เจียงเหิงอึ้งงันไป
การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเพิ่งจบลงยังไม่ถึงสองปี แต่หัวขโมยที่ปล้นเถาวัลย์หยกนภาค่ำในสมรภูมิเซียนเหินในตอนนั้น กลับก้าวสู่ระดับมกุฎมหาอริยะแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่หลูเป่ยกู้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่เช่นนี้ ทำให้เจียงเหิงเองยังเสียอาการอย่างสิ้นเชิง
เป็นไปได้อย่างไร
จีเฉียนขมวดคิ้วแน่น
เดิมทีเขามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถสังหารหลินสวินได้ ทว่าพอเห็นภาพที่หลูเป่ยกู้ถูกกำราบอย่างสิ้นเชิง เขาก็ตระหนักถึงความตึงมืออยู่บ้าง
เซวี่ยชิงอีขมขื่นเต็มปาก
เดิมคิดว่าพวกปีศาจแห่งยุคบนทางเดินโบราณฟ้าดาราเหล่านี้สามารถโจมตีหลินสวินจนถึงชีวิตได้ แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินที่อยู่ในระดับเดียวกับเขาในตอนนั้น จะก้าวสู่ระดับมกุฎมหาอริยะแล้ว
“ดินแดนรกร้างโบราณ… ปรากฏบุคคลที่สุดยอดมากคนหนึ่ง”
ฮว่าซิงหลีวิจารณ์ แฝงแววทอดถอนใจเสี้ยวหนึ่ง
นี่ทำให้ในใจเซวี่ยชิงอียิ่งไม่สบอารมณ์ ก่อนหน้านี้เขาแต่งเสริมเติมเรื่องเล่าความพฤติกรรมชั่วร้ายทั้งหมดของหลินสวินให้ฮว่าซิงหลีอย่างออกรส
ทว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าที่ได้รับกลับมาจะไม่ใช่การที่ฮว่าซิงหลีรู้สึกเป็นศัตรูร่วมกัน กลับเป็นการชื่นชมที่แฝงความประหลาดใจเล็กน้อย!
‘ไอสังหารของโยมท่านนี้รุนแรงมาก ที่ผ่านมาจะต้องฆ่าคนมาไม่น้อยแน่ ภิกษุอย่างข้าอย่าล่วงเกินจะดีกว่า…’
ในใจหลิงเคอจื่อแห่งอารามเก่าแก่ยอดทักษิณแอบพึมพำ เขาดูเหมือนทึ่มๆ ไร้เดียงสา ไม่มีพิษภัย ความจริงกลับเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่หายาก สามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นในแวบเดียว
อย่างเช่นตอนที่หลินสวินลงมือต่อสู้กับหลูเป่ยกู้ เขาก็มองเห็นภาพน่ากลัวที่ ‘ภูเขาศพทะเลเลือด ฟ้าถล่มดินทลาย’
นี่ทำให้เขาอดสูดหายใจหนาวเยือกไม่ได้
บรรยากาศในที่นั้นเงียบกริบ อารมณ์ของทุกคนต่างเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เห็นฝีมือของหลินสวินแล้ว ความคิดที่จะช่วงชิงป้ายคำสั่งเซียนเหินของคนไม่น้อยเลือนหายไป แต่ก็มีคนจำนวนมากยังคงตั้งมั่นอยากลองดู
“เหลือเวลาไม่มาก แหล่งสถานคุนหลุนกำลังจะเปิดออกแล้ว หากพวกเจ้าไม่พอใจก็รีบลงมือ การต่อสู้อย่างมดเขย่าต้นไม้เมื่อครู่นี้ไม่ได้ทำให้ข้าสะใจเลยนะ”
เสียงที่แฝงความแหบพร่าอันเป็นเอกลักษณ์ของถังซูดังขึ้นในที่นั้น สุมเชื้อไฟอีก ทั้งยังเปิดเผยเช่นนี้
ชิ้ง!
