หลินสวินหนีแล้ว!

ไม่ว่าใครต่างคิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หลินสวินจะยังมีโอกาสหนีรอดออกไปได้ นี่ทำให้คนไม่อาจยอมรับได้

“บัดซบ!”

เถาเจี้ยนสิงสีหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาแดงก่ำ

ด้วยความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของพวกเขา เดิมทีร่วมมือกันจัดการหลินสวินคนเดียวก็เห็นได้ชัดว่าน่าขายหน้ายิ่ง หากแพร่กระจายออกไปจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของพวกเขา

ตอนนี้กลับดีนัก ขนาดร่วมมือกันยังไม่สามารถเอาหลินสวินอยู่ นี่ช่างอับอายขายขี้หน้าครั้งใหญ่ชัดๆ!

คนอื่นๆ สีหน้าก็ไม่น่าดูเช่นกัน

เมื่อใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน ในการต่อสู้ครั้งนี้หลินสวินดูเหมือนจะหนีไป แต่ความจริงเขาคือผู้ชนะที่สุด

เริ่มจากฉกชิงไอมรรคหลอมสมบัติที่วิวัฒน์เป็นบทประพันธ์มหามรรค แล้วยังสำแดงอานุภาพภายใต้การปิดล้อมของเหล่าผู้กล้า สังหารลู่อ๋างทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่านักรบกิเลนโลหิต

หากไม่ใช่เพราะในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานมีบุคคลปริศนาน่ากลัวอย่างซาหลิวชิงยื่นมือเข้ามาแทรก การปิดล้อมโจมตีก่อนหน้านี้ก็เกือบถูกเขาพลิกสถานการณ์ไปได้!

“ปล่อยคนร้ายกาจเช่นนี้หนีรอดไปได้ ภายหน้าจะต้องกลายเป็นหายนะใหญ่แน่นอน…”

มีคนทอดถอนใจ ในใจอัดอั้น

หากเปลี่ยนเป็นพวกร้ายกาจอื่นๆ ในทางเดินโบราณฟ้าดารา ยามประจันหน้าและเข่นฆ่า บางทีในใจอาจเกิดความหวาดกลัวและยำเกรง

แต่หลินสวินไม่เป็นเช่นนั้น!

เยี่ยนฉุนจวินแห่งเรือนมรรคจักรวาล ลู่อ๋างแห่งเผ่านักรบกิเลนโลหิต… แต่ละคนล้วนมีที่มาและภูมิหลังน่ากลัวถึงขีดสุด บนทางเดินโบราณฟ้าดาราใครจะกล้าล่วงเกินง่ายๆ

แต่พวกเขาล้วนถูกหลินสวินฆ่าอย่างไม่เกรงใจสักนิด!

นี่สามารถทำให้ใครก็ตามใจสะท้านและหวาดกลัว

“เฮอะ พวกเจ้าคิดว่าเขายังจะรอดชีวิตออกจากแหล่งสถานคุนหลุนได้อยู่อีกหรือ ”

ซาหลิวชิงทิ้งท้ายประโยคนี้ ก่อนเงาร่างจะกลายเป็นพยับหมอกคลุมเครืออันตรธานหายไป

คนไม่น้อยอึ้งไป จากนั้นก็เกิดการตอบสนองขึ้นมา

ก็จริง พลังที่หลินสวินสำแดงออกมาอาจสามารถทำให้ใครก็ตามหวาดหวั่น แต่ขณะเดียวกันเขาเองก็ถูกผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่หมายหัว!

บางคนเพื่อแย่งชิงสมบัติ บางคนก็เพื่อแก้แค้น ในแหล่งสถานคุนหลุนที่อันตรายสุดหยั่งนี้ เขาหลินสวินคิดอยากรอดชีวิตยังยาก!

เหวินฉิงเสวี่ยครุ่นคิดเงียบๆ เพียงลำพังก่อนหันกายจากไป

นางเงาร่างแช่มช้อย บุคลิกดุจเซียน ตั้งแต่ต้นจนจบเห็นชัดว่าเยือกเย็นยิ่ง แต่ส่วนลึกภายในใจ นางกลับรู้ชัดว่าตนผูกแค้นกับหลินสวินอย่างสิ้นเชิงแล้ว!

