ตอนที่ 3354

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3,354 : เพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5

 

ภายในสมรภูมิอเวจี ไม่อาจใช้ยันอมตะใดๆ ไม่เว้นยันต์อมตะสื่อสาร

 

ทว่า สามารถใช้อุปกรณ์อมตะและอุปกรณ์เทพได้

 

และตอนนี้ ร่างชายหนุ่มทั้ง 4 ที่ปิดล้อมพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 เอาไว้ แต่ละคนก็ชักอาวุธออกมาเสร็จสรรพ มีสองคนใช้กระบี่ 1 คนใช้ดาบ และอีกคนใช้หอก

 

วิ้งงง! ซู่ม!

 

ซู่ม!

 

ปงง!!

 

ไม่พูดพร่ำทําเพลงใดๆ ทั้ง 4 คนชิงลงมือเปิดฉากจู่โจมก่อนทันที หมายช่วงชิงความได้เปรียบ! ในสมรภูมิอเวจีแห่งนี้สิ่งที่สําคัญที่สุดคือเอาตัวรอด ส่วนเรื่องใดอื่นล้วนไม่ต่างเมฆลม

 

ดังนั้นในสมรภูมิอเวจีแห่งนี้ หากไม่ลงมือก็แล้วไป แต่ถ้าลงมือ ก็ต้องออกกระบวนท่าสังหารหมายเอาชีวิตคู่ต่อสู้ให้ตายโดยเร็วที่สุด!

 

“หืม?”

 

การลงมืออย่างพร้อมเพรียงของทั้ง 4 นั้น สอดประสานกันได้อย่างดี พลังอานุภาพที่ปล่อยออกมานับว่าทําให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอยู่บ้าง เพราะพลังทําลายไม่ได้ด้อยกว่าการโจมตีของจักรพรรดิอมตะทั่วๆไปเลย

 

อย่างไรก็ตาม การโจมตีระดับนี้ ไม่ได้อยู่ในสายตาของต้วนหลิงเทียนแม้แต่นิดเดียว

 

“เจอข้า ถือว่าพวกเจ้าโชคร้ายจริงๆ”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองทั้ง 4 ด้วยสายตาเฉยเมยอีกรอบ จากนั้นเขาก็เรียกกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนออกมา พร้อมกันนั้นพลังมิติก็ถูกเร่งเร้าขึ้นมาถ่ายทอดลงสู่กระบีฉับไว พลังของเทพเบญจธาตุเองก็ถูกชักนําออกมาใช้อย่างไม่รอช้า

 

แน่นอนว่าเขาไม่ได้ใช้พลังงของเทพเบญจธาตุมากมายอะไร ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเหล่าเทพเบญจธาตุแม้แต่น้อย

 

ท้ายที่สุดแล้วในโลกใบเล็กภายในกายของเขาตอนนี้ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินจากซากระนาบเทพ ต่อให้เหล่าเทพเบญจธาตุจะใช้พลังมากกว่านี้ ก็ยังฟื้นฟูกลับมามีพลังเต็มเปี่ยมได้ในเวลาอันสั้น

 

ฟั่ฟฟ!!

 

ต้วนหลิงเทียนตวัดกระบี่ฟันออกไปตามอําเภอใจ จากนั้นก็อุบัติแถบริ้วกระบี่หลากสีสัน 4 สายพุ่งวาบไปยังกระบวนท่าของทั้ง 4 อย่างไร้ครั่นคร้าม

 

พริบตาต่อมา

 

ปงง!!

 

ปงง!!

 

ริ้วกระบี่หลากสีสันที่ต้วนหลิงเทียนตวัดชัดออกมาตามอําเถอใจ ประหนึ่งมวลน้ำทรงพลังจากเขื่อนใหญ่ไหลเชี่ยว กลืนกระบวนท่าทั้ง 4 ในพริบตา ก่อนจะปนี้ทําลายพลังทั้ง 4 ลงได้อย่างราบคาบ!

 

จากนั้นริ้วกระบี่ที่ชัดออก ก็ไม่ได้สิ้นสูญพลังอานุภาพแต่อย่างใด เพียงแยกย้ายกันพุ่งไปหาทั้ง 4 ราวอสูรร้ายโหยหิวพบเหยื่ออันโอชะ!

 

“กฏมิติแล้วนั้นมัน กฎแห่งธาตุทั้ง 5!?”

 

“บัดซบ! นี่มันพลังของเทพเบญจธาตุ!”

 

“หะ…5 เทพเบญจธาตุ!!”

