทุกคนที่ปิดล้อมหล่อเจี้ยก็ลงมือเข่นฆ่าอย่างพร้อมเพรียง สับร่างหล่อ เจี้ยจนแหลกเป็นชิ้นๆในพริบตาเดียว
หลังจากหล่อ เจียตกตาย แหวนพื้นที่ของมันก็ตกอยู่ในมือของชายวัยกลางคนผู้นํา ชายวัยกลางคนหยดเลือดผูกพันธะครองแหวนก่อนจะส่องภายในชมดูครู่หนึ่ง ค่อยพยักหน้าด้วยความโล่งใจ “ของที่มันเอาไปยังอยู่ครบ…”
ขณะเดียวกันชายวัยกลางคนก็นลูกแก้ววิญญาณนับโหลหรือกระทั่งมากกว่านั้นออกมาจากแหวนแล้วป่นทําลายที่ทันที ก่อนจะโยนเศษซากลูกแก้วทิ้งราวขยะ
ลูกแก้ววิญญาณเหล่านี้เป็นลูกแก้ววิญญาณของคนที่หล่อเลี้ยสามารถติดต่อได้ และทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์สําหรับมัน
และตอนนี้ลูกแก้ววิญญาณทุกลูก ไม่มียกเว้น ถูกขยี้แหลกเป็นผง!
ในบรรดาลูกแก้ววิญญาณที่ถูกทําลาย ยังมีลูกแก้ววิญญาณ 2 ลูกที่ต้วนหลิงเทียนมอบให้หล่อเจียเมื่อหลายวันก่อน และเป็นลูกแก้ววิญญาณของฉือหลาง กับซุนชิง
“ไป”
คนกลุ่มนี้เมื่อสังหารคนแล้ว พวกมันก็เห็นร่างจากไปราวสายลม
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่อาจทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เลย
คนที่เขาเสาะหามาอย่างลําบาก และตระเตรียมการเอาไว้อย่างดี คิดบทพูดรองรับทุกสถานการณ์เอาไว้ ไม่คิดว่าจะยังไม่ทันได้ส่งข้อความถึงฉือหล่างกับซุนชิงสักคํา เพื่อบรรลุจุดประสงค์ให้ถือหล่างกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าออกเดินทาง ก็ดันมาตกตายเสียก่อน
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้มาอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการเรียบร้อย ได้พบปะกับผู้ที่จะทําหน้าที่เป็นผู้คุมเหมือนเขาอีก 5 คน
ในบรรดาผู้คุมทั้ง 6 ที่มีหน้าที่ลาดตระเวนส่วนคุมขังตลอดทั้งปีหลังจากนี้ ก็มีศิษย์อัจฉริยะรวมถึงเขา 4 คน ส่วนอีก 2 คนก็คือผู้อาวุโสของคุกหมื่นพันธนาการ โดยผู้อาวุโสหนึ่งในนั้นต้วนหลิงเทียนก็คุ้นหน้า เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่พาเขากับฮ่วนเอ๋อเดินชมคุกหมื่นพันธนาการเพื่อแนะนาที่ทางอาวุโสเซีย!
“ต้วนหลิงเทียนไฉนเจ้ามาคนเดียวเล่า แม่นางน้อยฮ่วนเอ๋อไปไหนรึ?”
อาวุโสเซียพอเห็นต้วนหลิงเทียนมายังคุกหมื่นพันธนาการเพียงลําพังก็อดถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้เพราะเท่าที่มันเห็น สตรีชุดขาวนางนั้นค่อนข้างติดตัวนหลิงเทียนแจ ตลอดช่วงที่เดินชมคุกหมื่นพันธนาการตอนั้น นางแทบไม่ห่างต้วนหลิงเทียนเลย
“พอดีเมื่อไม่นานมานี้การบ่มเพาะของนางเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อใกล้ทะลวงด่านพลังนะ นางก็เลยไม่ได้มา”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ กล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงไร้เรื่องราว
อาวุโสเซียก็ไม่ได้สงสัยอะไร หลังพยักหน้ารับรู้ก็หันไปผายมือแนะนําให้ตัวนหลิงเทียนรู้จักผับผู้คุมอีก 4 คนที่เหลือ “ต้วนหลิงเทียน ที่คือผู้อาวุโสหง”
“เฒ่าหง นี่ก็คือต้วนหลิงเทียน ศิษย์อัจฉริยะที่พึ่งโด่งดังชื่อกระฉ่อนไปทั่ววังเทียนฉือเราเมื่อไม่นานมานี้คนนั้น”
หลังจากนั้นอาวุโสเซียก็นต้วนหลิงเทียนให้ชายชรารู้จัก
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับอาวุโสทักทายกัน 1 ใน 4 ศิษย์อัจฉริยะที่ยืนรออยู่ข้างๆ ก็มองต้วนหลิงเทียนพลางขมวดคิ้วยู่ย่น “ศิษย์น้องหญิงฮ่วนเอ๋อไม่ได้มาด้วยหรือ?”