แต่นางไม่ใส่ใจนัก หลินสวินมีไพ่ตาย นาง… มีหรือเลยจะไม่มี

ผู้แข็งแกร่งมากมายทยอยจากไป

“ดันปล่อยเขาหนีไปเสียได้…”

ในใจจีเฉียนผิดหวังหดหู่ไม่หาย

“ขอเพียงอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุน ภายหน้ายังมีโอกาสอีก”

ข้างๆ กันเมิ่งอี้ที่สุภาพหล่อเหลายิ้มน้อยๆ สีหน้าราบเรียบ “ข้ากลับแปลกใจมากกว่า ว่าผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่ไม่เคยปรากฏมานานแล้ว ถึงกับมาอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุนแห่งนี้ ซ้ำยังหมายหัวหลินสวินนี่ด้วย…”

สำนักโบราณจรัสเทพ!

จีเฉียนและเจียงเหิงต่างใจสั่นสะท้าน

บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ผู้ที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วหล้ามากที่สุดย่อมเป็นหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่

แต่ในมุมมืดที่คนทั่วหล้ามองไม่เห็น ยังมีขุมอำนาจเร้นลับที่น่าสะพรึงสุดขีดจำนวนหนึ่งด้วย

อย่างเช่นสำนักโบราณจรัสเทพก็เป็นหนึ่งในนั้น

นี่เป็นขุมอำนาจเก่าแก่ที่สัญจรอยู่ในความมืด และเป็นกลุ่มนักฆ่าที่สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนได้ยินชื่อก็ขวัญผวา!

คนในโลกหล้าบางทีอาจรู้จักชื่อของสำนักโบราณจรัสเทพน้อยนัก ทว่าขอแค่เอ่ยถึงชื่อ ‘ทูตเทพพยากรณ์’ กลับไม่มีใครไม่รู้จัก

รับบัญชาแห่งทวยเทพ ทำงานประเภทเข่นฆ่า ขนานนามว่า ‘ทูตเทพพยากรณ์’!

ในยุคบรรพกาลแสนปีก่อน ชื่อของทูตเทพพยากรณ์เรียกได้ว่าเจิดจ้าในฟ้าดารา บารมีสะท้านทั่วทิศ น่ากลัวถึงขีดสุด

ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนใดที่ถูกพวกเขาหมายหัว ไม่ว่าจะมีสถานะอะไร มีปราณระดับไหน ล้วนไม่สามารถหนีจากการสังหารของพวกเขาได้

ในคำเล่าลือ เคยมีทูตเทพพยากรณ์ออกเดินทางสังหารพวกระดับจักรพรรดิแท้ตาย!

ทูตเทพพยากรณ์แต่ละคนที่เคลื่อนไหวเป็นปริศนา พลังต่อสู่น่ากลัวเหล่านี้ ก็มาจากสำนักโบราณจรัสเทพในโลกมืดนี่เอง

“ไม่ใช่บอกว่าหลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิปิดฉากลง สำนักโบราณจรัสเทพก็ถูกทำลายลงแล้วหรือ”

เจียงเหิงอดถามไม่ได้

“นี่เป็นแค่ข่าวลือ ขุมอำนาจเร้นลับที่กระจายตัวในโลกมืดเหมือนอย่างสำนักโบราณจรัสเทพ ก็เหมือนเงามืดของด้านสว่าง ไม่มีทางถูกกำจัดทิ้งง่ายๆ ขนาดนั้นเด็ดขาด”

แววตาเมิ่งอี้ลุ่มลึก เอ่ยปากเนิบนาบ

เขามาจากเผ่านักรบฉงฉี เคยอ่านตำราโบราณมามากมาย รู้ข่าวลับที่เกี่ยวข้องกับสำนักโบราณจรัสเทพและทูตเทพพยากรณ์ไม่น้อย

สำนักนี้ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของโลกมืดฟ้าดารา

ภายในสำนักนี้ มี ‘กระดานเทพลงทัณฑ์’ อยู่ ชื่อที่เขียนเรียงลำดับอยู่บนนั้นล้วนเป็นเป้าหมายที่สำนักนี้ต้องฆ่าให้ได้!

