สัมผัสได้ว่าพลังอำนาจมกุฎเทพของตนถูกทำให้สลายหายไปแล้ว แววตาของฉีเฉียวซานก็ดูหวาดหวั่นขึ้นมาเช่นกัน สายตาจับจ้องไปทางหลัวซิว ราวกับว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังอำนาจมกุฎเทพของตนตั้งแต่แรก

สามารถสัมผัสได้ชัดเจนเลยว่าคลื่นออร่าผลการฝึกตนที่อยู่บนร่างเขาคือราชาเทพช่วงกลาง ท่าทางน่าจะอยู่ที่ราชาเทพขั้น 4 ราชาเทพชขั้น 4 คนหนึ่งสามารถมองข้ามพลังอำนาจของมกุฎเทพ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?

หลัวซิวไม่เกรงกลัวการสบตากับฉีเฉียวซานเลยแม้ได้น้อย จิตจะสู้ซัดสาดอยู่ในใจ

ตั้งแต่ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงราชาเทพเป็นต้นมา เขาก็เป็นผู้ไร้เทียมทานในแดนที่ต่ำกว่ามกุฎเทพแล้ว และแดนมกุฎเทพก็คือร่องน้ำที่ทอดยาวระหว่างเทือกเขาข้างหน้า เป็นร่องน้ำที่เขาไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ตลอดมา

และฉีเฉียวซานอยู่ตรงหน้านี้คือมกุฎเทพขั้น 1 หลัวซิวรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีพลังที่สามารถข่มตนได้แต่อย่างใด เขาอยากทราบมาก ๆ ว่าปัจจุบันตนเองสามารถต่อสู้กับมกุฎเทพได้หรือยัง

ฉีเฉียวซานสัมผัสได้ถึงจิตจะสู้และจิตสังหารบนตัวหลัวซิว ชุดคลุมยาวสีทองทั้งร่างโบกสะบัดไปพร้อมกับสายลม พลังอำนาจมกุฎเทพกลายเป็นจิตสังหาร ทำให้ปริภูมิบริเวณรอบ ๆ ล้วนบิดเบี้ยวไปภายใต้ผลกระทบจากพลังออร่าของเขา

ณ เสี้ยววินาทีนี้ ฉียู่หรงรู้สึกว่าราวกับร่างกายตัวเองกำลังจะถูกฉีกกระชากยังไงอย่างนั้น จิตสังหารของผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพน่าสยดสยองมากเกินไป

ภายใต้การถูกจิตสังหารเช่นนี้แผ่คลุม ฉียู่หรงถึงกลับไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิ้วเดียว ราวกับขอแค่เพียงฉีเฉียวซานใช้จิตนึกคิด ก็สามารถฆ่านางได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากแล้ว มาตรแม้นว่านางจะมีแร่ชีวิตอยู่ในมือก็ไม่มีประโยชน์

ซึ่งนี่ก็คือระยะความต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างราชาเทพและมกุฎเทพ

หลัวซิวยกมือขึ้นมาโบกหนึ่งที ชี่จิ้งหนึ่งจึงผลักร่างฉียู่หรงไปข้างหลังตนเอง เขากำลังยืนเผชิญหน้ากับมกุฎเทพพร้อมกับชุดคลุมยาวสีขาวดำที่โบกสะบัดไปพร้อมกับสายลมคนเดียว

“สามารถสังหารเตียหลง แสดงให้เห็นว่ามึงก็เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเช่นกัน ทว่าขอแค่เพียงมึงยังไม่ใช่มกุฎเทพ ก็ไม่มีสิทธิ์มาเผชิญหน้ากับกู”ฉีเฉียวซานพูดด้วยสีหน้าท่าทางที่เย็นเยือก

“กูก็อยากลองดูมาก ๆ เช่นกัน”

หลัวซิวเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง ก่อนจะย่างเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า ภายใต้การโคจรกฎปริภูมิ เขาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าฉีเฉียวซานในทันที แล้วปล่อยหมัดออกไปจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น

ร่างยุทธ์ร่างเนื้อใกล้จะปะทุ พลานุภาพของการโจมตีในครั้งนี้ปะทุออกมาจนครอบคลุมเต็มผืนฟ้าและแผ่นดิน

“ไม่ประมาณตน”

ฉีเฉียวซานแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น ง้างมือขึ้นมาปล่อยฝ่ามือหนึ่งออกไป พลังฝ่ามือบดบังท้องฟ้า ปะทะเข้ากับกำปั้นของหลัวซิว

ตู้ม!

ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น เหมือนดั่งทหารนับล้านพุ่งชนและเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน เสียงที่รุนแรงและมีอำนาจดังก้องกังวานจนปริภูมิแตกสลาย

ร่างกายหลัวซิวสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ก้าวถอยหลังกลับไปครึ่งก้าว ห้วงดารายุทธ์วิวัฒนาการอยู่ด้านหลัง ดาราดวงใหญ่หมุนเวียนพลางลอยขึ้น ๆ ลง ๆ

“นี่คือพลังของผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพหรือ?”

รูม่านตาของหลัวซิวหดลง การโจมตีในเมื่อครู่นี้ เขาใช้กำลังแรงทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างยุทธ์ร่างเนื้อออกมาแล้ว พร้อมกับการเพิ่มเสริมจากพลังดาราทั้ง 28 จุดรวมไปถึงยันต์ค่าย 99 ยันต์

อย่างไรก็ตามการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้กลับเทียบฝ่ายตรงข้ามไม่ติดหนึ่งระดับ มิน่าล่ะช่องกว้างระหว่างราชาเทพและมกุฎเทพถึงข้ามผ่านไปได้ยากเช่นนี้

“หากผลการฝึกตนของข้าบรรลุถึงแดนราชาเทพ ก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านช่องกว้างระหว่างแดนใหญ่นี้ไปได้อย่างง่ายดาย”หลัวซิวขมวดคิ้วลง สุดท้ายแล้วผลการฝึกตนของตัวเองก็ต่ำเกินไปอยู่ดี

“หมื่นจักรวาลไร้รูป!”

หลัวซิวปลดปล่อยพลังอมตะออกมา พลังอมตะอย่างหมื่นจักรวาลไร้รูปสามารถวิวัฒนาการสรรพวิชาออกมาได้ มือใหญ่ข้างหนึ่งทำให้ท้องฟ้าที่ครอบพื้นปฐพีแตกเป็นจุณ มีพลังเทพปริภูมิทำลายล้างสรรพสิ่งซ่อนแฝงอยู่ อำนาจบารมีสูงเทียมฟ้า

โครม! โครม! โครม! ……

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นที่ดังสนั่นหูดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ผลการฝึกตนมกุฎเทพของฉีเฉียวซานยึดกุมกฎดั้งเดิมขั้น 6 ลมโหมดพัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งอยู่ระหว่างฟ้าดิน ร่างกายเขาและกฎธาตุลมก็ผสมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว คมลมสีเขียวทั้งหลายฉีกกระชากสรรพสิ่ง มาตรแม้นว่าหลัวซิวจะโคจรกฎปริภูมิก็ต้านทานไม่อยู่

กฎชั้นยอดเป็นเจ้าถิ่นที่มีอิทธิพลก็ต่อเมื่ออยู่ในแดนเดียวกัน ทว่าหากระดับของกฎทั่วไปสูงกว่าระดับของกฎชั้นยอดละก็ กฎทั่วไปก็สามารถกดอัดกฎชั้นยอดได้เช่นกัน