ศิษย์อัจฉริยะคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันก็คือศิษย์คนที่สองของจักรพรรดิอมตะไว้ใจเหลยอิงกระทั่งยังเป็นบุตรชายคนเดียวของนาง เหลยจวิ้น!
ด้านต้วนหลิงเทียนเอง ตอนที่เห็นเหลยจวิ้นเมื่อครู่เขาก็แปลกใจอยู่บ้าง เพราะเท่าที่เขารู้มากฏที่เหลยจริ้นเข้าใจมันไม่ใช่กฏแห่งความตาย
อย่างไรก็ตามพอเห็นเหลยจนขมวดคิ้ว กล่าวพึมพําเรื่องฮ่วนเอ๋อไม่ได้มา ก็ไม่ยากที่เขาจะเดาได้ว่าเหลยจนมันถ่อมาที่นี่เพราะเพื่ออยากเจอฮ่วนเอ๋ออย่างเดียว
สวรรค์มีทางไม่ยอมเดิน นรกไร้ประตูเจ้าดันทุรังมุดมาจริงๆ
ต้วนหลิงเทียนลอบหัวเราะในใจ ขณะเดียวกันเขาก็กําลังคิดอยู่ว่าจะทําอย่างไรให้เหลยจขึ้นจับคู่กับเขาดีจากนั้นก็จะได้พามันไปยังชั้น 3 ด้วยกัน
ถึงตอนนั้นหลังปล่อยนักโทษทั้ง 6 ที่ถูกคุมขังแล้ว เขาก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่าเหลยจริ้นทิ้งทันที!
เพราะสุดท้ายแล้วหลังจากเขาปล่อยคน คุกหมื่นพันธนาการก็จะตกอยู่ในความโกลาหลการฆ่าเหลยจวิ้นในสถานการณ์วุ่นวายทิ้งไปสักคน ย่อมไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นฝีมือเขา
อย่างไรก็ตาม จินตนาการสวยหรู แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้ายเหลือเกิน
แม้วนหลิงเทียนจะกล่าวทีเล่นทีจริงว่าอยากจับคู่กับเหลยจวิ้น แต่เหลยจวิ้นก็เลือกที่จะ ปฏิเสธเร็วไว แน่นอนว่ายังไม่พูดฉีกหน้าต้วนหลิงเทียน เพียงให้เหตุผลในการปฏิเสธว่า “ข้าพึ่งมาเยือนคุกหมื่นพันธนาการครั้งนี้เป็นครั้งแรก และยังไม่ค่อยคุ้นเคยที่ทาง…เช่นนั้นให้ข้าติดตามดูงานกับผู้อาวุโสดีกว่า”
“ต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่เจ้าเองก็พึ่งมาครั้งแรกหรือไร? เช่นนั้นข้าว่าเจ้าจับคู่กับผู้อาวุโสก็ดีนะ”
หลังจากกล่าวปฏิเสธ เหลยจนยังกล่าวแนะนํา
“ต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นเจ้าไปกับข้าก็ได้”
ตอนนี้เองอาวุโสเซียก็ออกตัวกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
เมื่อเห็นเหลยจวิ้นยืนกรานจะไม่จับคู่กับเขา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจเข้าซื้อะไรได้ พอเห็นว่าอาวุโสเซียเสนอตัวจะอยู่กับเขา ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบไปมองศิษย์อัจฉริยยะอีก 2 คนปราดหนึ่งค่อยพยักหน้ารับในที่สุด
“อาวุโสเชี่ย”
ในขณะที่เห็นด้วยกับอาวุโสเซีย ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองทุกคนพลางเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าการแบ่งคู่ไปลาดตระเวนชั้นต่างๆพวกเราอาศัยหลักอะไรในการเลือกงั้นหรือ ใช่ตกลงกันเองหรือ ไม่?”