เมิ่งอี้ใคร่รู้ยิ่งนัก ว่าชื่อของหลินสวินถูกใส่ลงไปในกระดานเทพลงทัณฑ์แล้วหรือไม่

“กล่าวเช่นนี้ เจ้าคนที่ร่องรอยเป็นปริศนาเมื่อครู่ก็เป็นทูตเทพพยากรณ์คนหนึ่งหรือ”

จีเฉียนกล่าวอย่างตกใจ

เขามาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจี ย่อมรู้ดีถึงความน่ากลัวของนักฆ่าอย่าง ‘ทูตเทพพยากรณ์’

“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่”

เมิ่งอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งพลางเอ่ยว่า “แต่ต่อให้ทูตเทพพยากรณ์ร้ายกาจแค่ไหน ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปก็จะไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องพวกคนใหญ่คนโตอย่างหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินนี่ไม่อยู่ในกรณีนี้”

เจียงเหิงอดถามไม่ได้ “คนที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณอย่างเขาจะล่วงเกินสำนักโบราณจรัสเทพได้อย่างไร”

เมิ่งอี้กล่าวว่า “ทูตเทพพยากรณ์ฆ่าคน ที่รับมาคือบัญชาแห่งทวยเทพ ไม่เคยสนใจเหตุผลอะไรแต่แรกแล้ว ส่วนบัญชาแห่งทวยเทพนี่ใครเป็นคนสั่ง เกรงว่าแม้แต่หลินสวินเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ…”

นี่ปกติยิ่ง ช่วงเวลาที่ผ่านมายามผู้แข็งแกร่งมากมายถูกทูตเทพพยากรณ์สังหาร ล้วนไม่รู้ว่าตนถูกหมายหัวได้อย่างไร

“ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าหลินสวินจะถูกใครฆ่าตาย ข้าไม่สนใจทั้งนั้น แต่ป้ายคำสั่งเซียนเหินในมือเขา ข้าต้องเอามาให้ได้”

เมิ่งอี้กล่าวเรียบๆ

ในคำพูดเจือแววหนักแน่นไม่หวั่นไหว

ในวันนี้ข่าวที่ว่าหลินสวินต่อสู้กับเหล่าผู้กล้าเพียงลำพังกระจายออกไป แพร่ไปทั่วแดนหลอมสมบัติอย่างรวดเร็ว

ชั่วขณะเดียวก็เรียกเสียงฮือฮาน่าตกใจไม่รู้เท่าไหร่

ก่อนหน้านี้ไม่นานตอนที่หลินสวินสังหารเยี่ยนฉุนจวิน ก็ชักนำความแตกตื่นครั้งใหญ่มาแล้ว ตอนนี้แม้แต่ลู่อ๋างก็ยังตายด้วยน้ำมือเขา นี่น่าตกใจมากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

สิ่งที่ทำให้คนไม่อยากเชื่อมากที่สุดคือ แม้มกุฎมหาอริยะที่ติดอันดับในกระดานมหาอริยะฟ้าดารากลุ่มหนึ่งร่วมกันลงมือ ก็ยังไม่สามารถฆ่าหลินสวินได้ ตรงข้ามกลับปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้ในท้ายที่สุด!

อะไรที่เรียกว่าร้ายกาจ

ก็นี่อย่างไรเล่า!

