หินรองเท้า!
ก่อนหน้านี้ตอนหลินสวินพูดสามคำนี้ออกมา ยังทำให้เยี่ยนฉุนจวินเดือดดาล คิดว่านี่เป็นการท้าทายศักดิ์ศรีของเขา
ทำให้คุนจิ่วหลินกับเว่ยจื่อหยาต่างหัวเราะหยัน คิดว่าหลินสวินจองหอง คุยโวโอ้อวด เห็นได้ชัดว่าไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว
แต่ตอนนี้คำพูดนี้กลายเป็นเรื่องจริง!
แม้แต่อาหูยังอึ้งไปเล็กน้อย นางเชื่อว่าหลินสวินไม่ได้อวดอ้างอย่างแน่นอน
แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าผู้ที่อยู่ในร้อยอันดับแรกของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราอย่างเยี่ยนฉุนจวิน จะถึงกับแพ้ได้รวดเร็วปานนี้
“เจ้ากล้า!”
คุนจิ่วหลินตะคอกกราดเกรี้ยว
“รีบปล่อยเยี่ยนฉุนจวิน ถ้าเขาเป็นอะไรไป ทั้งเรือนมรรคจักรวาลต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
เว่ยจื่อหยาก็ร้อนรน เอ่ยเสียงดุดันข่มขู่
หลินสวินร้องอ้อคำหนึ่ง
กร๊อบ!
ที่ใต้เท้าของเขา ศีรษะของเยี่ยนฉุนจวินถูกเหยียบแหลกอย่างจัง มลายสิ้นทั้งกายจิต
“เจ้า…”
คุนจิ่วหลินกับเว่ยจื่อหยาต่างสยดสยอง สมองแทบระเบิด
เยี่ยนฉุนจวินเป็นบุคคลเช่นไร
บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตรุ่นอาวุโสอย่างราชันอริยะกับกึ่งจักรพรรดิ ยังไม่กล้าโจมตีเยี่ยนฉุนจวินง่ายๆ
เพราะผลลัพธ์ร้ายแรงยิ่งนัก จะถูกเรือนมรรคจักรวาลที่เป็นหนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่หมายหัว ถึงตอนนั้นแม้เป็นกึ่งจักรพรรดิก็ไม่อาจหนีพ้น!
ยิ่งเป็นผู้ฝึกปราณที่เกิดและเติบโตบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็ยิ่งรู้ดีว่าอิทธิพลของ ‘หกเรือนมรรคใหญ่’ มากมายเพียงไหน
ความน่ากลัวทางภูมิหลังและความแกร่งกล้าแห่งอิทธิพลของพวกเขา สามารถส่งผลกระทบต่อแนวโน้มโดยรวมของทางเดินโบราณฟ้าดาราได้!
แต่ตอนนี้หลินสวินยังคร้านจะไตร่ตรอง เท้าข้างเดียวเหยียบศีรษะของเยี่ยนฉุนจวินจนแหลก กระทำการตามใจราวกับเหยียบแตงโมแตก…
เรื่องนี้ใครจะคิดได้
“เจ้าจบเห่แล้ว ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร ไม่ว่าเบื้องหลังของเจ้าจะมีขุมอำนาจไหนสนับสนุนอยู่ ภายหน้าต้องแบกรับไฟโทสะของเรือนมรรคจักรวาลแน่!”
คุนจิ่วหลินร้องเสียงดัง
เขายังไม่กล้าทำใจเชื่อ เพราะการตายของเยี่ยนฉุนจวินทำให้เขากระทบกระเทือนใจอย่างยิ่งจริงๆ
เว่ยจื่อหยาก็เช่นกัน
“หรือพวกเจ้าคิดว่าคราวนี้จะยังจากไปทั้งที่มีชีวิตอยู่ได้”
อาหูขุ่นเคือง แววตาเย็นชาน่ากลัว
เจ้าสารเลวสองคนนี้ประลองกับตน แต่กลับยังสนใจความเป็นความตายของเยี่ยนฉุนจวินเสียได้ นี่ไม่เห็นตนอยู่ในสายตาชัดๆ!
ตูม!
