ในตอนที่เซียวชูหรันอ้าปากค้าง และไม่รู้จะตอบยังไงดี
เซียวฉางควนที่อยู่ที่นั่งด้านหน้า พูดเสียงเครือด้วยใบหน้าเสียใจพร้อมทั้งน้ำตาอาบแก้มว่า “ตอนนั้น พ่อกับแม่หนูไม่รักกันเลย พูดอย่างมีศีลธรรมนะ ก่อนคืนนั้นที่เมาเหล้า พ่อแทบจะไม่เคยคุยอะไรกับเธอเลย หนูเองก็น่าจะดูออกว่า คุณน้าหานน่ะดีกว่าแม่หนูทุกด้าน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น ก็ไม่มีทางยอมทิ้งคุณน้าหานแล้วมาเลือกเธอ ตอนนั้นพ่อโดนบังคับทั้งนั้นเลย!”
ระหว่างพูด เซียวฉางควนมองนอกหน้าต่างอย่างเศร้าสร้อย พูดอย่างทุกข์ทรมานว่า “ตอนนั้นพ่อวางแผนชีวิตหลังเรียนจบกับคุณน้าหานไว้แล้ว พวกเราจะไปทำงานที่อเมริกาด้วยกันหลังเรียนจบ หนูน่าจะรู้ว่า สมัยนั้นน่ะฮิตเรื่องไปเรียนต่อเมืองนอก ทุกคนต่างหาทางให้ได้ไป ตอนนั้นพวกเราคิดว่า ถ้าไปทำงานที่อเมริกาได้ดี งั้นเราจะแต่งงานใช้ชีวิตที่นั่น แล้วก็หาทางให้ได้กรีนการ์ด แผนการชีวิตในอนาคตน่ะชัดเจนมากแล้ว เรียกได้ว่าสว่างไสวมาก…”
“แต่ผลลัพธ์ล่ะ? เพราะพ่อดื่มเหล้ามากไปในงานเลี้ยง แม่หนูเลยได้ช่อง บีบให้คุณน้าหานจากไป ทำลายความสุขของชีวิตพ่อ ทำลายแผนการชีวิตพ่อทั้งหมด!”
“ทำไมหลายปีมานี้พ่อไม่ขยันทำงาน ใช้ชีวิตไปวันๆ? รับคำสั่งอืออออยู่บ้านตั้งแต่เช้ายันค่ำ ดูไม่ออกเลยว่าเคยเป็นคนที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยมีชื่อ? ยังไม่ใช่เป็นเพราะว่า ตอนนั้นแม่หนูทำลายชีวิตพ่อ ทำให้พ่อสูญเสียความหวังและทิศทางพยายามต่อไป!”
พูดจบพวกนี้ เซียวฉางควนเก็บความรู้สึกไม่ไหวอีกต่อไป เขาแหกปากร้องว่า “ชีวิตคนเรามีแค่ครั้งเดียว โดนทำลายแล้วก็ไม่มีทางชดเชยได้อีก หนูล่ะ? หนูเห็นแค่แม่หนูไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่หนูเคยคิดไหมว่า ยี่สิบกว่าปีมานี้ พ่ออยู่มาได้ยังไง? พ่อรู้สึกยังไง?”
เซียวชูหรันเองก็พูดไม่ออก
เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่า หลายปีมานี้พ่อต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้
จนถึงกระทั่ง แผนการชีวิตที่วางแผนไว้ก่อนแล้ว เพราะแม่เป็นมือที่สามเข้ามาแทรก กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แทบจะเรียกว่าพลิกแผ่นดินเลยทีเดียว
ที่แท้ พ่อน่าจะไปอเมริกาทำงาน แต่งงานกับคุณน้าหาน กลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงของสังคม
แต่ต่อมา หลังจากพ่อแต่งงานกับแม่ กลายเป็นขยะในสายตาคุณย่า เป็นคนด้อยที่โงหัวไม่ขึ้น
ต่อมาพ่อก็เลยปล่อยวางการต่อต้าน ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่อยากพัฒนาเอง แต่สาเหตุหลักเกิดจากแม่เป็นมือที่สามเข้ามาแทรกนี่เอง
พูดอย่างเป็นกลาง แม่ทำลายชีวิตพ่อทั้งชีวิต
ทำให้เขาจากที่เป็นนักศึกษาอนาคตไกลกลายเป็นคนแก่วัยชราไม่มีอะไรทำ
ยี่สิบกว่าปีมานี้ พ่อต้องทุกข์ทรมานมากแน่ แต่คำพูดพวกนี้กลับไม่เคยพูดกับตนเลยสักครั้ง
แถมนิสัยแม่ยังแรงขนาดนี้ อีกทั้งเป็นตัวการของเรื่องทั้งหมด พ่อไม่มีทางพูดกับเธอแน่ ดังนั้นในบ้านนี้พ่อเท่ากับว่าไม่มีใครที่สามารถพูดคุยปรึกษาได้เลย แล้วความคับข้องใจพวกนี้เขาน่าจะอดกลั้นอยู่ในตัวมานานยี่สิบกว่าปีเต็ม!
พอคิดถึงจุดนี้ เธอเองก็อดรู้สึกเสียใจแทนพ่อไม่ได้
ดังนั้นเธอปลอบโยนพ่อเสียงเครือว่า “พ่อคะ อย่าร้องไห้เลย หนูไม่ดีเอง ไม่รู้เรื่องราวเป็นยังไง ก็กล่าวโทษพ่อ ขอโทษค่ะ…”
เซียวฉางควนขยี้ตา ถอนหายใจยาวออกมา “เฮ้อ…พ่อไม่ได้อยากให้หนูขอโทษพ่อ พ่อแค่หวังจะได้ความเข้าใจจากหนู”
เซียวชูหรันพยักหน้าเบาๆ ถอนหายใจว่า “ต่อไปเรื่องของพ่อ หนูจะไม่ก้าวก่ายอีก แค่หวังว่าพ่อจะจัดการเรื่องความสัมพันธ์พวกนี้ให้ดี”
สำหรับเซียวชูหรันในตอนนี้ เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว ไม่สามารถห้ามปรามพ่อไม่ให้คบหากับหานเหม่ยฉิง แต่เธอเป็นลูกสาวแท้ๆของหม่าหลัน ด้วยความเคารพที่มีต่อแม่และความสัมพันธ์ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกแล้ว เธอไม่สามารถสนับสนุนพ่อให้จีบหานเหม่ยฉิงได้อีก
ดังนั้นเธอรู้สึกว่า สิ่งเดียวที่ตนทำได้ คือไม่ก้าวก่ายเรื่องพ่อกับแม่อีก