เสียงกระบี่ดังชัดเจน เหวยจื่อหยาก้าวออกมา เหนือศีรษะของเขามีกระบี่เหล็กเล่มหนึ่งลอยอยู่ เงากระบี่เป็นชั้นๆ แสดงหมื่นลักษณ์นรกเซินหลัว
แทบจะในเวลาเดียวกัน อากาศสั่นสะเทือน คุนจิ่วหลินเองก็ก้าวออกมา กลิ่นอายราวกับหินหนืดภูเขาไฟระเบิด น่ากลัวทรงพลัง
เห็นได้ชัดว่าชั่วขณะนี้ทั้งสองล้วนอยากลงมือ!
“ข้าเอง”
เหวยจื่อหยาสีหน้าเย็นชา ไอสังหารพุ่งทะลวง สะท้านฟ้าดิน
“เจ้าถอยไป”
คุนจิ่วหลินขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าเหวยจื่อหยากลับกล้าแย่งกันตน
“เหตุใดต้องลำบากเช่นนี้ ไม่สู้พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเป็นอย่างไร พูดตามจริง หากลงมือทีละคนพวเจ้าล้วนไม่ไหว”
ตอนนี้เองหลินสวินกลับก้าวออกมา พูดอย่างเรียบเฉย
ประโยคเดียวทำให้ทุกคนต่างสูดหายใจเฮือก
หลูเป่ยกู้พ่ายแพ้แล้ว เป็นเครื่องยืนยันความแข็งแกร่งของหลินสวินได้ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถดูถูกคนอื่นอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้ได้
โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ครั้งนี้คือเหวยจื่อหยาและคุนจิ่วหลิน
คนแรกคือศิษย์สืบทอดแท้จริงอันดับหนึ่งแห่งเขากระบี่ต้าหลัว ผู้ฝึกกระบี่แข็งแกร่งที่สังหารคู่ต่อสู้อย่างไร้กลัวเกรง พลังต่อสู้จัดอยู่ในอันดับสองร้อยเจ็ดสิบเก้าของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา
อีกคนคือผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ทายาทเลือดบริสุทธิ์แห่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลคุน ชื่อเสียงสะเทือนแดนดินฝั่งหนึ่ง จัดอยู่ในอันดับสองร้อยสี่สิบสี่ของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา
แม้แต่ในทางเดินโบราณฟ้าดารา คนรุ่นเดียวกันคนใดจะกล้าดูถูก
“เจ้าหมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!”
“ถึงอย่างไรก็มาจากดินแดนรกร้างโบราณ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง น่าขันและไม่รู้จักประมาณตน”
“เหอะๆ น่าสนใจ นานแล้วที่ไม่เคยเห็นคนที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้ หวังว่าพลังต่อสู้ของเขาจะเก่งเหมือนปาก ไม่เช่นนั้น… ไม่รับประกันชีวิตหรอกนะ”
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นในที่นั้นเป็นระลอกๆ
ท่าทีที่หลินสวินแสดงออกมาในตอนนี้ มีท่าทีดูถูกทุกสิ่ง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา นี่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ้าง
ทว่ามีเพียงอาหูที่รู้สึกเหมือนถูกเข้าใจผิดแทนหลินสวิน เพราะนางคิดว่าที่หลินสวินพูดเป็นเรื่องที่ปกติมาก เหตุใดต้องถูกมองว่าไม่เห็นคนอื่นในสายตา
ว่ากันถึงแก่น เป็นเพราะคนพวกนี้ในที่นี้ไม่รู้ว่ารากฐานพลังของหลินสวินแข็งแกร่งเพียงใดก็เท่านั้น
พรึ่บ!