การจู่โจมของนางยิ่งดุดัน
และในขณะเดียวกันหลินสวินก็ทะลวงอากาศมา
เพียงแต่ในตอนที่เขาจะลงมือก็พลันนิ่วหน้า หยุดเท้ากะทันหันแล้วหันหน้ามองไปยังที่ไกลออกไปทันใด
พลังขับเคลื่อนราวกับจับต้องได้พุ่งเป้ามาที่ตนอย่างเงียบเชียบ หนาวยะเยือกราวน้ำค้างหิมะ เผยกลิ่นอายน่าหวาดผวา
นี่ทำให้สัญชาตญาณของหลินสวินรู้สึกถึงการคุกคามเล็กน้อย
ณ ห้วงอากาศไกลออกไป ละอองแสงขาวแวววาวบริสุทธิ์ลอยละล่อง ก่อร่างเป็นเงาร่างงดงามร่างหนึ่ง ร่างนั้นแต่งกายด้วยชุดขาวทั้งตัว เอวคาดเข็มขัดทอง ผมดำขลับยาวสยายราวน้ำตก
นางงดงามดั่งภาพเขียน ผิวพรรณผุดผ่อง เนตรกระจ่างทั้งสองเปล่งประกายดั่งน้ำพุบริสุทธิ์ อ่อนช้อยและเยียบเย็น ประหนึ่งนางเซียนจากดวงจันทร์มาเยือนโลก
เหวินฉิงเสวี่ย!
ผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักร หญิงงามแห่งยุคที่อยู่อันดับสามของกระดานยอดจรัสฟ้าดารา ถูกมองว่ารูปลักษณ์พิสุทธิ์ล้ำ พบเห็นได้ยากในหมื่นพันปี!
ชายหญิงกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันข้างหลังนาง ขับเน้นให้นางยิ่งโดดเด่น รูปลักษณ์เพริศพริ้ง ความสง่างามอทำเอาฟ้าดินหม่นหมอง
‘ระวังแม่นี่ไว้ อันดับในกระดานมหาอริยะฟ้าดาราของนางดูเหมือนต่ำว่าเยี่ยนฉุนจวิน แต่ข้ารู้สึกได้ว่านางอันตรายเสียยิ่งกว่าเยี่ยนฉุนจวิน’
อาหูรีบสื่อจิตเตือนหลินสวิน
หลินสวินจำได้ว่าเหวินฉิงเสวี่ยอยู่อันดับที่เก้าสิบสามของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา หากจากเยี่ยนฉุนจวินไม่น้อยจริงๆ
แต่อันดับนี้ประเมินไว้เมื่อราวเก้าสิบกว่าปีก่อน!
นี่ก็หมายความว่าในช่วงเก้าสิบกว่าปีนี้ เห็นได้ชัดว่าเหวินฉิงเสวี่ยมีพัฒนาการก้าวกระโดดในการฝึกฝนมหามรรค ทิ้งเยี่ยนฉุนจวินไว้ข้างหลังไปแล้ว
‘เหลือเวลาอีกไม่ถึงห้าปีก็จะมีการจัดอันดับกระดานมหาอริยะฟ้าดาราใหม่อีกครั้ง กลัวแต่ว่าตอนนั้นอันดับของเหวินฉิงเสวี่ยคงจะสูงขึ้นฮวบฮาบ…’
ความคิดนี้ฉายวาบในสมองหลินสวิน แต่สีหน้าเขากลับเจือความเย็นชา กล่าวว่า “เจ้าก็มาเพราะป้ายคำสั่งเซียนเหินหรือ”
วาจานี้ไม่เกรงใจนัก ทั้งยังตรงไปตรงมามาก
นี่ทำให้ผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักรเหล่านั้นนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ ที่ผ่านมาผู้ฝึกปราณคนใดยามได้พบเหวินฉิงเสวี่ย มีหรือจะไม่เรียกอย่างยกย่องว่าธิดาเทพชิงเสวี่ย
แต่เจ้าหมอนี่กลับไม่มีมารยาทชัดแจ้ง
“เป็นพวกที่มาจากสถานที่เล็กๆ อย่างดินแดนรกร้างโบราณดังคาด ไม่มีการอบรมสักนิด ศักยภาพสูงเพียงไหนก็เป็นคนกักขฬะหยาบคายอยู่ดี”
มีคนกระทบกระเทียบเสียงเย็นชาอย่างอดไม่ได้
คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มแต่งกายหรูหราผู้หนึ่ง ร่างสูงโปร่งสง่างามทรงภูมิ โดดเด่นเหนือใคร เจือความหยิ่งทระนงแต่กำเนิด
ศิษย์พี่เนี่ยเทียนพูดได้ดี!
