ตอนที่ 2869 รายงานชัยชนะ เผ่าเลือดตัวสั่นเจ้าโลกเลิกคิ้ว!
เฉียนั้วในตอนนี้ได้แต่ต้องวิ่งหนีหางจุกตูดสุดกำลัง!
“เร็วเข้า! ไปหยุดเฟิงเสี่ยวเถียนมันเร็วเข้า!” เฉียนั้วนั้นร้องสั่งขึ้นมา
ได้ยินเช่นนั้นมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์สามคนก็ได้พุ่งตัวเข้าไปเผชิญหน้ากับเฟิงเสี่ยวเถียน
แต่ในมหาค่ายกลนี้มีหรือที่พวกเขาจะต้านทานเฟิงเสี่ยวเถียนได้?
หลังจากสู้กันอยู่ไม่กี่กระบวนท่าเฟิงเสี่ยวเถียนก็สังหารพวกเขาทั้งสามลงสิ้น!
เฉียนั้วนั้นใช้โอกาสนี้พุ่งตัวออกไปจากค่ายกลอย่างสุดชีวิต
“ไอ้เผ่าเลือดเวร ดูหอกของปู่หยางนี้ไว้ให้ดีเถอะ! มาๆ! มาอีกสิ! เก่งกาจกันมากมิใช่หรือ?”
ในกองทัพนั้นหยางชิงกวัดแกว่งหอกไปมาจนทำให้เผ่าเลือดนั้นไม่อาจจะตอบโต้ได้แม้แต่น้อย
หากอีกฝ่ายมิใช่มหาจักรพรรดิแล้วหยางชิงในตอนนี้ย่อมจะสังหารศัตรูลงได้ในหอกเดียว!
ต้าหวง เสี่ยวชิงและจิงเฟยทั้งสามนั้นเองก็ต่อสู้อย่างไม่วางมือเช่นกัน
เย่หยวนเองก็เข้าร่วมศึกครั้งนี้เช่นกัน เพราะมันคือโอกาสสำคัญที่จะได้เก็บแก่นเลือดของเผ่าเลือดไป
โอกาสทองเช่นนี้มีหรือที่เย่หยวนจะปล่อยมันผ่านไป
ศึกในครั้งนี้มันต่อสู้กันจนฟ้าดินเปลี่ยนสีเลือดนองไหลไปทั่วแผ่นดิน!
เฉียนั้วนั้นถูกฆ่าลงไปหลายครั้งแต่ก็ยังดื้อด้านฟื้นคืนชีพกลับมาได้ทุกครั้งไป
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังบาดเจ็บอย่างสาหัสจนถึงขั้นที่คงไม่อาจฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น
กองทัพเผ่าเลือดนับแสนนั้นเองตอนนี้เหลือคนที่รอดออกมาไม่ถึงพันคน!
“สวรรค์แรกจงเจริญ!”
“ท่านเจ้าเมืองจงเจริญ!”
…
เสียงโห่ร้องของคนทั้งหลายนั้นมันดังลั่นจนแผ่นดินสั่นสะเทือน
นี่มันคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เป็นชัยชนะที่สะใจอย่างถึงที่สุด!
ไม่นานก่อนหน้านี้พวกเขายังสิ้นหวังเตรียมตัวตายกันอยู่!
แต่ตอนนี้ชัยชนะนี้มันทำให้พวกเขาแทบคิดว่าตัวเองกำลังนอนฝันหวานอยู่!
“กองทัพแสนถูกกำจัดลงสิ้นเชิง! นั่นมันคือกองทัพหนึ่งแสนเลยนะ! นี่ข้าฝันไปหรือเปล่า! โอ๊ย จะตีข้าทำไมเนี่ย?”
“จะสะใจเกินไปแล้ว! สุดยอดที่สุด! ท่านเจ้าเมืองเฟิงนั้นช่างเป็นดั่งเทพสวรรค์ลงมาโปรดจริงๆ!”
