ตอนที่ 3330

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3,330 : นักโทษแหกคุก!

 

“แย่แล้ว”

 

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ค่ายกลและข่าอาคมพันธนาการของชั้น 3 พังทลายลง อาวุโสเซียที่นั่งขัดสมาธิข้างต้วนหลิงเทียน ก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง

 

จากนั้นเมื่อเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า สองตามันก็ฉายแววหวาดผวาพรั่นกลัว

 

“ดะได้อย่างไร พวกมันจักออกมาได้อย่างไร!?”

 

เนื่องเพราะมันแลเห็นว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่ถูกขังอยู่ในชั้น 3 ของเรือนจําหลัง นี้ ได้พังทลายพันธนาการทั้งปวง และก้าวออกมาจากพื้นที่กักกันเดินมาจนห่างมันไม่ไกลแล้ว

 

ผู้ที่นำมายังเป็นชายหนุ่มในชุดขาวกระจ่างไร้รอยเปื้อนใดๆ

 

จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋

มันไม่เพียงแต่จะรู้จักเผยหยวนจี๋เท่านั้น แต่ยังจดจําชายคนนี้ได้แม่นยํา เพราะในบรรดานักโทษทั้งหมดที่ถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้ อีกฝ่ายเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถูกวังเทียนฉือของพวกมันจับด้วยตัวเอง แต่ต้องรบกวนจักรพรรดิสววรรค์แห่งอู๋หยาเทียนให้มาช่วยจับ!

 

กล่าวได้ว่า ที่จักรพรรดิอมตะสมญานามเบื้องหน้าถูกจับ..ก็เพราะจักรพรรดิสวรรค์ลงมือ!

 

“มัน มันก็หลุดออกมาได้?”

 

สีหน้าชายชราตอนนี้มืดดําปานถ่านไหม้ มันไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเผยหยวนจี๋จะทําลายพันธนาการได้ ต้องทราบด้วยว่าเผยหยวนจี๋ผู้นี้ กระทั่งจ้าววังเทียนฉือของมันยังเอาไม่อยู่ถึงขั้นต้องร้องขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิสวรรค์!

 

กระทั่งดูจากสถานการณ์วันนั้น เกรงว่าหาจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนไม่มา จ้าววังเทียนฉือของมันไม่พ้นต้องถูกเผยหยวนจี๋ผู้นี้ทุบตีจนเปลี้ย!

 

และจังหวะนี้ เมื่อมันต้องมาเผชิญหน้ากับเผยหยวนจี๋ที่เดินนําจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนมา ชายชราแซ่เซี่ยก็ได้แต่ตัวแข็งค้าง ไม่เหลือความคิดต่อต้านใดๆ สีหน้าเริ่มซีดลงราวกระดาษหาสีเลือดไม่เจอ

 

จังหวะนี้ แม้มันจะไม่อยากตายแค่ไหน แต่มันรู้ดีว่าต้องตายแน่!

 

“ไปกันเถอะ”

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชายชราแซ่เซี่ยคิดไม่ถึงก็คือ เผยหยวนจี๋กับคนอื่นๆไม่ได้คิดทําร้ายมัน เพียงมองทักทายคนข้างๆมันด้วยรอยยิ้มบางๆเท่านั้น

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

สีหน้าชายชราเปลี่ยนไปเป็นงุนงง จากนั้นก็หันมองไปข้างกายโดยไม่รู้ตัว จึงพบว่าศิษย์คนที่ 7 ของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจี ฉือหล่าง ยังเป็นศิษย์น้องเล็กของ 1 ใน 3 พัสดีในคุกหมื่นพันธนาการอย่างพัสดีคือ หลังจากที่ได้ยินคําชวนของเผยหยวนจี๋ก็พยักหน้าตอบรับออกมาหน้าตาเฉย “เอาล่ะ”

 

“เป็นฝีมือมัน?”

 

ลูกตาของชายชราแช่เซี่ยหดหยีลงเร็วไว หากตอนนี้มันยังไม่รู้ว่าที่ทั้งหมดสามารถทําลายพันธนาการและค่ายกลในชั้น 3 ได้เป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้ เกรงว่าชีวิตที่มันอยู่มาเนิ่นนานคงไร้ค่ากว่าชีวิตสุนัขแล้วจริงๆ

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาซับซ้อนที่มองมาของอาวุโสเซี่ย ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มพูดกับอีกฝ่ายเป็นเชิงแนะนํา “อาวุโสเซี่ย หลังจากนี้ท่านอยู่ที่นี่จะดีกว่า…”

 

“ข้างนอกมันตรายเกินไป…”

 

พอกล่าวจบต้วนหลิงเทียนและเผยหยวนจี๋ก็ก้าวอาดๆลงจากชั้น 3 ของเรือนจําหลังนี้ทันที จักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนก็ก้าวตามไปติดๆ

 

ถึงแม้ทั้ง 5 จะล้วนเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีชื่อเสียงพอตัว แต่บัดนี้ทุกคนกลับเดินตามหลังเผยหยวนจี๋ต้อยๆ แลดูเชื่องปานลูกเจี๊ยบติดตามแม่ไก่..