และพร้อมกันนั้น ข่าวบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสำนักโบราณจรัสเทพและทูตเทพพยากรณ์ก็แพร่กระจายออกไปเช่นกัน การปรากฏตัวของซาหลิวชิงเริ่มทำให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยหวาดหวั่นและระวังตัว

และมีคนมีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่น คิดว่าหลินสวินถูกทูตเทพพยากรณ์หมายหัว ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

ส่วนหลินสวินในขณะนี้ เก็บตัวอยู่ในส่วนลึกของถ้ำภูเขาเงียบสงัดแห่งหนึ่งกับอาหู

ฟู่…

หลินสวินกินโอสถเทพ นั่งขัดสมาธิฝึกปราณพลางเอ่ยว่า “อาหู ครั้งนี้ขอบคุณเจ้ายิ่งแล้ว”

“พวกเราเป็นพวกเดียวกัน ย่อมต้องร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน”

อาหูกล่าวพลางเหยียดกายลุกขึ้น “เจ้าแค่สงบใจปรับปราณไปเถิด ข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง”

หลินสวินพยักหน้า

ต่อสู้กับเหล่าผู้กล้าครั้งนี้ ถึงแม้สุดท้ายจะหนีรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด แต่กลับทำให้เขาสูญเสียพลังไปมหาศาล พลังกายใกล้เหือดแห้ง

‘ปราณมหาอริยะขั้นต้นยังไม่พอ!’

ผ่านการต่อสู่ครั้งนี้ ทำให้หลินสวินก็ตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงว่าจะต้องพัฒนาพลังต่อสู้ของตนโดยด่วนที่สุด

ภายใต้สถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เกรงกลัวผู้ใด แต่ยามที่ถูกรุมล้อม ก็เห็นได้ชัดว่าเริ่มกินแรงแล้ว

หากปราณไม่สามารถทะลวงขั้น ยามพบเจอการปิดล้อมเช่นนี้อีก เกรงว่าจะไม่สามารถสยบคู่ต่อสู้ทั้งหมดได้แน่!

‘ในระดับอริยะแท้ ข้าเรียกได้ว่าไร้ศัตรู ในระดับมหาอริยะก็ย่อมเป็นเช่นนั้นด้วย!’

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเริ่มตั้งสมาธิฝึกปราณ แสงมรรครอบกายไหลเวียน ใบหน้าสง่าเคร่งขรึม

ไม่ไกลกันนักอาหูจับจ้องเงาร่างของหลินสวินเงียบๆ ในใจรู้ดีว่าผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้ภายในใจหลินสวินก็กล้ำกลืนอยู่เช่นกัน

แต่นี่ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง

ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ไรมาไม่เคยกลัวว่าศัตรูจะแกร่งเกินไป กลัวก็แค่ไม่มีคู่ต่อสู้!

อาหูมั่นใจยิ่งว่าผ่านการเคี่ยวกรำเข่นฆ่าครั้งนี้ ด้วยรากฐานพลังหนาแน่นในปัจจุบันที่เดิมก็ไม่ด้อยไปกว่าคนรุ่นเดียวกันของหลินสวิน ภายหน้าจะต้องยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน

สองวันต่อมา

หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ

เขาสัมผัสเงียบๆ และพบว่าปราณรุดหน้าไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่คิดอยากก้าวสู้ระดับมหาอริยะขั้นกลาง ยังมีระยะห่างอีกไม่น้อย

“ข้าพอเดาได้เลาๆ ว่าซาหลิวชิงนั่นคงครอบครองวิชาเคลื่อนไหวที่พิศวงสุดขีดอย่างหนึ่งแน่นอน ถึงได้สามารถมองข้ามการป้องกันทั้งหมด เคลื่อนย้ายหายตัวกลางอากาศได้ดั่งใจเช่นนี้”

เห็นหลินสวินตื่นขึ้นมาอาหูก็เอ่ยปากทันที สองวันนี้นางเอาแต่ไตร่ตรองปัญหาข้อนี้

“ที่สำคัญที่สุดคือ ท่าร่างของเขาสามารถหลบเลี่ยงจิตรับรู้และประสาทสัมผัสทั้งหมดได้ ดังนั้นจึงดูล่องลอยไม่แน่ชัด ยากป้องกัน”