 

พริบตาที่ทั้ง 4 ถูกริ้วกระบีหลากสีของต้วนหลิงเทียนเพ่งเล็ง พวกมันย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่อัดแน่นในริ้วกระบี่ชัดเจน จึงพบว่าเป็พลังที่ผสานไว้ด้วยพลังของธาตุทั้ง 5 กับธาตุมิติ

 

อนิจจแถบริ้วกระบี่มาได้ไวเกินไป รวดเร็วสุดที่พวกมันจะทันได้ตอบสนองสิ่งใดได้ทัน เช่นนั้นกว่าจะตระหนักรู้ถึงอันตรายเบื้องหน้า ทุกสิ่งอย่างก็สายไปแล้ว

 

ริ้วกระบี่ดั่งเคียวยมทูตเสือกทะลวงเจาะหว่างคิ้ว ปนี้ดวงจิตทั้ง 4 จนวิญญาณแหลกสลายตกตายในพริบตา!

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน แต้มรบของเจ้า 4 คนนี้รวมๆกันแล้วคงเยอะอยู่ใช่ไหม? เพราะดูจากพลังตอนพวกมันร่วมมือกันแล้วนับว่าไม่ใช่เล่นๆเลย?”

 

เสี่ยวจิ้นยิ้มถามต้วนหลิงเทียนอย่างคึกคัก

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยิน ก็คิดตรวจสอบแต้มรบของตัวเองทันที “อ่า ตอนนี้แต้มยศรบของข้าเพิ่มขึ้นจากอันดับ100,000กว่าๆ ไปติดอยู่ใน 10,000 อันดับเรียบร้อย”

 

“สําหรับความแข็งแกร่งของพวกมันตอนร่วมมือกัน ไม่ใช่ชั่วจริงๆ เพราะเทียบได้กับจักรพรรดิอมตะทั่วๆไปเลยทีเดียว สําหรับที่นี่ที่มีแต่จอมราชันอมตะ ก็ถือว่าพวกมันร้ายกาจพอตัว”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“อะไร แค่ติดอันดับ 10,000 เองเหรอ น้อยไปแล้ว!”

 

เสี่ยวจินรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง “ในเมื่อการโจมตีของพวกมันเทียบได้กับจักรพรรดิอมตะทั่วไปในสมรภูมิอเวจีก็ถือว่าค่อนข้างดีสิ แต่ไหงแต้มรบที่พวกมันมีแค่พอให้พี่ใหญ่ติดอยู่ใน 10,000 อันดับเท่านั้นเล่า…”

 

“หากเดาไม่ผิด พวกมันก็คงจะพึ่งเข้ามาไม่นานนัก”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางยิ้ม

 

“เอาล่ะ…จะมากจะน้อยก็ช่างเถอะ แต่ภูมิประเทศแถวนี้เหมาะแก่การซุ่มโจมตีจริงๆ หากพวกเราสามารถลอบโจมตีคนอื่นเหมือนพวกมันได้ ก็เลือกที่จะลอบโจมตีดีกว่า”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวกับเสี่ยวจิน

 

สําหรับฮ่วนเอ๋อนั้นเขาไม่จําเป็นต้องพูดอะไรมาก เพราะเขาว่าอย่างไรนางก็ว่าอย่างนั้นตลอด

 

ภูมิประเทศในสมรภูมิอเวจีนั้น เป็นดั่งม่านฉากที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และแต่ละพื้นที่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นฉากเดียวกัน

 

บางครั้งแม้สองตาจะแลเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า แต่ทว่าสิ่งที่ท่านเห็นกับความเป็นจริงอาจต่างกัน และบางคนก็จับจุดการเปลี่ยนฉากดังกล่าว อาศัยการซุ่มโจมตีเพื่อชิงความได้เปรียบ

 

เหมือนเมื่อครู่

 

ต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 3 เดิมอยู่ในพื้นที่มีดมิดอึมครึม เต็มไปด้วยหมอกสลัวบดบังทัศนวิสัย แต่อยู่ๆก็พบว่ามาอยู่ในพื้นที่ภูเขาอย่างกะทันหัน ทว่าในสายตาของทั้ง 4 คนนั้นพวกมันได้รออยู่ในพื้นที่ภูเขามาก่อนแล้ว และเป็นพวกต้วนหลิงเทียนที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมา

 

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะกระทําตามกลุ่ม 4 คนเบื้องหน้า ติดอาศัยความได้เปรียบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ ดังกล่าว

 

การที่ต้วนหลิงเทียนคิดซ่อนตัวเพื่อลอบโจมตีผู้มาใหม่นั้น ไม่เพียงแต่จะแก้ปัญหาเรื่องตกเป็นฝ่ายถูกซุ่มโจมตี จากการเดินทางแล้วพบพานการเปลี่ยนฉากอย่างไม่คาดฝัน แต่ยังเป็นฝ่ายชิงความได้เปรียบโดยอาศัยการซุ่มโจมตีผู้อื่นเขาก่อน

 

“มีคนมาแล้ว!”

