ตอนที่ 2872 สมัคร

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 2872 สมัคร
“หึๆ เย่หยวน เจ้านี่มันช่างมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำดีจริง! เราเดินผ่านหน้าคนอย่างไม่ปิดบังอะไรเช่นนี้แต่มันก็ไม่มีใครจับเราได้เลย!”

เย่หยวนได้แต่ต้องเหลือกตากลับมามองหยางชิง “นี่ เจ้าทำตัวให้มันไม่น่าสงสัยหน่อยจะไม่ได้หรือ? เจ้าคิดบ้างไหมว่ามันอาจจะมีมหาจักรพรรดิดักฟังเราอยู่?”

หยางชิงกล่าวตอบกลับไปอย่างไม่คิดสนใจ “แค่มหาจักรพรรดิมันจะอะไรมากมาย?! อีกไม่นานข้าก็จะเอาชนะพวกมันได้สิ้นแล้ว!”

เย่หยวนได้แต่ต้องยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยิน “เก่งปานนั้น? หากเจ้าเก่งกาจได้ปานนั้นก็คงไม่ต้องให้ข้าช่วยหลอมโอสถชีวามหาจักรพรรดิให้แล้ว”

เมื่อหยางชิงได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องรีบกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเกทันที “ข้านั้นเก่งกาจแต่มันก็เก่งได้เพราะว่าอาจารย์เย่มิใช่หรือ? วันหน้าเมื่อข้าขึ้นเป็นเจ้าโลกได้เมื่อไหร่แล้วเจ้าก็จะถือเป็นบิดาของมหาจักรพรรดิกันทีเดียว!”

“หุบปาก!”

“อ่า!”

‘เฮอะ!’

‘อวดดีไปก่อนเถอะ!’

‘หลังจากข้า หยางชิงได้ขึ้นไปถึงระดับเจ้าโลกแล้วข้าจะกลับมาสั่งสอนเจ้า!’

ระหว่างที่อัศวินดำกำลังวางแผนการสังหารเย่หยวนนั้น ตัวเย่หยวนและหยางชิงก็ได้ออกเดินทางมาจากเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์และมาถึงเมืองของเผ่าเลือดเป็นที่เรียบร้อย

โอสถเลียนเลือดนั้นมันคือโอสถสวรรค์ระดับจักรพรรดิ หยางชิงที่ยังไม่บรรลุมหาจักรพรรดิย่อมจะยังใช้มันได้ไม่เป็นปัญหา

คนทั้งสองนั้นเดินผ่านหน้าเผ่าเลือดมากมายเข้ามาอย่างไม่มีใครคิดสงสัยใดๆ

แน่นอนว่าเผ่าเลือดเองมันก็คงไม่มีใครคิดฝันว่าจะมีคนนอกแปลงตัวให้กลายเป็นเผ่าเลือดได้เช่นนี้

เมืองนี้มันมีนามว่าเมืองข่ายยักษ์เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของเผ่าเลือดบนทวีปสวรรค์แรก

เย่หยวนนั้นได้รับข่าวมาหลังจากออกเดินทางไม่นานว่าศึกคัดเลือกบุตรชุดใหม่มันจะถูกจัดขึ้นที่นี่

เผ่าเลือดนั้นย่อมจะมีการคัดเลือกร้อยบุตรจักรพรรดิเซียนและร้อยบุตรจักรพรรดิเที่ยงขึ้นมาใหม่เป็นรอบๆ ทุกสิบปี

จากนั้นเผ่าเลือดที่เก่งกาจที่สุดสองร้อยคนก็จะถูกส่งไปยังวิหารโลหิตเทวะเพื่อเลี้ยงดูอย่างดี หากคิดอยากเข้าไปสืบเรื่องราวของเผ่าเลือดนั้นมันย่อมจะไม่มีที่ไหนดีไปกว่าวิหารโลหิตเทวะอีกแล้ว

แต่ว่าเผ่าเลือดนั้นก็ครอบครองพื้นที่ไปกว่าสองในสามของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดแล้ว ย่อมหมายความว่าสมาชิกเผ่าเลือดนั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล

ตอนที่พวกเย่หยวนออกมาจากเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นพวกเขาเองก็ต้องผงะไปเช่นกัน เพราะว่าจำนวนของเผ่าเลือดนั้นมันมีมากมายจนเกินกว่าที่คิดคาด!