หลินสวินพยักหน้า

เขาย้อนความทรงจำถึงรายละเอียดการต่อสู้ในตอนนั้นอย่างถี่ถ้วนแล้วกล่าวว่า “ใช่ พลังของเขาบางทีอาจไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่การเคลื่อนไหวกลับเบาหวิวและพิศวงอย่างถึงที่สุด”

เนตรงามของอาหูทอประกายเฉลียวฉลาด “ท่าร่างระดับนี้ จะต้องเกี่ยวโยงถึงการประยุกต์ใช้มหามรรคแห่งห้วงอากาศว่างเปล่าแน่นอน นี่ก็หมายความว่า ความเชี่ยวชาญที่ซาหลิวชิงมีต่อมหามรรคห้วงอากาศว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าถึงขั้นที่น่ากลัวสุดขีดแล้ว”

นางนิ่งไปครู่หนึ่ง ทอดสายตามองหลินสวิน “หากเจ้าอยากจัดการเขา มีอยู่สองวิธี หนึ่งคือเพิ่มพลังปราณของตน สองคือพัฒนาพลังมหามรรคห้วงอากาศว่างเปล่า”

หลินสวินร้องอืมคราหนึ่ง เขาเองก็ใคร่ครวญปัญหาข้อนี้เช่นกัน ซ้ำยังตัดสินใจจะลงมือแล้วด้วย

“พลังมหามรรคในแหล่งสถานคุนหลุนแห่งนี้หนาแน่นและมั่นคงหาใดเปรียบ และสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณหยั่งถึงนัยเร้นลับมหามรรคได้ง่ายยิ่งขึ้น”

หลินสวินเอ่ย “ตอนนี้ข้าเพิ่งหยั่งถึงแค่เศษเสี้ยวของมหามรรคห้วงอากาศว่างเปล่า ระยะห่างจากการเข้าถึงชำนาญยังมีอีกไม่น้อย ข้าตั้งใจจะให้ความสำคัญไปกับการเพิ่มพลังปราณเป็นหลัก”

อาหูกล่าวยิ้มๆ “ยังจำต้นท้อแบนที่ข้าเคยพูดถึงได้หรือไม่ หากสามารถเด็ดท้อแบนมาได้ผลหนึ่ง ก็เหมือนผ่านการฝึกปราณอย่างยากลำบากเป็นร้อยปี!”

หลินสวินดวงตาเป็นประกาย

อาหูกล่าวว่า “อีกสองวันแดนหลอมสมบัติก็จะเข้าสู่สภาวะจำศีลปิดผนึก ถึงตอนนั้นพวกเรารีบออกไปก่อน เข้าสู่ส่วนลึกของแหล่งสถานคุนหลุน ไปค้นหาต้นท้อแบนต้นนี้ก่อน”

หลินสวินพยักหน้าตอบตกลง

แดนหลอมสมบัติเป็นเพียงอาณาเขตรอบนอกของแหล่งสถานคุนหลุน วาสนาและศุภโชคชั้นยอดแท้จริงล้วนกระจายตัวอยู่ในส่วนลึกของแหล่งสถานคุนหลุน!

อาหูฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เนตรงามเจือแววตั้งตาคอย “พี่หลิน ฉวยโอกาสช่วงนี้ รีบมาดูว่าบทประพันธ์มหามรรคชิ้นนั้นเร้นลับอัศจรรย์ปานใดกันแน่เถอะ”

หลินสวินอึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา ตอบรับทันใด

วู้ม…

เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ไอมรรคหลอมสมบัติสายหนึ่งปรากฏขึ้น วิวัฒน์เป็นบทประพันธ์มหามรรค คละคลุ้งกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ไม่เสื่อมสลาย ส่องถ้ำภูเขาที่มืดสลัวแห่งนี้ให้เจิดจ้าเรืองรอง

ทั้งยังมีเสียงธรรมที่ประดุจเสียงสวรรค์สายแล้วสายเล่าดังก้องขึ้นรางๆ เร้นลับอัศจรรย์อย่างที่สุด

ไอมรรคหลอมสมบัตินี้ไม่ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย!

และพร้อมกันนั้น หลินสวินก็เรียกดาบหักออกมา