 

“บิ๊กๆๆ แซ่เซี่ย…เจ้าต้องขอบคุณเจ้าหนูหลิงเทียนผู้นั้น หากไม่ใช่เพราะเจ้าหนูหลิงเทียนบอก ให้พวกเราไว้ชีวิตเจ้าล่ะก็ป่านนี้เจ้าตายไปนานแล้ว!”

 

ชายชราร่างอ้วน จักรพรรดิอมตะอัสนีบาต ยามเดินผ่านอาวุโสเซี่ยมันก็ยกมือขึ้นมาตบไหล่อาวุโสเซี่ยเบาๆ พอกล่าวด้วยรอยยิ้มลี้ลับจบคํา มันก็เดินตามทุกคนไปทันที

 

พอเห็นต้วนหลิงเทียนกับทุกคนลงบันไดหายไปต่อหน้าต่อตาแล้ว อาวุโสเซียก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา “ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าเจ้าหนุ่มต้วนหลิงเทียนผู้นั้นกลับมีความสามารถถึงขนาดนี้”

 

จังหวะนี้ชายชราไม่เพียงไม่โกรธที่ถูกหลอก ยังรู้สึกชื่นชมในความสามารถและรู้สึกขอบคุณอีกด้วย

 

มันรู้ดีว่าจักรพรรดิอมตะอัสนีบาตไม่จําเป็นต้องโกหกมันแม้แต่น้อย ไม่พ้นต้องเป็นเพ ราะต้วนหลิงเทียนเอ่ยปาก มันถึงยังรอดชีวิตอยู่ได้

 

สําหรับเรื่องนี้ มันก็ได้แต่รู้สึกขอบคุณต้วนหลิงเทียนในใจเท่านั้น

 

สําหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนปล่อยทุกคนออกไป มันจะอยู่หรือไม่อยู่ที่นี่ผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างกัน

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่ได้หลอกใช้อะไรมันเลย

 

“นักโทษแหกคุกแบบนี้ ดูเหมือนว่าคุกหมื่นพันธนาการต้องปั่นป่วนครั้งใหญ่แน่แล้วเพื่อค วามปลอดภัย ข้าอยู่ที่นี่ให้เรื่องซาลงก่อนดีกว่า ค่อยออกไป…”

 

พอนึกถึงคําเตือนของต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า ชายชราแซ่เซี่ยก็เลือกจะนั่งขัดสมาธิและหลับตาบ่มเพาะพลังสืบต่อ ทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

แต่อันที่จริงแล้ว ตอนนี้มันเลิ่กลั่กจนไม่รู้จะทําอย่างไรแล้วจริงๆ

 

ใช้เวลาอยู่นานกว่ามันจะสงบสติอารมณ์ลงได้

 

ส่วนอีกด้าน

 

หลังต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋เดินนําลงมาจากชั้น 3 ไม่นานทุกคนก็มาถึงชั้น 2 ของเรือนจํา ที่มีตู้เสวียนกับเหลียนชิวถูกจับขังอยู่ และทั้งคู่ยังเป็นวัตถุประสงค์การกระทําทั้งหมดของเขา

 

“ต้วนหลิงเทียน!?”

 

“ท่านลงมาทําอะไรที่นี่เล่า?”

 

“แล้วชายผู้นี้เป็นใคร?”

 

ศิษย์อัจฉริยะทั้ง 2 คนที่รับหน้าที่ลาดตระเวนชั้น 2 ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงงอยู่บ้างเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋

 

ถึงแม้ว่าเผยหยวนจี๋จะเป็นนักโทษที่ถูกขังบนชั้น 3 ของเรือนจํา และพวกมันก็เคยไปลาดตระเวนชั้น 3 มาแล้วในปีก่อนๆ แต่เนื่องจากเผยหยวนจี๋ไม่ค่อยออกจากกระต๊อบ พวกมันจึงไม่รู้จักเผยหยวนจี๋

 

อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งคู่แลเห็นร่างอีก 5 คนที่ติดตามอยู่ด้านหลัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที คนยังสมือนตัวแข็ง ยืนนิ่งขาตาย

 

เผยหยวนจี๋ไม่ค่อยออกมา พวกมันจึงไม่รู้จัก

 

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนมักออกจากกระต๊อบมาอยู่ด้านนอก พวกมันจึงจดจําได้ทันที

 

“พะ..พวกมันไฉนออกมาได้เล่า!?”

 

“ค่ายกลกับข่ายอาคมพันธนาการบนชั้น 3 พังพินาศแล้วหรือ!?”