เมืองแต่ละเมืองของมันนี้ใหญ่โตกว่าเมืองในสวรรค์แรกไปสามถึงสี่เท่าทีเดียว!

มันมิใช่ว่าเผ่าเลือดชอบทำอะไรใหญ่โตเกินจริงแต่หากไม่ทำเมืองใหญ่ขนาดนั้นแล้วมันก็ไม่อาจจะรองรับผู้คน ได้เลย

เผ่าเลือดนั้นขยายพันธุ์ด้วยการแตกตัว มันย่อมจะมีความเร็วที่มากล้นกว่าเผ่าอื่นใด

พวกเย่หยวนนั้นประเมินว่าต่อให้จะเอาคนของทั้งทวีปสวรรค์แรกมารวมกันมันก็คงไม่มีทางถึงหนึ่งในสิบของประชากรเผ่าเลือดแน่!

ประชากรมากมายขนาดนั้นต่อให้จะเป็นเผ่าที่ไร้พรสวรรค์แค่ไหนมันก็ต้องให้กำเนิดยอดฝีมือขึ้นมาได้มากมายแน่นอน

เผ่าเลือดนั้นมีสองเมืองระดับมหาจักรพรรดิบนทวีปสวรรค์แรกและเมืองข่ายยักษ์นี้ก็เป็นหนึ่งในสองเมืองนั้น

เมืองข่ายยักษ์นั้นจะเลือกยี่สิบคนที่เก่งกาจที่สุดส่งไปยังเมืองมหาจักรพรรดิเลือดสวรรค์สัมบูรณ์บนทวีปสายฟ้าคำรามเพื่อทำการคัดเลือกร้อยบุตรในรอบตัดสิน

พวกเย่หยวนย่อมจะหมายตาเรื่องนี้ไว้

สถานที่รายงานตัวนั้นมันคือสนามกว้างของเมือง

ที่แห่งนี้มันเป็นสนามใหญ่ที่ดูท่าคงสามารถรองรับคนได้มากกว่าแสนคน!

และตอนนี้ทุกหนแห่งมีแต่ผู้คนเต็มไปหมด

การคัดเลือกร้อยบุตรแต่ละครั้งของเผ่าเลือดนั้นมันนับได้ว่าเป็นงานเทศกาลใหญ่ของเผ่าเลือด ทุกคนต่างจับตามองด้วยความสนใจ

เพราะฉะนั้นค่าตั๋วเข้าชมการคัดเลือกมันจึงมีราคาสูงลิ่ว

แล้วถามว่ามียอดฝีมือมากแค่ไหนในการคัดเลือกของเมืองข่ายยักษ์?

แปดล้านจักรพรรดิเซียน!

หนึ่งล้านจักรพรรดิเที่ยง!

จำนวนนี้มันอาจจะดูมากแต่แท้จริงแล้วมันก็ไม่ได้เกินไป

เพราะว่าการแข่งขันนี้ไม่มีเงื่อนไข ใครๆ ก็เข้าร่วมได้

และประชากรเผ่าเลือดในเมืองระดับมหาจักรพรรดินั้นมันก็มีมากกว่าสิบๆ ล้านคน!

แล้วถามว่ามันจะมีจักรพรรดิเซียนแค่แปดล้านคน?

เพราะฉะนั้นเหล่าคนที่กล้าจะลงแข่งนั้นต่างต้องมีความมั่นใจในฝีมือของตัวเองไม่น้อย

เพราะการแข่งขันนี้มันเป็นอะไรที่โหดร้ายเป็นทุนเดิม

จักรพรรดิเซียนที่ขึ้นไปถึงระดับร้อยบุตรได้นั้นเดิมทีแล้วมันก็เป็นแค่คนไม่มีชื่อ แต่สุดท้ายก็ได้สร้างชื่อไต่เต้าขึ้นมาด้วยวิธีการเช่นนี้!