สำหรับทั้งหมดนี้ หลินสวินเพียงสะบัดมือ ป้ายคำสั่งเซียนเหินพลันปรากฏในอากาศ
ในเวลาเดียวกันเสื้อผ้าของเขาพลิ้วไหว ดวงตาดำกวาดมองทั่วพื้นที่ “ป้ายคำสั่งอยู่นี่ ถ้าคิดว่าข้าผู้แซ่หลินเหิมเกริมก็เข้ามาได้เลย!”
เขากล่าวคำพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ อานุภาพรอบตัวเขาพลันเปลี่ยนไปโดยพลัน ประหนึ่งกลายเปลี่ยนเป็นหุบเหวใหญ่ว่างเปล่าไร้สิ้นสุด มีอำนาจกลืนกินฟ้าดิน
ชั่วขณะนี้หลินสวินราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ผมดำพลิ้วไหว ยืนตระหง่านอยู่ตรงฝั่งแม่น้ำเซียนเหิน ดุจเทพไท้มองเหล่าวีรชน
หลายคนลมหายใจสะดุด สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง ประหนึ่งตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง อานุภาพน่ากลัวยิ่งนัก!
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่เดิมหัวเราะเยาะเย้ยต่างหุบปากอย่างพร้อมเพรียง อกสั่นขวัญแขวน
ในสายตาพวกเขา หลินสวินเสมือนยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตขึ้นมากะทันหัน มอบความรู้สึกกดดันทั้งกายใจให้พวกเขาอย่างสมบูรณ์
“หืม?”
“ถึงกับทำให้ข้าสะท้อนภาพการต่อสู้ออกมาไม่ได้ นี่ไม่ใช่หมายความว่าเจ้าหมอนี่มีรากฐานพลังที่สามารถแข่งขันกับข้าได้หรอกหรือ”
“น่าสนใจ”
ชั่วขณะนี้พวกเหวินฉิงเสวี่ย ฮว่าซิงหลี เถาเจี้ยนสิง หลิงเคอจื่อ เยี่ยนฉุนจวินต่างรู้สึกถึงอานุภาพที่ปะทะเข้ามา ทำให้พลังขับเคลื่อนรอบตัวพวกเขาก็โคจรตามไปด้วย
ชั่วขณะเดียวสายตาที่พวกเขามองไปหลินสวินก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ราวกับมองเห็น ‘คนประเภทเดียวกัน’ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด ถึงขั้นยากจะเชื่อ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สถานที่อย่างดินแดนรกร้างโบราณถึงกับมีคนเช่นนี้
ชิ้ง!
ถังซูตรงไปตรงมาที่สุด พลิกมือกระชับดาบตัดสวรรค์ที่แคบยาวขาวสว่างออกมา สายตาที่อยู่ภายใต้ปีกหมวกเป็นประกาย กล่าวกระเหี้ยนกระหือรือ
“พี่ชาย เจ้าดึงดูดความสนใจของข้าได้สำเร็จแล้ว”
“อยากสู้หรือ”
หลินสวินยิ้มถาม เขาเอามือไพล่หลัง ท่าทางใจเย็น ไม่เห็นเหล่าผู้กล้าในที่นั้นอยู่ในสายตา
ไม่ใช่เพราะอวดดี และไม่ใช่ไม่รู้จักอดทน แต่เขาตระหนักได้แล้วว่า หากไม่วางอำนาจ รอเมื่อเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน จะต้องมีแมลงวันจำนวนนับไม่ถ้วนจับจ้องตนแน่
สู้ฉวยโอกาสนี้ตีพวกเขาให้เจ็บก่อน ตีจนหลาบจำแล้วก็จะเชื่องไปเอง!