 

“เช่นนั้น…ชายหนุ่มชุดคลุมขาวที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน..หรือจะเป็นจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ที่เป็นดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหาง ไม่คิดจะออกจากกระต๊อบมาพบเจอผู้ ใดนั้น?”

 

“หะ..6 จักรพรรดิอมตะสมญานาม หลุดออกมาหมดแล้ว?”

 

สีหน้าศิษย์อัจฉริยะทั้ง 2 ซีดเป็นไก่ต้มทันที ตอนนี้ขาพวกมันสั่นระริก ตัวแข็งนิ่งค้างไม่อาจขยับไปไหนได้

 

ฟุบ!

 

ต้วนหลิงเทียนพลันลงมือออกทันที ร่างไหววูบดั่งเงาเลือนไปโผล่เบื้องหน้าทั้งคู่ก่อนจะหวดเตะออกไป 2 ที ทําให้ทั้งคู่ที่หวาดกลัวจนตัวแข็งถูกเตะปลิวกระเด็นออกไป แน่นอนว่าพวกมันก็ถือโอกาสนี้แกล้งสลบไปเลย

 

ครูต่อมาต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ก็มาถึงห้องขังเหลียนชิว

 

“หืม?”

 

เหลียนชิวที่ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงความเคลื่อนไหวผิดปกติจากการลงมือของต้วนหลิงเทียน ก็ลืมตาขึ้นโดยไม่ต้องให้ใครเรียก จากนั้นจึงพบว่าด้านนอกห้องขังของมันกลับมีร่าง 7 ร่าง ยืนอยู่เรียบร้อยแล้ว

 

และมันยังเห็นหนึ่งในคนคุ้นตา ชายหนุ่มที่ลูกสาวของมันชมชอบ

 

“พี่ใหญ่เผย”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวทักเผยหยวนจี๋ จากนั้นเผยหยวนจี๋ก็ใช้วิธีการที่ต้วนหลิงเทียนสอนเพื่อทําลายข่ายยอาคมพันธนาการในคุกของเหลียนชิวทันที ยังทําลายลูกกรงไปพร้อมๆกัน

 

“ขอบคุณใต้เท้า”

 

ในขณะที่เผยหยวนจี๋ลงมือ เหลียนชิวก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม มันก็รีบลุกขึ้นมาประสานมือกล่าวขอบคุณเผยหยวนจี๋ด้วยความเคารพทันที

 

“ผู้ชายที่ไม่แม้แต่จะปกป้องผู้หญิงของตัวเองได้ นับว่าไม่ใช่ตัวดีอันใด…”

 

หลังมองเขม่นเหลียนชิวตาขวาง เผยหยวนจี๋ก็เลิกสนใจหันไปทําลายห้องขังของตู้เสวียนทันที

 

ด้านเหลียนชิวที่ได้ยินเสียงตําหนิของเผยหยวนจี๋ก็ยืนเหวอไปด้วยความงุนงง จากนั้นเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้นในหูมันอย่างประจวบเหมาะ “อาวุโสเหลียนชิว พี่ใหญ่เผยผู้นี้ กับตู้เฟยที่เป็นป้าของอาวุโสตู้เสวียน เป็นคนรักกัน…ท่านกับผู้อาวุโสตู้เสวียนวันหลัง เรียกพี่ใหญ่ เผยว่าลุงก็ได้”

 

“ที่พี่ใหญ่เผยมาถูกจับขังไว้ที่นี่ ก็เพราะคิดจะบุกมาช่วยอาวุโสตู้เสวียน…”

 

พอเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียนดังจบคํา ลูกตาเหียนชิงก็หดเล็กลงเร็วไว “ชายคนนี้คือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ที่ถูกจักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียนจับตัวมาขังไว้ในคุกหมื่นพันธนาการหรือ?”

 

ในอดีตแม้เหลียนชิวจะเคยได้ยินเรื่องเผยหยวนจี๋มาบ้าง แต่ก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น

 

เมื่อ 200 กว่าปีก่อน มันได้ยินผู้คุมคุยกันอย่างออกรส ว่ามีตัวตนอันร้ายกาจคนหนึ่งถูกจับมาขังไว้ในคุกหมื่นพันธนาการ

 

และตัวตนอันร้ายกาจที่ว่าก็คือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋

“ใต้เท้าเผยหยวนจี๋ถูกจับขังเพราะคิดช่วยเสวียนเอ้อ? ใต้เท้านับเป็นลุงของเสวียนเอ้องั้นหรือ?

 

เหลียนชิวกลัวจนโง่งมแล้วจริงๆ

 

“เจ้ายังจะยืนโง่หาสวรรค์วิมานอันใดอยู่อีก? ไม่คิดช่วยสตรีของเจ้าแล้วหรือไร?”