ชายหญิงเหล่านั้นล้วนพยักหน้า ชายหนุ่มชุดหรูหรามีนามว่าเนี่ยเทียน เป็นอัจฉริยะหล่อเหลาที่ชาติตระกูลไม่ธรรมดา พลังต่อสู้แกร่งกล้าถึงที่สุดผู้หนึ่งเช่นกัน
ในกลุ่มนี้ฐานะและพลังของเขาด้อยกว่าเหวินฉิงเสวี่ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลินสวินชำเลืองมองเนี่ยเทียนคราหนึ่ง ปากก็พ่นคำว่า “รนหาที่หรือ”
เนี่ยเทียนอึ้งไป ทันใดนั้นประกายเย็นยะเยือกก็ปะทุออกมาจากดวงตา “เจ้า…”
พูดยังไม่ทันจบก็หยุดลงกะทันหัน
เพราะพลังดรรชนีอันแข็งแกร่งเคลื่อนผ่านห้วงอากาศ บดขยี้เวิ้งฟ้ามาเยือน!
ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา… ห่างไกลล้วนไปถึง!
แม้ห่างกันไร้สิ้นสุด ข้าย่อมใช้นิ้วเดียวสังหารได้
เนี่ยเทียนคิดไม่ถึงสักนิดว่าหลินสวินจะอหังการปานนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงสักนิดก็ลงมือทันทีแล้ว!
ผู้สืบทอดจากเรือนมรรคยุทธจักรคนอื่นๆ ต่างก็งุนงง
แต่ก่อนขอเพียงรู้ฐานะของเขา หากไม่หวั่นเกรงเป็นอย่างยิ่งก็ต้องเคารพนบนอบถึงที่สุด จะป่าเถื่อนหยาบคายอย่างหลินสวินได้อย่างไร
ครืน…
พลังดรรชนีไพศาลนั่นพาดขวาง ลวดลายบนนั้นประหนึ่งร่องรอยมหามรรค กฎเกณฑ์ถักทอราวกับดรรชนีที่ทวยเทพบนสวรรค์ยื่นออกมา ใหญ่โตดุจเขาเทพ อานุภาพเหลือคณา
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ นัยเร้นลับที่ซ่อนอยู่ในคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุดนี้ ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าหมื่นวิญญาณในฟ้าดินต่างถูกบดขยี้และกลืนกินภายใต้นิ้วนี้!
หัวใจเนี่ยเทียนเกร็งกระตุกรุนแรง หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เขารับรู้ได้ถึงอันตรายถึงชีวิต ทันใดนั้นก็ตะคอกดังลั่น กดฝ่ามือหนึ่งออกมา
พลังฝ่ามือราวกับงูมังกรขดตัว ทรงพลังหนักแน่น มีจิตกลืนคายภูผาธารา
เคล็ดวิชางูมังกรยุทธจักร!
หนึ่งในมรดกก้นกรุนานาชนิดของเรือนมรรคยุทธจักร
พอฝ่ามือโจมตีออกไป งูมังกรก็กระโจนขึ้นคว่ำสมุทรพลิกธารา กลับด้านหยินหยาง!
ที่มาพร้อมกับเสียงดังสนั่นคือห้วงอากาศที่สั่นสะเทือน ฟ้าดินแห่งนั้นกำลังพังทลาย
ชิ้ง!
ทันใดนั้นเหวินฉิงเสวี่ยนิ่วหน้า ปราณกระบี่คล้ายมายาโฉบขึ้นไป ตัดจุดที่พลังดรรชนีกับพลังฝ่ามือปะทะกัน
เพียงกระบี่เดียวเท่านั้นก็ขจัดการปะทะครั้งนี้ให้หายไป!