 

หลังจากพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ไปหาที่ซ่อนตัวได้ไม่นานนัก เสี่ยวจินก็คล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง นางชี้ไปทางซ้ายสุดแล้วกล่าวรายงานออกมาทันที “ทางนั้นมีกลิ่นคน 2 คนพึงปรากฏออกมาล่ะพี่ใหญ่”

 

“หืม? ทางขวาตรงนั้นก็มีคนพึ่งโผล่มาเหมือนกัน”

 

ในขณะที่เสี่ยวจินได้กลิ่นว่ามีคนสองคนพึ่งปรากฏตัวออกมาทางซ้ายไกลๆ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่ามีคนพึ่งปรากฏตัวออกมาทางขวา และหลังจากพวกมันปรากฏตัวไม่นาน พวกมันก็ปะทะกันเองก่อนจะค้นพบว่าที่นี่ยังมีพวกต้วนหลิงเทียนซุ่มอยู่

 

“อัยยะ หนึ่งต่อสองแหล่ะ!”

 

สองตาเสี่ยวจินทอประกายวูบวาบ “แต่เจ้านั้นมันกล้ามาคนเดียว บ่งบอกว่ามั่นใจในพลังตัวเองไม่ทราบเจ้านั่นจะร้ายกาจแค่ไหน แล้วจะสู้สองคนนั่นได้รึเปล่า”

 

“รอดูไปเดี๋ยวก็รู้”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกําลังยิ้มเพราะความร่าเริงของเสี่ยวจิน เสียงเพลิงเทพโกลาหลพลันดังขึ้น “โชคดีจริง…เป็นเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5!”

 

หลังเพลิงเทพโกลาหลกล่าวประโยคนี้ออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบข้อมูล ก่อนจะหันไปมองชายวัยกลางคนที่เดินทางเพียงลําพังทันที

 

ชายวัยกลางคนผู้นี้มาในชุดคลุมสีเขียว หน้าตาแลดูธรรมดา พอพบศัตรู 2 คนเบื้องหน้า ก็ผายมือใหญ่ออกข้าง เรียกดาบใบกว้างเล่มหนึ่งขึ้นมากระชับถือไว้ทันที

 

พอมันเร่งเร้าพลัง ก็บอกได้ทันทีว่ามันเชี่ยวชาญกฏแห่งไฟ

 

ด้าน 2 คนทางซ้ายที่เสี่ยวจินได้กลิ่นแต่ไกล จากกลิ่นอายพลังที่ทั้งคู่ปลดปล่อยออกมาก็นับว่าปะทะกับจักรพรรดิอมตะทั่วๆไปได้ไม่แพ้พ่ายแน่นอน

 

บรึมม! ฟู่ม!ฟู่ม! ฟู่ม!

 

แรกลงมือ ชายวัยกลางคนก็ไม่คิดออมรั้งชิมลาง ดาบเล่มเขื่องปรากฏเปลวเพลิงปะทุขึ้นมาอย่างร้อนแรง เพียงแต่มันยังไม่ได้ใช้พลังของเพลิงเทพโกลาหลในร่าง

 

“เพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5 ของมัน จับสัมผัสท่านไม่ได้หรือ?”

 

ถึงแม้วารีเทพชําระโลกาเหมือจะเคยบอกเขาถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ต้วนหลิงเทียนก็แค่รับรู้ พออยู่นสถานการณ์จริงจึงอดถามออกมาไม่ได้

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายวัยกลางคนไม่ได้มองมายังจุดที่เขาซ่อนตัวเลย สิ่งนี้บ่งบอกให้รู้ว่าเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5 ขออีกฝ่าย ไม่อาจค้นพบเพลิงเทพโกลาหลในร่างเขาได้

 

“เสี่ยวเทียน ตั้งแต่ที่เจ้าเข้ามาในสมรภูมิอเวจี ข้าก็ได้จัดตั้งค่ายกลปกปิดกลิ่นอายของพวกเราเอาไว้แล้ว เว้นเสียแต่เจ้าจะใช้พลังของเทพเบญจธาตุออกมา หาไม่แล้วไม่มีทางที่เทพเบญจธาตุที่มีขั้นน้อยกว่าพวกเรา จะค้นพบการคงอยู่ของพวกเราได้”

 