“ใช่”
ถังซูพยักหน้า คำตอบเปิดเผย
“ต่อแถวก่อน”
หลินสวินชี้ไปที่เหวยจื่อหยาและคุนจิ่วหลินที่อยู่ไกลออกไป “ต่อหลังจากพวกเขาเลย แน่นอนว่าหากเจ้าอยากเข้ามาพร้อมกับพวกเขาก็ไม่เป็นไร”
ถังซูกลอกตาใส่ “ใครจะอยากลงมือพร้อมพวกเขากัน”
และจนถึงตอนนี้ ตอนที่เห็นอานุภาพแท้จริงที่หลินสวินเผยออกมา หลูเป่ยกู้ที่อยู่ไกลออกไปจึงได้สติจากเพลิงโกรธที่เดือดดาลจนแทบคลั่ง ตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าตนพ่ายแพ้อย่างไร้ข้อกังขา!
เจ้าหมอนี่ ชื่อเสียงอาจไม่โดดเด่น แต่เป็นคนที่เก่งกาจของจริง!
สีหน้าของเหวยจื่อหยาและคุนจิ่วหลินต่างอึมครึม การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายหลินสวินก็ทำให้พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันเช่นกัน
ทว่านี่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะปล่อยให้หลินสวินเหยียบย่ำศักดิ์ศรีได้ตามอำเภอใจเช่นนี้!
ต่อแถวหรือ…
นี่เห็นชัดว่าคิดว่าพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้ จะดูถูกกันเกินไปแล้ว!
เห็นอยู่ว่าการต่อสู้กำลังจะปะทุขึ้น แต่ก็ในตอนนี้เอง
วู้ม…
ห้วงอากาศเหนือแม่น้ำเซียนเหินพลันเกิดเสียงกึกก้องแปลกประหลาด ประตูลึกลับที่ราวกับว่างเปล่าบานหนึ่งปรากฏขึ้น
ทางเข้าแหล่งสถานคุนหลุนเปิดออก ณ ตอนนี้!
ทันใดนั้นทุกคนในที่นั้นต่างร่างสะท้าน ไม่สนใจอย่างอื่นอีก ล้วนเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลสักนิด
“ไป!”
“เวลาไม่คอยท่า วาสนาแดนหลอมสมบัติมีจำกัด ถึงก่อนได้ก่อน”
“รีบเคลื่อนไหว”
พร้อมกันเสียงตะโกนสารพัด ผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกันริมฝั่งแม่น้ำเซียนเหิน แต่ละคนต่างเคลื่อนผ่านห้วงอากาศเข้าไป
ราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์แน่นขนัดแถบหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า!
งดงามสะดุดตา โอ่อ่ายิ่งใหญ่นัก
“หึ! อย่าให้ข้าเจอเจ้าที่แหล่งสถานคุนหลุนเชียว”
เหวยจื่อหยาแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างขึ้งโกรธและทะยานอากาศไป
สถานการณ์ในตอนนี้ ต่อให้สู้กันก็จะกลายเป็นเสียประโยชน์มากกว่าได้ประโยชน์อย่างแน่นอน
“ได้ยินว่าคุนเซ่าอวี่น้องชายร่วมตระกูลที่ไม่เอาไหนของข้าถูกเจ้าฆ่า เจ้าหนีไม่รอดแน่”
เสียงของคุนจิ่วหลินเหี้ยมโหด พูดทิ้งท้ายเอาไว้ประโยคหนึ่งและทะลวงอากาศขึ้นไป
สุดท้ายหลินสวินยังอดทนเอาไว้ ไม่ได้ขวาง
เขาเพียงแค่วางอำนาจเท่านั้น ย่อมไม่อยากพลาดโอกาสเข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุนเพราะเรื่องนี้
‘แต่ก็เพียงพอแล้ว คนทั่วไปคงไม่กล้ามาวุ่นวายกับข้าอีกแล้ว…’
ดวงตาดำของหลินสวินวูบไหว หากได้เจอเหวยจื่อหยาและคุนจิ่วหลินในแหล่งสถานคุนหลุน เขาไม่เกี่ยงที่จะกำจัดอีกฝ่ายอย่างแน่นอน!