ในขณะเดียวกันเงาร่างเนี่ยเทียนก็พลันไหวโคลงเหมือนดื่มเหล้าเมาสุรา แก้มแดงก่ำ เลือดลมภายในร่างของเขาปั่นป่วน รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด
กลับมาดูหลินสวิน เขายืนอยู่กลางอากาศ แขนเสื้อปลิวไสว ท่าทางสุขุมเยือกเย็น
การโจมตีเดียวตัดสินสูงต่ำได้ทันที!
ผู้สืบทอดจากเรือนมรรคยุทธจักรเหล่านั้นต่างสีหน้าไม่น่ามองขึ้นมาแล้ว
พวกเขาจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าหากเหวินฉิงเสวี่ยไม่ได้ลงมือทันท่วงที การโจมตีนี้แม้แต่เนี่ยเทียนยังต้านไม่อยู่ เกรงแต่จะยับเยินยิ่ง หรืออาจถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ!
“ต่ำช้า!”
เนี่ยเทียนเก็บสีหน้าไว้ไม่อยู่ ตะคอกเสียงดุดัน เขาไม่พอใจนัก คิดว่าถูกหลินสวินลอบโจมตี เล่นงานเขาตอนไม่ทันตั้งตัวเมื่อครู่นี้
หลินสวินยิ้ม ในแววตามีแต่ความดูถูกที่ไม่ปิดบังสักนิด “ถ้าไม่มีคนมาช่วยเจ้า อย่างเจ้า… แน่ใจหรือว่าจะต้านไว้ได้”
เนี่ยเทียนยังหมายจะพูดอะไรอีก แต่ถูกเหวินฉิงเสวี่ยรั้งไว้
“ถ้าปล่อยคุนจิ่วหลิน ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป”
นางเอ่ยปากแล้ว เนตรกระจ่างมองดูหลินสวิน เสียงกังวานดุจหยกประดับ ใสเสนาะหูดั่งเสียงสวรรค์
หลินสวินอึ้งไป เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่เหวินฉิงเสวี่ยยื่นมือเข้ามา ไม่ใช่เพื่อป้ายคำสั่งเซียนเหิน แต่เพื่อช่วยคุนจิ่วหลิน!
ไกลออกไปคุนจิ่วหลินที่กำลังขับเคี่ยวกับอาหูก็อึ้งไปเช่นกัน จากนั้นพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ แววคล้ายริษยาชิงชังฉายวาบที่หว่างคิ้ว
เขากัดฟันตะคอกลั่นว่า “เป็นเพราะพี่ใหญ่ของข้าคนนั้น เจ้าถึงอยากช่วยข้าใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนี้เจ้ารีบจากไปให้ไวเถอะ!”
เหวินฉิงเสวี่ยนิ่วหน้าเล็กน้อย ยกนิ้วขึ้นวาดออกไป
ฉึบ!
เจตกระบี่ปราดเปรียวคล้ายมายาสายหนึ่งปรากฏขึ้น ฟันไปที่อาหู
เงาร่างหลินสวินเคลื่อนย้ายกลางอากาศ ฝ่ามือตะครุบออกไปเสียงดังปึง กลืนกินดับทำลายเจตกระบี่สายนี้จนสิ้น ดูเหมือนสบาย แต่ในใจเขากลับตกตะลึงแล้ว
เจตกระบี่แข็งแกร่งนัก!
กระบี่นี้เหมือนเมฆลอยละล่อง เลื่อนลอยเฉื่อยชา แต่พลังมหามรรคที่มีกลับบริสุทธิ์หาใดเทียบ เฉียบคมไร้เทียมทาน ทำเอาผิวหนังเขายังรู้สึกเจ็บ ต้องโคจรพลังทั้งหมดจึงสลายไปได้
แต่ตอนนี้ผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักรเหล่านั้นล้วนท่าทางเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ เจ้าหมอนี่… ถึงกับสกัดเจตกระบี่ ‘ยุทธจักรมหสติ’ ของศิษย์พี่ฉิงเสวี่ยได้ตามใจชอบเช่นนี้เชียวหรือ
เนี่ยเทียนยังหน้าเปลี่ยนสี
ยุทธจักรมหาสติ!