วารีเทพชําระโลกากล่าวออกมาอย่างประจวบเหมาะ “ก็เหมือนกับเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5 ของเจ้านั้นไม่มีทางค้นพบพลิงเทพโกลาหลของเจ้าได้”

 

“หากจะตรวจพบพวกเราทั้ง 5 นอกเสียจากมันจะเป็นเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 7 หาไม่แล้วก็ไม่มีทางสัมผัสถึงเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 6 กับพวกเราได้”

 

“เช่นเดียวกัน หากมันเป็นวารีเทพชําระโลกาที่มีระดับขั้นเท่ากับข้า มันจะสัมผัสได้ถึงข้า แต่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงคนอื่น และถ้าหากเป็นวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 พวกมันจะพบเจอพวกเราทั้งหมดทันที”

 

วารีเทพชําระโลกากล่าวอธิบายเพิ่มเติมออกมารวดเดียวจบ

 

ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้กระจ่าง

 

“ทั้ง 2 คนนั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันแน่ หากมันใช้พลังของเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5 เมื่อไหร่พลังของมันก็จะเพิ่มขึ้นจนเหนือกว่าการร่วมมือของสองคนนั่น”

 

และคล้ายจะได้ยินคํากล่าวนี้ของเพลิงเทพโกลาหลในร่างของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปาน ชายวัยกลางคนที่เสียเปรียบการร่วมมือของศัตรูทั้ง 2 พอสบโอกาสที่อีกฝ่ายชะล่าใจ มันก็ปลดปล่อยพลังของเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5 ออกมาในจังหวะชี้เป็นชี้ตายทันที!

 

ปงงง!!

 

ตูมมมม!!

 

สุดท้ายทั้ง 2 ก็ถูกชายวัยกลางคนระเบิดพลังสังหารเข่นฆ่าจนตกตายในชั่วพริบตา

 

ในขณะที่ชายวกลางคนกําลังเก็บแหวนพื้นที่และอุปกรณ์อมตะของทั้งคู่ แต้มรบของทั้ง 2 คนที่ตายก็โอนย้ายไปให้มันเป็นธรรมดา

 

“ลงมือ!”

 

เพื่อหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายเคลื่อนที่จนเปลี่ยนฉากในกะทันหัน จนทําให้พลาดโอกาสได้รับแต้มรบรวมถึงทําให้เพลิงเทพโกลาหลในร่างอดกลืนกินเพลิงเทพโกลาหลขั้น 5 ในร่างอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็หันไปทักเสี่ยวจิน ก่อนที่จะมุ่งนําออกไปกับฮ่วนเอ๋อทันที

 

ด้านชายวัยกลางคนก็สัมผัสถึงการมาของพวกต้วนหลิงเทียนทันที

 

“มีมารนหาที่ตายอีก 3 งั้นเรอะ…”

หลังค้นพบการมาของพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 แล้ว สองตาชายวัยกลางคนก็คล้ายมีสาฟ้าแล่นวาบ มันไม่พูดพร่ำทําเพลงใดๆ ปะทุพลังพุ่งเข่นฆ่าสังหารจี้เข้าใส่พวกต้วนหลิงเทียนทันที แลดูเหมือนมันจะรีบฆ่าพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ให้ตาย ก่อนที่พลังของเพลิงเทพโกลาหลที่ใช้ออกก่อนหน้าจะหมดไป

 

ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นจอมราชันอมตะ 10 ทิศ และเข้าใจความลึกซึ้งของกฎแห่งไฟถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่ครบทุกประการแล้ว

 

พร้อมด้วยพลังของเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5 ในร่าง แม้จะให้เทียบกับชายหนุ่มทั้ง 4 ที่ร่วมมือกันเล่นงานพวกต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า ก็มีแต่จะเข้มแข็งกว่า ไม่มีอ่อนแอไปกว่านั้นแน่!

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับชายวัยกลางคน ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เห็นพลังของเพลิงเทพโกลาหลอีกฝ่ายอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

 

“ขอบคุณเจ้ามาก”

 

กระทั่งพอเห็นชายวัยกลางคนวิ่งโร่เข้ามาหาด้วยตัวเอง ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มกว้างเผยฟันขาวราวหิมะกล่าวขอบคุณออกไป พาลให้อีกฝ่ายงุนงงไม่น้อย

 

ขอบคุณ?

 

ขอบคุณมันทําเพื่อ?

 

“หี ไอ้หนู! เจ้าคิดว่าอาศัยพวกเจ้า 3 คนจะเอาแต้มรบของข้าได้งั้นเหรอ!?”

