เซียวฉางควนไม่ได้กลับมาทานข้าวเย็นที่บ้าน
เขาบอกว่า ไปทานอาหารค่ำด้วยกันกับหัวหน้าหลายคนของสมาคมการประดิษฐ์หนังสือและภาพ รวมถึงแกนนำหลายคนของมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุ
พอสามทุ่มกว่า เซียวฉางควนถึงโทรหาเย่เฉิน
ตอนเซียวฉางควนโทรมา เย่เฉินกำลังดูทีวีในห้องนั่งเล่นเป็นเพื่อนเมีย
หม่าหลันซึ่งเป็นแม่ยายแปะมาส์กต่อต้านริ้วรอย La Prairieที่หน้า นอนกางแขนขาบนโซฟา ปัดมือถือดูคลิปอย่างสบายอารมณ์ ปัดไปก็บ่นไปว่า “ไอ้หยา สุดยอดเลย สาวน้อยญี่ปุ่นที่มาแข่งต่อสู้ที่จินหลิงเรานี่ หน้าตาดีไม่น้อยเลยนะ!”
เย่เฉินรู้ว่าเธอพูดถึงอิโตะ นานาโกะ ไม่ทันได้พูดอะไร มือถือก็สั่นขึ้นมาซะก่อน
เซียวฉางควนโทรมา เลยรับสายขึ้นมา “ครับ พ่อ”
น้ำเสียงเซียวฉางควนเมามายนิดหน่อย หัวเราะบอก “ไอ้หยาลูกเขยพ่อ มารับพ่อที่เทียนเซียงฝู่หน่อยสิ? พ่อดื่มเหล้าไปนิดหน่อย
เย่เฉินไม่ได้คิดอะไรมาก รับคำและพูดออกมาว่า “ครับพ่อ จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ระหว่างพูด ก็ลุกขึ้นบอก “แม่ ชูหรัน ผมไปรับพ่อแป๊บหนึ่ง เขาดื่มเหล้ากับคนของสมาคมการประดิษฐ์ตัวหนังสือและภาพ”
ตอนนี้เซียวชูหรันลุกขึ้นมาบอก “เย่เฉิน ฉันไปรับพ่อกับคุณด้วยละกัน”
เย่เฉินไม่ได้คิดอะไรมาก พยักหน้าเบาๆว่า “ได้ งั้นขับรถคุณไปละกัน”
พอหม่าหลันได้ยินว่าเซียวฉางควนไปดื่มเหล้าด้านนอก บ่นกระปอดกระแปดว่า “ตาแก่บ้านี่ นับวันยิ่งดีแตกขึ้นเรื่อยๆ ลูกเขยไม่ต้องไปรับเขาหรอก ให้มันไสหัวกลับมาเอง รอมันกลับมา ฉันจะล็อกประตูใหญ่ไม่ให้มันเข้ามา ให้มันนอนด้านนอกทั้งคืนเลย!”
เย่เฉินยักไหล่บอก “แม่ครับ แม่อย่าหาเรื่องทะเลาะกับพ่อนักเลย อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ต่อให้แยกกันอยู่ก็อยู่กันดีๆได้นี่”
หม่าหลันฉลาด ฟังออกทันทีว่าเย่เฉินกำลังปรามตน
ในใจแอบบ่นว่า “ถึงฉันกับเซียวฉางควนจะแยกกันอยู่ แต่ก็อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของเย่เฉินเหมือนกัน ถ้าเกิดทะเลาะกับเซียวฉางควนใหญ่โต เย่เฉินต้องไม่ยอมแน่ เกิดถึงเวลานั้นฉีกหน้ากันหมด ยิ่งแล้วใหญ่”
ดังนั้นเธอเลยเก็บความไม่พอใจที่มีต่อเซียวฉางควนไว้ แกล้งบ่นอุบอิบว่า “ที่จริงฉันก็ขี้เกียจถือสาคนอย่างเขาน่ะนะ ไว้ขาฉันหาย จากนั้นก็ทำฟันปลอมเสร็จ ฉันจะออกไปเที่ยวทุกวันมั่ง! ต่างคนต่างอยู่ไปเลย!”
พอเย่เฉินได้ยิน ก็ยิ้มบอกทันที “ดีเลยครับ ต่างคนต่างอยู่ เคารพซึ่งกันและกัน แบบนี้ดีมากเลย”
หม่าหลันมองเย่เฉิน พลางยิ้มหวานให้พร้อมบอก “ลูกเขย ถึงเวลานั้นให้เงินแม่ใช้หน่อยนะ ตอนนี้แม่ไม่มีเงินเลยสักนิด ถ้าออกไปกินข้าวหรือเที่ยวกับเพื่อนแล้วไม่มีเงินใช้เลย ก็ไม่มีใครยอมเที่ยวกับแม่สิ!”
เย่เฉินมีหรือจะไม่เข้าใจความคิดหม่าหลัน? วันๆคิดแค่เงิน ทำหน้า เล่นไพ่ เที่ยวเล่นอยู่ไม่กี่เรื่องนี่แหละ
ตอนนี้เธอไม่มีเงิน และไม่ได้ออกไปไหน เพราะขายังไม่หายดี บวกกับฟันหน้าหายไปสองซี่ ทำให้หน้าตาดูไม่ได้
ไว้รอขาหายแล้ว ฟันปลอมก็ใส่แล้ว ถึงเวลานั้นคงออกจากบ้านทุกวันแน่ ถ้าไม่มีเงิน ยังไม่รู้จะทำเรื่องอะไรออกมาอีก
แต่สำหรับเย่เฉินแล้ว ถ้าให้เงินเธอสักหน่อยแล้วสามารถไล่เธอไปไกลๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน
ดังนั้นเย่เฉินเลยพูดเสียงเรียบว่า “แม่ครับ ไว้รอขาแม่หายแล้ว ใส่ฟันปลอมแล้ว ผมจะให้แม่เดือนละห้าหมื่นเป็นเงินใช้สอยนะครับ”
“จริงหรอ?” หม่าหลันดีใจมาก
มีเงินใช้ห้าหมื่นเดือนนึงนี่ไม่น้อยจริงๆ เมื่อก่อนเธอมีสองล้านในมือ เดือนหนึ่งก็ไม่กล้าใช้เงินมากขนาดนั้น
ที่จริงเงินใช้สอยของหม่าหลันก็หมดไปกับการเล่นไพ่บ้างเป็นครั้งคราว ไปช็อปปิ้งทำหน้า กินข้าว ร้องคาราโอเกะ บางทีก็ซื้อเสื้อผ้า สกินแคร์กับพวกเพื่อนสาวกลุ่มนั่นแหละ ห้าหมื่นต่อเดือนนี่ถือว่าพอแล้ว