“นี่มันหลายพันปีแล้วใช่ไหม? ในร้อยแปดนครนั้นมีแต่ฝ่ายสวรรค์แรกเราที่สูญเสีย! แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เราจะได้รับชัยชนะเหนือล้นเช่นนี้มาก่อนเลย! เรา…เราชนะจริงๆ!”
…
พูดไปมาก คนทั้งหลายก็เริ่มกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์นั้นมีการควบคุมอารมณ์ที่หนักแน่นมาก
ภาพที่คนนับหมื่นร้องไห้ขึ้นมาพร้อมๆ กันนี้มันย่อมจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ปกติ
สายตาของพวกเขานั้นต่างมองไปยังตัวเฟิงเสี่ยวเถียน
เฟิงเสี่ยวเถียนยืนบนท้องฟ้าด้วยท่าทางสง่ามองดูคนทั้งหลายพร้อมชูมือขึ้นฟ้าสูง กล่าวประกาศขึ้นมาด้วยเสียงสั่นๆ “ร…เราชนะแล้ว!”
“ชนะ!”
“ชนะ!”
“ชนะ!”
…
เสียงของคนทั้งหลายโห่ร้องขึ้นมาพร้อมๆ กัน!
เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นทำมือหยุดเสียงของคนทั้งหลายก่อนจะกล่าวขึ้น “พี่น้องทั้งหลายเข้าใจผิดแล้ว! คนที่สร้างปาฏิหาริย์ในวันนี้มันไม่ใช่ข้าเฟิงเสี่ยวเถียนแต่เป็นเขา!”
นิ้วมือของเฟิงเสี่ยวเถียนชี้ลงมายังเย่หยวน
นั่นทำให้สายตานับหมื่นๆ คู่นั้นหันมาจ้องหน้าเย่หยวนเป็นตาเดียว
คนทั้งหลายต้องผงะไปทันที!
จักร…จักรพรรดิเซียน?
บ…บ้าแล้ว!
“ข้ารู้ว่าพี่น้องทั้งหลายคงไม่มีใครอยากเชื่อ แต่ในศึกนี้เย่หยวนผู้นี้แหละคือวีรบุรุษของเรา!”
“มหาค่ายกลป้องกันเมืองนั้นมันไม่มีทางซ่อมแซมได้อีกต่อไปแล้ว! แต่มันก็เป็นเย่หยวนผู้นี้ที่นำเอาศาสตร์ซ่อมแซมกำเนิดน้อยที่สาบสูญมาให้พวกเราทำให้สามารถซ่อมแซมมหาค่ายกลกลับมาได้!”
“เย่หยวนนั้นมีเต๋าค่ายกลที่เหนือล้ำฟ้า! เขาคนเดียวนี้สามารถทำงานซ่อมแซมไปได้กว่าร้อยละยี่สิบของทั้งหมด!”
“ตอนที่มหาค่ายกลใกล้ซ่อมแซมแล้วเสร็จมันยังเป็นเขาคนนี้ที่เตือนให้ข้าใช้แผนล่อศัตรูเข้ากับดัก ปล่อยให้พวกมันได้เข้ามาลึกจนไม่มีทางถอยออกไปได้!”
“ก่อนหน้านี้ตัวเย่หยวนบอกข้าว่าเขาไม่ต้องการชื่อเสียงอะไร! แต่ข้าเฟิงเสี่ยวเถียนไม่หน้าด้านพอที่จะอ้างชื่อเหนือผลงานของเขาจริงๆ!”
“หากจะพูดตรงๆ แล้วต่อให้ข้าจะซ่อมแซมมหาค่ายกลได้ตัวข้าก็คงไม่อาจจะสร้างชัยชนะที่เด็ดขาดเช่นนี้ขึ้นมาได้แน่!”