 

ชายวัยกลางคนแสะยิ้มดูแคลน

 

ด้านต้วนหลิงเทียนที่เห็นมาจนอยู่ห่างอีกฝ่ายไม่ไกล ในมือไม่ทราบถือไว้ด้วยกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเมื่อไหร่ แต่บัดนี้ตัวกระบี่กําลังส่งเสียงกู่ร้องดังเริงๆ “เปล่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว”

 

“ที่ข้าขอบคุณเจ้า ไม่ใช่เพราะเจ้าเอาแต้มรบมาให้…”

 

“ข้ายังขอบคุณเจ้าที่เอาเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5 มาให้ข้าอีกด้วย” ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มกว้างอีกครั้ง

 

“เจ้ารู้?”

 

แววตาชายวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นทันที มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนค้นพบเพลิงเทพโกลาหลในร่างมันเพราะการลงมือเมื่อครู่ และมันไม่ทราบต้นสายปลาเหตุ จนกระทั่งเพลิงเทพโกลาหลในร่างมันร่ำร้องเสียงหลง

 

“วิ่ง! รีบหนีไปเร็วเข้า!”

 

“ในร่างไอ้เด็กนั่นมันมีเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 6 อยู่!”

 

ตอนนี้เอง อยู่ๆเพลิงเทพโกลาหลในร่างชายวัยกลางคน ก็ตะโกนร่ำร้องออกมาอย่างเสียขวัญ “หากเจ้าปะทะกับมัน ข้าไม่อาจช่วยเหลืออะไรเจ้าได้!!”

 

พอได้ฟังชายวัยกลางคนก็บังเกิดความแตกตื่นเป็นการใหญ่ และไม่ทันที่มันจะดึงสติคืนกลับเพลิงเทพโกลาหลในร่างก็โพล่งคําออกมาอีกครั้ง “สายไปแล้ว! เร็วเข้า รีบฆ่ามันก่อนที่อีก 2 คนด้านหลังจะตามมาทัน! รีบฆ่ามันก่อนที่เพลิงเทพโกลาหลในร่างมันจะกลืนกินข้า!!”

 

“ความแข็งแกร่งของมันไม่แน่ว่าจะเหนือกว่าเจ้า!!”

 

เห็นได้ชัดว่าเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 5 ในร่างชายวัยกลางคน คิดให้ด้วนหลิงเทียนตกตาย เพื่อที่เพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 6 ในร่างด้วนหลิงเทียยนจะตกอยู่ในสถานะไร้ร่างต้น ซึ่งสิ่งนี้อาจจะวยให้มันรอดพ้นภัยพิบัติไปได้

 

ไม่ว่าจะเทพเบญจธาตุใดๆ ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับเทพเบญจธาตุที่มีระดับขั้นต่ำกว่าตัวเองขั้นหนึ่ง ทว่าตราบใดที่ฝ่ายหลังมีร่างต้นแต่ตัวเองไม่มี ก็ยากจะกลืนกินอีกฝ่ายได้สําเร็จ

 

เนื่องเพราะร่างต้นสามารถจ่ายพลังเต็มที่เพื่อช่วยเทพเบญจธาตุในร่าง ไม่ให้ถูกกลืนกินโดยง่าย

 

“เพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 6!?”

 

สีหน้าชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ขณะเดียวกันมันก็ตระหนักถึงอันตราย เร่งลงมือใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยพลังทั้งหมดอย่างไม่มีออมรั้ง ดาบใบกว้างอันมีเปลวเพลิงลุกโชนของมัน ตวัดฟันออกมานับพันครั้งในเสียวพริบตา ก่อข่ายดาบสังหาร โกมถล่มเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างมืดฟ้ามัวดิน

 

เพราะหากเพลิงเทพโกลาหลในร่างมันถูกเพลิงเทพโกลาหลของอีกฝ่ายกลื่นกินไปล่ะ สิ่งที่รอมันอยู่ก็คือทางตัน!

 

ที่สําคัญเลยก็คือหากเพลิงเทพโกลาหลของอีกฝ่ายกลืนเพลิงเทพโกลาหลของมันได้แล้ว ต่อให้มันจะฆ่าอีกฝ่ายได้ ก็ไม่ใช่ว่ามันจะรอดพ้นความตาย!

 

เพราะเพลิงเทพโกลาหลของอีกฝ่าย ไม่แน่ว่าจะเต็มใจอยู่กับมัน และหากอีกฝ่ายเลือกที่จะไปอยู่กับร่าง 2 คนที่ตามมาด้านหลัง ถึงตอนนั้นมันก็มีแต่ตายกับตาย!!