คนที่ทำเช่นนั้นได้มันย่อมจะไม่ได้มีแค่คนหรือสองคน

แน่นอนว่าจำนวนนี้หากมองด้วยสายตาของคนทวีปสวรรค์แรกมันคงเป็นอะไรที่สุดแสนน่ากลัว!

จักรพรรดิเซียนแปดล้านคนนั้นมันเป็นแค่ประชากรจากเมืองระดับมหาจักรพรรดิเมืองเดียว

และบนทวีปสวรรค์แรกนี้มันมีเมืองระดับมหาจักรพรรดิอยู่ทั้งสิ้นสิบเมือง แล้วต้องถามถึงอีกสองทวีปหรือไม่?

เพราะอีกสองทวีปนั้นมันอยู่ใต้การปกครองของเผ่าเลือดจนสิ้นเชิง!

“สกุลและชื่อ!”

“เฉียชิง”

จักรพรรดิเซียนที่ทำหน้าที่รับสมัครนั้นเขียนแผ่นไม้และยื่นให้หยางชิง

“สกุลและชื่อ!”

“เฉียชิง!” เย่หยวนกล่าวขึ้น

คนรับสมัครนั้นต้องเงยหน้าขึ้นมาถามย้ำ “เจ้าเองก็นามว่าเฉียชิง?”

เย่หยวนถามกลับไป “มันมีปัญหาใดหรือ?”

คนรับสมัครนั้นส่ายหัวตอบ “ไม่มีอะไรหรอก”

พูดจบเขาก็เขียนป้ายไม้มอบให้เย่หยวนไป

เผ่าเลือดนั้นมีคนมากมายใช้สกุลเฉียที่หมายถึงเลือด แน่นอนว่าคนที่ชื่อว่าเฉียชิงเองมันก็คงมีไม่น้อย

เพียงแค่ว่ามันกลับมีคนชื่อเฉียชิงสองคนมาสมัครพร้อมๆ กันเขาจึงอดผงะไม่ได้

หนึ่งนั้นเป็นจักรพรรดิเที่ยง อีกหนึ่งนั้นเป็นจักรพรรดิเซียน

ที่สำคัญดูท่าคนทั้งสองจะสนิทกันไม่น้อย

หยางชิงมองหน้าเย่หยวนด้วยความคับแค้นใจคิดอยากจะฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้น

เพราะเจ้าบ้านี่กลับเลือกใช้ชื่อเดียวกับเขา!

ก่อนหน้านี้เขาไม่พอใจด่าว่าเย่หยวนออกไปชุดใหญ่แต่แน่นอนว่าสุดท้ายเย่หยวนก็เถียงชนะไป

เย่หยวนนั้นคือนักบุญฟ้าครามตอนอยู่บนมหาพิภพถงเทียน แน่นอนว่าตอนนี้หากจะให้เลือกชื่อแล้วมันก็ต้องมีคำว่าชิงที่แปลว่าครามอยู่ด้วย

ส่วนหยางชิงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะว่าชื่อของเขานั้นมีคำว่าชิงอยู่แล้ว จึงเลือกเฉียชิงขึ้นมา

เพราะเหตุนี้สองเฉียชิงจึงได้เข้าสมัครแข่งขัน

หยางชิงมองหน้าเย่หยวนด้วยความคับแค้น “ไอ้เวร อย่าได้พลาดสิบอันดับแรกไปเล่า เจ้าจะทำให้เฉียชิงนี้เสียชื่อ!”

เย่หยวนตอบกลับไป “คนที่ควรกังวลมันควรเป็นเจ้ามากกว่ามั้ง? หากเจ้าเอาตำแหน่งมาไม่ได้ก็ไสหัวกลับบ้านไปเลย!”