“แต่ตอนที่ข้าเห็นมหาค่ายกลทำงานขึ้นมานั้นข้าถึงขั้นต้องอ้าปากค้าง! เพราะว่ามหาค่ายกลป้องกันเมืองนี้มันกลับทำงานได้ถึงร้อยละเจ็ดสิบจากพลังดั้งเดิมของมัน!”
“เพราะฉะนั้นชัยชนะในครั้งนี้มันจึงเกิดขึ้นได้เพราะมือของเย่หยวนคนนี้ทั้งสิ้น!”
เฟิงเสี่ยวเถียนร้องลั่นให้คนได้ยินกันทั้งมหานครฉีใต้ด้วยเสียงที่สั่นเครือเหมือนคนหายใจไม่ทัน
ฟุบ!
พริบตาเดียวกันนั้นมันก็เกิดเสียงร้องลั่นขึ้นมารอบทิศ
ทั้งกองทัพสวรรค์แรกนั้นย่อมจะแตกตื่นขึ้นมาตามๆ กัน
จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งกลับเปลี่ยนกระแสสงครามได้?
จะบ้าเกินไปแล้ว!
จะเหนือล้ำเกินไปแล้ว!
แต่พวกเขานั้นรู้ดีว่าเฟิงเสี่ยวเถียนไม่ได้โกหก!
คำพูดของเขานั้นมีแต่ความจริง!
แต่เจ้าหมอนี่มันมาจากที่ไหน?
ในความคิดของทหารทั้งหลายนั้นเรื่องเช่นนี้มันคงมีแต่เจ้าโลกหรือมหาจักรพรรดิล้ำทั้งหลายเท่านั้นที่พอจะทำได้
ใครจะไปคิดว่ามดตัวน้อย จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งนี้กลับจะสังหารกองทัพเผ่าเลือดนับแสนลงหน้ามหานครฉีใต้?
นั่นมันกองทัพเผ่าเลือดนับแสน!
อดีตที่ผ่านๆ มานั้นมันไม่ใช่ว่ามหานครฉีใต้ไม่เคยปะทะกับกองทัพหนึ่งแสนจากเผ่าเลือดเลย
แต่ว่ากองทัพของมหานครฉีใต้นั้นก็ต้องเสียกำลังไปกว่าแสนคนกว่าจะต่อต้านและไล่กองทัพหนึ่งแสนของเผ่าเลือดกลับไป!
และนั่นยังพูดถึงตอนที่มหาค่ายกลป้องกันเมืองทำงานได้ปกติดีด้วย
แต่วันนี้พวกเขานั้นกลับสังหารเผ่าเลือดนับแสนได้โดยแทบไม่มีคนตายลงไปเลย!
“อาจารย์เย่เก่งล้นฟ้า!”
“อาจารย์เย่จงเจริญ!”
…
เสียงของทหารทั้งหกหมื่นนั้นร่ำร้องกันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
สายตาที่พวกเขามองดูเย่หยวนนั้นมันเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง ความตกตะลึงและความภาคภูมิ!
ในเวลาเดียวกันนั้นตัวเฉียนั้วเองก็ได้ยินเสียงร้องลั่นจากในกำแพงมหานครฉีใต้นี้เช่นกัน
เขานั้นได้แต่ต้องหันกลับมามอง ‘อาจารย์เย่ไหนอีก?’
ได้เห็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป
เขานั้นไม่อยากจะเด่นจริงๆ แต่ตัวเฟิงเสี่ยวเถียนนั้นกลับไม่ยอมรับเอาความดีความชอบนี้ไป
หยางชิงที่อยู่ด้านข้างนั้นได้แต่ต้องมองหน้าเย่หยวนด้วยความอิจฉา สุดท้ายก็โดนแย่งบทเด่นไปอีกจนได้!
พวกเจ้าตาบอดกันหรือ? ไม่เห็นหรือว่านักบุญสูงฟ้าครามนั้นอาละวาดรุนแรงแค่ไหน?
