“ข้าสามารถตอบตกลงช่วยชีวิตน้องสาวเจ้าได้ เจ้าเล่าให้ข้าฟังก่อนว่าฝั่งเมืองคุนซานมียอดฝีมือเก่งกาจอะไรบ้าง”หลัวซิวกล่าว

เมื่อได้ยินหลัวซิวตอบตกลง ฉียู่หรงจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย มีรังสีแห่งความดีใจและแปลกใจปรากฏบนใบหน้า กลั้นใจยื่นกล่องผ้าไหมที่มีแร่ชีวิตใส่อยู่ภายในไปให้หลัวซิวพลางพูด: “เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างธาตุดาราใหญ่ทั้งสองอย่างอัมพรเทวและคุนหลุนไม่ค่อยสามัคคีกันมากเท่าไหร่นัก ฉะนั้นผู้คนในตระกูลฉีที่มาถึงโลกะดาราคุนหลุนแล้วก็ไม่กล้าทำตัวเอิกเกริกยิ่งใหญ่มากเกินไป ดังนั้นน่าจะไม่มีอาจารย์มกุฎเทพคอยปกปักรักษา”

แม้แร่ชีวิตจะล้ำค่า ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความปลอดภัยและอันตรายของน้องสาวตัวเองแล้ว ฉียู่หรงจึงทำได้เพียงข่มความไม่เต็มใจเอาไว้ในใจ

“นี่เป็นของที่เจ้าใช้เพื่อคุ้มกันชีวิต เจ้าเก็บไว้เองดีกว่า”หลัวซิวไม่ได้รับแร่ชีวิตมาแต่อย่างใด แค่ยิ้มพลางตอบกลับเช่นนี้

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมาจากปาก ฉียู่หรงก็รู้สึกตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพ นี่ก็เป็นสิ่งล้ำค่าที่สามารถคุ้มกันชีวิตได้ แต่เขากลับไม่เอาอย่างนั้นหรือ?

“ศิษย์พี่เย่ ข้า……”

“ถึงแม้จะไม่รับแร่ชีวิตของเจ้า ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างสุดกำลังสามารถ เรื่องนี้เจ้าวางใจได้เลย”หลัวซิวรู้อยู่ว่าฉียู่หรงกำลังกังวลเรื่องอะไร ดังนั้นเขาจึงแสดงลักษณะท่าทางของตัวเองออกมาโดยตรง

ฉียู่หรงเดาไม่ค่อยออกว่าหลัวซิวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ทว่าแร่ชีวิตสำคัญต่อนางมากจริง ๆ ถูกผู้คนในตระกูลฉีไล่ล่ามานานเช่นนี้ หากไม่มีแร่ชีวิตก้อนนี้ละก็ นางคงตายไปตั้งนานแล้ว

“ขอบคุณศิษย์พี่เย่ ท่านช่างเป็นคนดีคนหนึ่งเสียจริง”ฉียู่หรงก้มคำนับให้หลัวซิวด้วยความตั้งใจจริงมาก

หลัวซิวรู้สึกน่าขำในใจ เขาไม่ใช่ผู้ที่ต้องการสิ่งตอบแทนเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากผู้ที่อุปนิสัยดีเช่นนี้ไม่เหมาะกับการอยู่ในโลกของนักยุทธ์ ที่เขาไม่รับแร่ชีวิตนั้นเป็นเพราะสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์ต่อเขา ถ้าเกิดสิ่งที่ฉียู่หรงเอาออกมาคือสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวละก็ เขาไม่มีทางเกรงใจแน่นอน

แต่ทว่าในเมื่อฉียู่หรงเข้าใจผิด หลัวซิวก็ไม่ได้อธิบายอะไรเช่นกัน ในความเป็นจริงที่เขาไม่ขอผลตอบแทนอื่น ๆ กับฉียู่หรงนั้น ก็เป็นเพราะรู้อยู่ว่านางคงเอาของดี ๆ อะไรออกมาไม่ได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งรู้สึกลำบากใจ

ในส่วนของเรื่องที่ว่าเป็นศัตรูกับนักยุทธ์ในตระกูลฉีอย่างไร้เหตุผลที่มานั้น หลัวซิวกลับไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร เนื่องจากสถานที่ที่มีคนก็ต้องมียุทธจักร สถานที่ที่มียุทธจักรก็จะมีบุญคุณความแค้น

ทั้งสองลอยตัวขึ้นฟ้า ในระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังเมืองคุนซาน แสงกลหนึ่งแสงก็บินตรงเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ๆ

ภายในแสงกลดังกล่าวคือชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีทองคนหนึ่ง มาถึงตรงหน้าหลัวซิวและฉียู่หรงภายในชั่วพริบตาเดียว สีหน้าดูหม่นหมองน่ากลัว

ภายในแววตาของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร จ้องเขม็งหลัวซิว “มึงเป็นคนฆ่าเตียหลงหรือ?”

ตัวตนของฉีเตียหลงคือผู้สืบทอดนายท่านคนต่อไปของตระกูลฉีในโลกะอัมพรเทว เมื่ออยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง ตัวตนเช่นนี้ก็เท่ากับระดับเทพบุตร เรียกว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งก็ไม่เกินเลย

เพราะฉะนั้นบนตัวฉีเตียหลงจึงมีตราประทับพิเศษของตระกูลฉี ทันทีที่เขาดับสลายสูญสิ้น ตระกูลฉีก็จะทราบในทันที

ในฐานะที่เป็นกองกำลังใหญ่ระดับมกุฎเทพที่มีไม่มากในโลกะอัมพรเทว ตัวตนของฉีเตียหลงจึงละเอียดอ่อนมาก ๆ โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีผู้อาวุโสระดับมกุฎเทพลงมือต่อเขา ในส่วนของผู้ที่อยู่ต่ำกว่ามกุฎเทพนั้น อาศัยศักยภาพของฉีเตียหลง ส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่มีผู้ใดสามารถสังหารเขาได้เลย

แต่ทว่าการฝึกฝนในดาราแห่งกาลเวลาเพิ่งจบลง ฉีเตียหลงก็เสียชีวิตเลย สำหรับตระกูลฉีแล้ว ความตายของผู้สืบทอดนายท่านเป็นการกระทบกระเทือนที่ไม่เบาเลย อย่างไรเสียเพื่อเป็นการบ่มเพาะผู้สืบทอดคนหนึ่ง ต้องสูญเสียทรัพยากรและกำลังกายกำลังสมองไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ และสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือการที่ผู้สืบทอดถูกสังหาร มันเป็นการยั่วยุความเกรียงไกรของตระกูลฉี!