หยางชิงยิ้มตอบกลับไป “น่าขันสิ้นดี! หากข้าไม่ได้ที่หนึ่งแล้วข้าจะยอมปลิดชีพตัวเองให้เจ้าดู!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “น่าเสียดายที่มันแบ่งเส้นทางออกเป็นสิบเส้น ไม่เช่นนั้นแล้วทั้งสิบตำแหน่งนั้นข้าจะกวาดมาให้เรียบเอง”

เมื่อโม้สู้ไม่ได้หยางชิงก็ได้แต่ต้องกล่าวขึ้นลอกเลียน “ข้าก็ทำได้หรอก!”

คนทั้งสองนั้นกล่าวพูดจาทับถมกันอย่างไม่คิดสนใจคนรอบข้าง แน่นอนว่ามันย่อมจะทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นรอบทิศ

พวกมันนี้…จะโอหังจนเกินไปแล้ว!

นี่ไม่เห็นหัวคนอื่นอยู่ในสายตาเลยหรือ?

“ฮ่าๆ ช่างเป็นคำพูดที่สูงส่งดีแท้! แค่จักรพรรดิเที่ยงขั้นสุดกับจักรพรรดิเซียนขั้นปลายคนหนึ่ง พวกเจ้าพูดโม้ออกมานี้ไม่กลัวว่าจะกัดลิ้นตัวเองบ้างหรือ?” เสียงเย้ยหยันหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง

เย่หยวนหันหน้ากลับไปดู “พูดโม้? แค่ขยะอย่างเจ้านี้ข้าก็ต้องมาโม้ให้ฟัง? จะหลงตัวเองไปแล้ว!”

ใครกันแน่ที่มันหลงตัวเอง?

คนผู้นั้นยิ้มตอบกลับไป “ขยะ? ฮ่าๆ ข้ายังไม่เคยเจอใครที่มันกล้าพูดเช่นนี้กับข้ามาก่อนเลย! เจ้าคงไม่รู้สินะว่าข้านั้นคือใคร?”

เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “ไม่สนใจจะรู้เพราะมันไม่มีค่าใด”

“ฮ่าๆ ไอ้โง่เง่าโอหังเอ๊ย ไม่รู้จักแม้แต่พี่เฉียวหยาง! มันยังมีหน้ามาท้าทายตำแหน่งร้อยบุตรอีกหรือ?!”

“สงสัยจริงๆ ว่าไอ้เด็กบ้านนอกนี่มันมาจากที่ไหนถึงคิดว่ามันจะเป็นอันดับหนึ่งได้หลังจากมาถึงเมืองข่ายยักษ์นี้!”

“ฮ่าๆๆ น่าขัน! สิ่งที่มันพูดออกมานั้นข้าว่าแม้แต่พี่เฉียวหยางเองก็ยังไม่กล้าพูดเลย มันช่างโง่เง่าจนน่าสงสารแท้!”

“ไม่เป็นไรๆ หลังจากเข้าเส้นทางไปมันก็จะไม่รู้เอง!”

เสียงหัวเราะเย้ยหยันนั้นมันดังมาจากทั่วด้าน

เพราะแม้ว่าผู้ลงแข่งนั้นมันจะมีจักรพรรดิเซียนถึงแปดล้านคนแต่มันก็ย่อมจะมีคนที่ดังกว่าใครๆ อยู่บ้าง

อย่างเช่นเฉียวหยางนี้

ในเมืองข่ายยักษ์นั้นเขาเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสามยอดฝีมือของระดับจักรพรรดิเซียน เก่งพอจะแย่งชิงตำแหน่งวันนี้มาได้แน่นอน

แท้จริงแล้วสิบตำแหน่งแรกนั้นมันก็คงไม่พ้นมือคนแค่ยี่สิบสามสิบคนเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าไปแย่งชิงกัน

หรือต่อให้จะมีม้ามืดมามันก็คงไม่มีทางเป็นจักรพรรดิเซียนขั้นปลายคนหนึ่งไปได้

…………………………