…
บนท้องฟ้าสูงล้ำขึ้นไปนั้นมันมีเงาร่างในชุดขาวและดำกำลังยืนมองหน้ากันอยู่จากระยะไกล
“หวู่เฟิง เจ้ามันอ่อนแอเกินไป! หากไม่ใช่เพราะเจ้าแล้วเราคงไม่อาจจะบุกมหานครฉีใต้ได้จริงๆ! ฮ่าๆๆ…” ชายชุดดำนั้นกล่าวขึ้นมาจากด้านนอกเขตแดนสวรรค์สมบูรณ์พร้อมหัวเราะลั่นไม่มีหยุด
หวู่เฟิงนั้นคือเจ้าโลกที่ดูแลเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์เหนือมหานครฉีใต้นี้!
เหตุผลที่มหานครฉีใต้นั้นกลายเป็นนรกของทุกชีวิตมันก็เพราะว่ากำลังฝีมือของเขานั้นอ่อนแอจนเกินไป จนทำให้พลังของเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์รอบๆ ตัวเขามันอ่อนแอลงไปมากด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าช่องโหว่ที่เกิดขึ้นมามันก็ย่อมจะใหญ่ที่สุด
เก้ามหานครนั้นแท้จริงแล้วมันคือจุดที่เก้าเจ้าโลกที่อ่อนแอที่สุดดูแลอยู่
และหวู่เฟิงคนนี้ก็อ่อนแอที่สุดในคนทั้งเก้า
เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ที่เจ้าโลกหยุนซานดูแลนั้นมันมีช่องโหว่ที่คับแคบอย่างมาก อย่างมากที่สุดก็คงส่งกองกำลังมาได้ไม่ถึงสิบคน!
ต่อให้เผ่าเลือดจะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ไม่มีทางที่จะง้างเปิดเขตแดนขึ้นมาจากจุดเช่นนั้นได้
เพราะฉะนั้นเผ่าเลือดจึงได้เลือกที่จะทุ่มกำลังส่วนใหญ่มาโจมตีมหานครทั้งหลาย
แน่นอนว่ามหานครฉีใต้นั้นจะเป็นเป้าหมายหลักของพวกเขา!
พวกเขานั้นใกล้ตีมหานครฉีใต้ได้แล้วแน่นอน ทำให้โหยวจินนั้นอารมณ์ดีกล่าวเย้ยหยันหวู่เฟิงไม่ขาดปาก เพราะตอนที่เผ่าเลือดคิดเข้าโจมตีนั้นย่อมจะต้องมีเจ้าโลกของเผ่าเลือดมาคอยคุมเชิงด้วย
ไม่เช่นนั้นแล้วหากหวู่เฟิงเห็นช่องว่างที่จะขยับแม้แต่น้อย กองทัพนับแสนนั้นก็คงได้แต่ต้องตายไปสิ้น
แต่ว่าพวกเขานั้นตกลงกันไปก่อนหน้าแล้วว่าจะไม่ออกไปบุกด้านนอกเอง
เพราะว่าเผ่าเลือดนั้นเสียเปรียบต่อหน้าพลังของเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นี้อย่างมาก
หวู่เฟิงนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเกด้วยความกังวลสุดหัวใจ
เขานั้นย่อมจะรู้ถึงสภาพของมหานครฉีใต้ดีแก่ใจ
เขาได้แต่ต้องโทษตัวเอง!
หากมิใช่เพราะเขาอ่อนแอมหานครฉีใต้คงไม่ได้กลายสภาพเป็นนรกบนดินเช่นนี้
แต่เขานั้นก็พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว
“หากมหานครฉีใต้แตกลงแล้วเผ่าเลือดของเราก็จะบุกเข้าไปในเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ได้อย่างง่ายดาย! ถึงตอนนั้นเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์มันก็มีดีแค่ชื่อแล้ว! เลือดของพวกเจ้าเหล่าเจ้าโลกทั้งหลายนั้นจะกลายเป็นอาหารพวกเราในไม่ช้า!”