 

จนเมื่อเสียงตําหนิดุๆของเผยหยวนจี๋ดังขึ้นอีกครั้ง เหลียนชิวจึงได้สติ และรีบแจ้นไปช่วยหญิงชราที่ถูกเผยหวนจีบอกให้ช่วยประคองจิ้งจอกมายาโชกเลือดออกมาทันที

 

หลังได้อุ้มจิ้งจอกมายาเอาไว้ดีแล้ว แววตาของเหลียนชิวก็เผยความตื่นเต้นยินดีออกมา

 

“คราวหน้าหากเจ้าต้องปล่อยให้นางต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกล่ะก็ข้าไม่มีวันอภัยให้เจ้าแน่!”

 

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับตู้เฟย เผยหยวนจี๋จึงรู้สึกผิดในใจนัก ตอนนี้หลานสาวของตู้เฟยยังมาตกอยู่ในสถานการณ์เพราะชายตรงหน้าคนเดียว สีหน้าเผยหยวนจี๋จึงไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่

 

“ขออาวุโสอย่าได้กังวล”

 

เหลียนชิวตอบรับพลางมองร่างจิ้งจอกมายาในอ้อมอก ก่าวด้วยน้ำเสียยงแน่วแน่ว่า “วันนี้ข้าจะปกป้องเสวียนเอ้อด้วยชีวิต…เว้นแต่ข้าตาย จะไม่มีใครแตะต้องนางได้อีก!”

 

“ทุกคนฟัง”

 

ตอนนี้เองเผยหยวนจี๋ก็หันไปกล่าวผสานพลังกับนักโทษทั้งหมดที่ถูกขังในชั้น 2 “ตอนนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าทุกคนออกมา พอพวกเจ้าทุกคนออกมาแล้ว…”

 

“หลังออกไปพ้นเขตคุกหมื่นพันธนาการ พวกเจ้าจะทําอะไรหรือจะไปไหนก็ไป แต่ก่อนจะออกจากคุกหมื่นพันธนาการให้ตามข้ามาดีๆ อย่าได้สร้างปัญหา!”

 

“ใครกล้าสร้างปัญหาข้าจะฆ่ามันให้ตาย!”

 

พอเสียงเผยหวนจ์ดังจบคํา ก็อุบัติแสงพลังสีเหลืองส่งอสว่างขึ้นเรืองรองใต้เท้า จากนั้นพลังดังกล่าวก็แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง ควบรวมเป็นเส้นสายนับหมื่นพันพุ่งไปทําลายพันธนาการคุมขัง ปลดปล่อยนักโทษทั้งหมดในเรือนจําชั้น 2 ทันที!

 

“ขอบคุณใต้เท้า”

 

ท่ามกลางเสียงขอบคุณจากนักโทษมากมาย ต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ก็เดินลงไปยังชั้นที่ 1 ของเรือนจําทันที

 

เนื่องเพราะแต่ละชั้นมีค่ายกลปิดกั้นเสียงเอาไว้ ถึงแม้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชั้นที่ 2 จะไม่ใช่เล็กน้อย แต่ผู้คุมที่อยู่ในชั้น 1 ก็ไม่อาจรับรู้อะไรได้เลย

 

ครูต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้พบเจอเหลยจวิ้น และผู้อาวุโสคุกหมื่นพันธนาการแซ่หงอีกครั้ง

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

เห็นต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวที่ชั้นหนึ่ง เหลยจวิ้นก็ขมวดคิ้วทันที

 

ส่วนชายยชราข้างเหลยจวิ้น พอสังเกตเห็นเผยหยวนจี๋ สีหน้าท่าทีมันก็อดเปลี่ยนไป ใหญ่หลวงไม่ได้ “ท่านไฉนท่าน…ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

 

ศิษย์อัจฉริยะทั้งคู่บนชั้น 2 อาจไม่เคยพบเจอเผยหยวนจี๋้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาวุโสของคุกหมื่นพันธนาการจะไม่รู้จักเผยหยวนจี๋ไปด้วย

 

ดุจเดียวกับอาวุโสเซียบนชั้น 3 อีกฝ่ายจําเผยหยวนจี๋ได้ตั้งแต่แรกเห็น!

 

“ผู้อาวุโส มันเป็นผู้ใดหรือ?”

 

เหลยจวิ้นเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋!”

 

ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นขม

 

“อะไร!?”

 

“จะจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี!?”

 

หลังได้ยินเสียงชายชรา หน้าเหลยจวิ้นก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง

 

มันได้ยินเรื่องราวจากปากจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง มารดาของมันมามากกว่าหนึ่งครั้งว่าจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋เป็นใคร! จึงรู้ว่าอีกฝ่ายคือจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ร้ายกาจถึงขั้น โหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือของพวกมันยังไม่ไหวจะสู้!!