นี่คือตำราลับสูงสุดของเรือนมรรคยุทธจักร ทั้งสำนักมีคนแค่หยิบมือที่มีสิทธิ์หยั่งรู้และครอบครองมรดกนี้ มองไปทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารายังเรียกได้ว่าเป็น ‘ยอดวิชา’ สูงสุด
ขอเพียงเป็นผู้ที่ฝึกฝนวิชานี้ ล้วนสามารถพัฒนาพลังต่อสู้ให้เหนือล้ำคนรุ่นเดียวกันไปไกล ครอบครองอภินิหารอันน่าเหลือเชื่อได้
อย่างกระบี่ของเหวินชิงเสวี่ยเมื่อกี้นั้นดูเหมือนเบาสบาย แต่อานุภาพของมันสามารถสังหารมหามกุฎอริยะคนหนึ่งได้ง่ายๆ!
แต่หลินสวิน…
กลับสกัดไว้ได้
หนำซ้ำยังไม่ได้รับบาดเจ็บ!
ชั่วขณะเดียวสายตาที่พวกเขามองหลินสวินต่างเปลี่ยนไป เจ้าคนหยาบคายที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณคนนี้ ถึงกับแข็งแกร่งปานนี้เชียวหรือ
มีเพียงเหวินฉิงเสวี่ยที่สีหน้าราบเรียบ เส้นผมของนางดุจน้ำหมึก อาภรณ์ขาวปลอด เงาร่างพร่าเลือนดุจเซียนจุติลงมา
นางเอ่ยเสียงเย็นเยียบว่า “ถ้าเปิดศึกตอนนี้ เจ้าไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก อีกอย่างความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นที่นี่ดึงดูดสายตาที่แอบจ้องตาเป็นมันมากมายมานานแล้ว ถ้าตอนนี้พวกเจ้าไม่ไป อีกหน่อยเกรงว่าจะหนีไม่พ้น”
หลินสวินเลิกคิ้วเล็กน้อย จู่ๆ ก็ยิ้ม “อาหู พวกเราไปกันเถอะ”
พอพูดจบเขาก็หันไปมองอาหู
เขาเปลี่ยนท่าทีรวดเร็วเกินไป ทำเอาหลายคนงุนงงไม่หยุด
แต่อาหูคล้ายจะเข้าใจ ไม่ลังเลแต่อย่างใด ปลีกตัวถอยออกมาทันที
เพียงแต่ยังไม่ทันให้เว่ยจื่อหยาถอนหายใจโล่งอก ประกายขาวสว่างเจิดจ้าสะดุดตาปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเขาอย่างรวดเร็ว
นี่คือมีดบินที่วิจิตรยิ่งเล่มหนึ่ง
ฟุบ!
มีดบินไหววูบ ศีรษะที่เลือดไหลรินลอยขึ้นไปในอากาศ
เว่ยจื่อหยาตาเบิกโพลงด้วยความโกรธ ทำใจเชื่อได้ยาก เจือไปด้วยความตกตะลึง บนโลกนี้… ยังมีมีดบินที่น่ากลัวปานนี้ได้อย่างไร
ปึง!
ครู่ต่อมาทั้งร่างและศีรษะของเขาก็ตกลงบนพื้น พลังชีวิตแห้งเหือด จิตวิญญาณถูกสังหาร ตายคาที่โดยสมบูรณ์
ขณะเดียวกันใบหน้างามของอาหูก็ซีดเผือด คิดเงียบๆ ในใจว่า ‘สมบัติกลับมา’
ในห้วงอากาศ มีดบินวิจิตรกะทัดรัดนั้นกลายสภาพเป็นรัศมีสีขาว เคลื่อนเข้าไปในฝ่ามือนางอย่างรวดเร็ว
พอจะเห็นได้ลางๆ ว่าในฝ่ามือดุจหยกขาวของอาหูราวกับมีสัญลักษณ์น้ำเต้าปรากฏ วับแวบลึกลับหาใดเทียบ
ทั้งหมดนี้แทบจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อได้เห็นภาพนองเลือดที่เว่ยจื่อหยาถูกปลิดชีพกะทันหัน ทุกคนในที่นั้นต่างหวาดผวา