“หวู่เฟิงเจ้าคงกังวลมากสิ? เจ้าคงสิ้นหวังมากสิ? ใช่ หน้าตาแบบนั้นแหละ! ฮ่าๆๆ…”
“จงโทษความไร้พลังของตัวเองไปเถอะ! เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นมันไม่ต่างอะไรจากการที่ตั๊กแตนมันคิดจะหยุดรถม้า!”
เจ้าโลกโหยวจินนั้นกล่าวว่าออกมาเป็นชุดอย่างสะใจสุดขีด
เจ้าโลกเผ่าเลือดนั้นมันเกลียดชังเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์กันอย่างมากเป็นทุน
ตอนนี้เมื่อเห็นสถานการณ์ได้เปรียบเช่นนี้เขาย่อมจะสะใจ
จู่ๆ มันก็ปรากฏเงาเลือดหนึ่งขึ้นมาตรงหน้าของโหยวจิน
คนที่มานั้นมันคือเฉียนั้วผู้รอดมาได้อย่างเฉียดฉิว!
นี่มันคือเงาร่างที่เฉียนั้วใช้มาเพื่อส่งข่าว!
เจ้าโลกโหยวจินนั้นยิ้มกว้างขึ้นมาถาม “เฉียนั้ว เจ้าทำได้เร็วมาก! ข้าขอถามแค่อย่างเดียว กวาดล้างมหานครฉีใต้มันราบคาบหรือยัง?”
เฉียนั้วนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเกคุกเข่าตอบกลับไป “ท่านโหยวจิน เรา…เราเสียท่า!”
“หือ? จ…เจ้าว่าอะไรนะ? ไม่มีทางน่า! มหาค่ายกลป้องกันเมืองของพวกมันนั้นถูกทำลายลงไปแล้ว ต่อให้จะส่งหมูเข้าไปแสนตัวมันก็คงชนะได้แน่ๆ มีทางใดที่จะพ่ายแพ้ได้อีก? เฉียนั้วพูดล้อเล่นเช่นนี้มีโทษถึงประหารนะ!”
คำพูดของเฉียนั้วนั้นเหมือนฝ่ามือที่ตบเข้ากลางหน้าของโหยวจินจนเขานั้นแทบล้มทั้งยืน
เขาจึงไม่พอใจอย่างมาก
เมื่อเจ้าโลกพิโรธฟ้าดินมันย่อมจะเปลี่ยนสี!
อีกด้านนั้นเจ้าโลกหวู่เฟิงเองก็ได้แต่ต้องนั่งอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเช่นกัน
เรื่องเช่นนั้น…มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เฟิงเสี่ยวเถียนกลับป้องกันไว้ได้จริง?
แต่ว่ากองทัพเผ่าเลือดนั้นก็ยังไม่ผ่านเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์เข้ามาจริงๆ!
เฉียนั้วตอบกลับมาด้วยเสียงสั่น “ม…มันเป็นปัญหาที่มหาค่ายกลนี่แหละท่าน! มหาค่ายกลป้องกันเมืองพวกมันนั้นไม่มีปัญหาใดๆ เลยแต่ตัวเฟิงเสี่ยวเถียนกลับหลอกล่อเราเข้าไปและใช้พลังของค่ายกลนั้นตลบหลังพวกเราจนสิ้นท่า! มหาค่ายกลของมหานครฉีใต้นั้นมันฟื้นสภาพไปสมบูรณ์แบบในพริบตา! ก…กองทัพหนึ่งแสนของเรานั้น…ตายลงแทบหมดสิ้น!” พูดไปถึงตอนท้ายๆ นั้นเฉียนั้วก็ยิ่งเสียเบาลงเรื่อยๆ
แต่เจ้าโลกโหยวจินนั้นได้ยินชัดเจน!
กองทัพแสนนั้นถูกกวาดล้างลงเรียบ!
ปัง!