“ไปเถอะ”
อาหูเดินเข้ามา
ทั้งสองเคลื่อนไหวทันที
‘พี่ชาย เจ้าจะต้องระวังนะ พวกที่เจ้าเห็นอาจไม่สามารถทำให้เจ้ากลัว แต่ในที่มืดมีพวกร้ายกาจอย่างแท้จริงไม่น้อยที่เฝ้ามองการกระทำของเจ้าอยู่นานแล้ว’
จู่ๆ เสียงสื่อจิตของถังซูก็ดังขึ้นข้างหูหลินสวิน ‘มีป้ายคำสั่งเซียนเหินก็สามารถสลายเภทภัยไม่น้อยได้ เจ้าถูกคนจำนวนไม่น้อยจับจ้องแล้ว อืม เจ้าก็ขอพรให้ตัวเองให้มากเข้าเถอะ’
หลินสวินเงยหน้ามองไป พลันเห็นเงาร่างของถังซูเคลื่อนเข้าไปยังทางเข้าของแหล่งสถานคุนหลุนราวกับสายฟ้า
‘ความหมายของนางคือ ในที่มืดยังมีบุคคลที่เก่งกาจกว่าพวกเหวินฉิงเสวี่ย ฮว่าซิงหลีหรือ’
หลินสวินหรี่ตาลง ‘หากเป็นเช่นนี้ คนพวกนั้นจะใช่พวกที่มีชื่ออยู่บนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราหรือไม่’
ระหว่างที่ใคร่ควญ หลินสวินและอาหูก็เข้าไปในทางเข้าแหล่งสถานคุนหลุนพร้อมกันแล้ว
ฮูม…
เงาร่างของทั้งสองหายไปพร้อมกับคลื่นแปลกประหลาดระลอกหนึ่ง
ไม่นานเงาร่างที่อาบอยู่ในหมอกสีเทาร่างหนึ่งลอยมาจากไกลๆ
เป็นชายหนุ่มที่เบ้าตาลึก ผอมซูบราวกับท่อนไม้ ดวงตาทั้งคู่เป็นสีน้ำตาลที่ดูแปลกประหลาด ยามก้าวเดินหมอกหนาคละคลุ้ง ประหนึ่งเทพผีที่เดินออกจากนรกอย่างไรอย่างนั้น
เข้าเงยหน้าขึ้นมองไปยังตำแหน่งที่หลินสวินหายไป พร้อมพึมพำในใจ ‘แผนของกึ่งจักรพรรดิปาฉีถูกเจ้าหมอนี่ทำลาย กฎกรรมนี้ให้ข้าจัดการแก้ไขก็แล้วกัน’
ฟึ่บ!
ครู่ต่อมาเขากลายเป็นหมอกควันกลุ่มหนึ่ง พุ่งเข้าไปยังทางเข้าแหล่งสถานคุนหลุน
“ซาหลิวชิงแห่งสำนักโบราณจรัสเทพ… เขาก็มาด้วย…”
ทันใดนั้นห้วงอากาศกระเพื่อมไหว ภิกษุชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัว บนหน้าผากเกลี้ยงเกลามีรอยประทับดอกบัวสีดำดอกหนึ่ง
เขามองดูเงาร่างสีเทาที่หายไป ใคร่ครวญเล็กน้อยก็ก้าวขึ้นห้วงอากาศ ทุกย่างก้าวจะมีฐานบัวสีดำดอกหนึ่งปรากฏใต้ฝ่าเท้า
เสมือนให้กำเนิดดอกบัวทุกย่างก้าว!
ไม่นานก็มีเงาร่างคนแล้วคนเล่าทยอยปรากฏตัว…
แหล่งสถานคุนหลุน หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล!
ถูกมองว่าเป็นหอบรรพจารย์มหามรรค เกี่ยวข้องกับมหาศุภโชคชั้นยอดมากมาย และดึงดูดสายตาของทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา
คนที่มีคุณสมบัติเข้าไป ใครเล่าจะยอมพลาดวาสนานี้