“พอดีเมื่อไม่นานมานี้จุดรอคอยของข้าก็เริ่มกรุยออก ส่อแววว่าใกล้ทะลวงด่านพลังได้แล้วเช่นนั้นข้าอยากได้รับการจัดให้ลาดตระเวนพื้นที่ๆไม่ต้องทําอะไรมาก หมายปิดด่านบ่มเพาะก่อนไม่ทราบทุกท่านสะดวกกันหรือไม่?”
ตัวนหลิงเทียนออกตัวกล่าวมาแบบนี้ ทุกๆคนก็เข้าใจความหมายได้ไม่ยาก จึงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากรับหน้าที่ลาดตระเวนชั้น 3 ก่อน
“ปกติแล้วทางโถงกิจการภายในจะเป็นผู้จัดให้”
อาวุโสเซียกล่าว “อย่างไรก็ตาม หากผู้คุมสามารถตกลงกันเองได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะจัดการกันเอง”
“ข้าไม่มีปัญหาอะไร ตราบใดที่ทั้ง 4 คนไม่มีผู้ใดโต้แย้ง พวกเราก็ขึ้นไปลาดตระเวนชั้น 3 ก่อนเป็นเวลา 4 เดือนเถอะ”
กล่าวถึงประโยคท้าย อาวุโสเซียก็กวาดตามองอีก 4 คนที่เหลือเชิงถาม
“ข้าไม่ขัดข้องอะไร”
อาวุโสหงก็เป็นคนแรกที่กล่าวออกมา เพราะไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ตอนนี้ตัวนหลิงเทียนเป็น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะแห่งวังเทียนฉือแถมยังเยาว์วัยอนาคตไร้จํากัด เอาแค่ตัวนหลิงเทียนเป็นศิษย์ น้องของ 1 ใน 3 พัสดีคุกหมื่นพันธนาการอย่างพัสดีคือ มันก็ไม่กล้าไม่ไว้หน้าต้วนหลิงเทียนแล้ว
สําหรับศิษย์อัจฉริยะอีก 2 คนก็ไม่มีใครคัดค้านอะไร
กระทั่งการเห็นด้วยกับคําขอของต้วนหลิงเทียน จะมากจะน้อยก็ต้องทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประทับใจ ไม่แนสุดท้ายอาจจะสานไมตรีจนกลายเป็นสหายกับศิษย์อัจฉริยะที่มีอนาคตไร้จํากัดเช่นนี้ได้พวกมันไหนเลยจะไม่เห็นด้วย
สําหรับเหลยจริ้นต่อให้ในใจมันชิงชังแสนเกลียดต้วนหลิงเทียนขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้เผยอาการให้เห็นบนสีหน้าเพียงปั้นยิ้มตอบรับอย่างเห็นด้วยทันที
เช่นนั้นเรื่องราวก็ได้ข้อสรุป
ต้วนหลิงเทียนกับอาวุโสเซียได้ขึ้นไปลาดตระเวนชั้น 3 เป็นคู่แรก
“พี่สาวสุ่ย”
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ในขณะที่เขากับผู้อาวุโสเซียและคนอื่นๆกําลังจะแยกย้ายกันไปยังคุกชั้น ต่างๆ ต้วนหลิงเทียนก็ติดต่อกับวารีเทพชําระโลกาในโลกใบเล็กทันที “ข้าพร้อมลงมือแล้ว”
“เมื่อขึ้นไปถึงชั้น 3 ข้าจะปลีกตัวไปหาโอกาสปล่อยจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ทันที”
หลังต้วนหลิงเทียนพูดจบ เสียงวารีเทพชําระโลกาก็ตอบกลับทันควัน “ หลังจากเจ้าขึ้นไปถึงสถานที่ปฏิบัติการณ์แล้วแจ้งข้าได้ทุกเมื่อถึงตอนนั้นข้าจะสอนวิธีทําลายค่ายยกลพันธนาการจํากัดพื้นที่คุมขังรวมถึงวิธีการต้านทานรับมือค่ายกลและอาคมสังหารทั้งหลายในจัตุรัสสิ้นสุดให้เจ้า…”
“แน่นอนว่าเจ้าอย่าได้พยายามทําลายมันด้วยตัวเองเด็ดขาด วิธีที่ข้าจะสอนนั้น ไม่ใช่อะไรที่ระดับพลังของเจ้าตอนนี้จะทําลายมันได้”
“กระทั่งให้เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 คนบนชั้น 3.แต่พวกมัน 2-3 คนก็จําต้องร่วมมือกันเพื่อทําลายพันธนาการที่ว่า”
วารีเทพชําระโลกากล่าว