ร่างเงาส่งสารนั้นมันแตกสลายออกไปทันที
โหยวจินนั้นโกรธแค้นจนไม่อาจสรรหาคำใดมาอธิบาย!
“ฮ่าๆๆ…โหยวจิน! ข้าอ่อนแอจริง แต่สวรรค์แรกของเรานั้นมีผู้ช่วยเหลือเสมอ! กองทัพหนึ่งแสนนั้นมันถูกทำลายลงสิ้น! ครั้งนี้เจ้าคงไม่มีอะไรจะไปแก้ตัวกับทางเบื้องบนแล้วใช่ไหมเล่า? ขออภัยด้วยจริงๆ แต่ดูท่าเจ้าคงอดดื่มเลือดข้าแล้ว!”
หวู่เฟิงนั้นหัวเราะลั่นทั้งเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์
มันช่างสะใจดีจริงๆ!
กองทัพหนึ่งแสนนั้นกลับถูกกวาดล้างสิ้น!
สวรรค์แรกเราเก่งกาจขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ใช่แล้ว มันเก่งกาจจนน่ากลัว!
ชัยชนะนี้มันเป็นนิทาน!
เหลือเชื่อจนเกินไป!
สังหารเผ่าเลือดนับแสนลง มันเป็นเรื่องที่ใหญ่แค่ไหน?
ยิ่งโหยวจินคับแค้นเท่าใดหวู่เฟิงก็ยิ่งสะใจเท่านั้น
หลายวันมานี้ตัวเขาถูกถากถางอย่างรุนแรง
ขอบคุณนักมหานครฉีใต้!
ขอบคุณนักเฟิงเสี่ยวเถียน!
เพียงแค่ว่าในใจลึกๆ ของเขานั้นเองก็ยังมึนงงอย่างมากเช่นกัน
เขานั้นรู้ดีว่าเฟิงเสี่ยวเถียนเก่งกาจแค่ไหน
เด็กคนนั้นเก่งพอจะขึ้นเป็นเจ้าโลกได้แน่นอน แต่หากพูดถึงเต๋าค่ายกลแล้วเขาย่อมจะไม่รู้เรื่องใดๆ เลย
เช่นนั้นแล้วใครกัน? ใครกันที่สามารถทำเรื่องสั่นสะท้านโลกาเช่นนี้ได้?
…
“ฮ่าๆๆ…ไอ้เด็กนี่! ของขวัญชิ้นนี้มันจะใหญ่เกินไปแล้ว! สะใจจริงๆ!” ได้เห็นรายงานนั้นเจ้าโลกหยุนซานก็ต้องหัวเราะลั่นขึ้นมา
ต่ำกว่าจักรพรรดิเที่ยงลงไปไม่มีเผ่าเลือดที่รอดชีวิต!
มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์เผ่าเลือด ตายกว่าสองพัน!
มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์เผ่าเลือด ตายกว่าสี่ร้อย!
มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์เผ่าเลือด ตายไปถึงยี่สิบแปดคน!
รายงานนี้จากมหานครฉีใต้นั้นมันทำให้คนทั้งแผ่นดินแตกตื่น
เพราะแม้ว่าพวกเขานั้นจะไม่รู้สภาพของมหานครฉีใต้ในตอนนี้ แต่หยุนซานนั้นรู้ว่าเย่หยวนเดินทางไปมหานครฉีใต้
นอกจากเขาแล้วจะยังมีใครได้!
เขานั้นรู้ว่าเย่หยวนเดินทางไปมหานครฉีใต้ ตอนแรกที่เขาได้รับฟังเรื่องมาจากนิกายยาสุดล้ำนั้นเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
มหานครฉีใต้นั้นมีสภาพการณ์ที่ไม่ดีนัก เขาจึงเป็นกังวล
แต่ใครจะไปคิดว่าไม่กี่วันจากนั้นมันกลับจะเกิดข่าวดีเช่นนี้ขึ้นมา!
…………………