ตอนที่ 1811 : ความสำเร็จบางส่วนของจิตวิญญาณกระบี่ (3)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1811 : ความสำเร็จบางส่วนของจิตวิญญาณกระบี่ (3)

ที่นี่เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกที่เข้าใจกฎแห่งกระบี่ รอยกระบี่บนภูเขานั้นคือสมบัติสูงสุดสำหรับพวกนั้น

แม้แต่เจี้ยนเฉินที่เป็นขั้นเหนือเทพซึ่งเข้าใจกฎแห่งกระบี่แล้ว การบ่มเพาะที่นี่ก็ยังให้ผลประโยชน์อย่างมาก

มันมีคนนับไม่ถ้วนที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อเอารอยกระบี่เหล่านั้นกลับไปตลอดหลายปีมานี้ แต่ก็ไม่มีสักคนที่ทำได้สำเร็จ

มันเพราะภูเขาที่มีรอยกระบี่เหล่านี้นั้นแข็งจนไม่อาจจะเอามันออกไปได้

มันมีคนมากมายมารวมตัวกันตรงหน้าสันเขา ผู้บ่มเพาะในระดับแตกต่างกันนั่งอยู่บนหินหรือลอยอยู่ในอากาศเพื่อพยายามทำความเข้าใจเจตจำนงกระบี่

ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจกฎแห่งกระบี่ มันถึงกับมีหลายคนที่เข้าใจกฎอื่น ๆ แล้ว มันเพราะพวกเขาใช้กระบี่ ดังนั้นพวกเขาจึงหวังว่าจะเข้าใจการใช้งานกระบี่วิธีใหม่จากรอยกระบี่หรือทำความเข้าใจกฎแห่งกระบี่เป็นกฎที่สอง

แน่นอนว่าในหมู่คนนับไม่ถ้วนที่นี่แล้ว มันมีคนเพียงหยิบกำมือที่จะได้รับผลประโยชน์จากที่นี่

เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหาที่ว่างเพื่อนั่งลง แค่เพียงพลิกฝ่ามือเขาก็เอาม้วนคัมภีร์บันทึกเกี่ยวกับกฎแห่งกระบี่ของราชาเทพต้วนมู่ 2 ม้วนออกมาจากแหวนมิติของราชาเทพ เขาคลี่มันออกม้วนหนึ่งและเริ่มทำการศึกษามัน

“ นี่คือที่ซึ่งราชาเทพต้วนมู่ฝึกฝนกระบี่ในอดีต โดยพื้นฐานแล้วที่นี่เต็มไปด้วยร่องรอยกระบี่จากกฎแห่งกระบี่ของราชาเทพต้วนมู่ การทำความเข้าใจบันทึกของเขาในด้านกฎแห่งกระบี่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้มันง่ายกว่าเดิม ข้าจะขึ้นไปถึงขั้นความสำเร็จบางส่วนของจิตวิญญาณกระบี่ในเวลาอันสั้นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” เจี้ยนเฉินคิด เขารู้สึกได้นานแล้วว่าเขาได้ขึ้นถึงความสำเร็จขั้นต้นของจิตวิญญาณกระบี่ เขาห่างจากความสำเร็จบางส่วนแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

ราชาเทพต้วนมู่นั้นโดดเด่นในเรื่องกฎแห่งกระบี่และเขาถึงกับก้าวเข้าไปถึงขอบเขตตั้งต้นได้ เป็นธรรมดาที่บันทึกที่เขาทิ้งไว้นั้นจะช่วยเจี้ยนเฉินได้อย่างมาก

ความคิดของเจี้ยนเฉินจมลงไปในบันทึกราชาเทพต้วนมู่ เจี้ยนเฉินได้รับประโยน์อย่างมากกับอ่านม้วนคัมภีร์ทั้งสอง เขารู้สึกได้ถึงความกระจ่างและรู้ถึงทิศทางหลาย ๆ อย่างที่เขาไม่เคยเข้าใจมาในอดีต

เจี้ยนเฉินถึงกับคาดการณ์ได้หลายอย่างจากบันทึกนี้ทำให้เขาเข้าใจกฎแห่งกระบี่ได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม

ในเสี้ยวพริบตา เจี้ยนเฉินก็ได้นั่งอยู่ที่นั่นถึง 10 ปี ระหว่าง 10 ปีมานี้เขาไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย เขานั่งนิ่งราวกับรูปปั้นจนมีฝุ่นเกาะตามตัวหนา

“ชายคนนั้นนั่งอยู่ที่นั่นกว่า 10 ปี เขาได้ประโยชน์จากที่นี่งั้นรึ ? ”

“10 ปีไม่ได้นานนัก ข้าบ่มเพาะมาหลายร้อยปีกับการนั่งอยู่ที่เดิม นี่ไม่ต้องนับแค่สิบปีหรอก มันก็แค่ว่าข้ายังไม่เคยเจอใครนั่งอยู่ที่นี่จนถึงสิบปี…. “

“ใช่ บางทีรอยกระบี่นั้นคงลึกซึ้งเกินไปสำหรับเรา เราจึงไม่อาจจะเข้าใจความลึกลับของมันได้ทั้งหมด โดยพื้นฐานแล้วทุกคนต้องหยุดหลังจากที่ติดอยู่กับเนื้อหาเดิมได้ 2-3 ปี หรือต้องไปหาที่อื่นเพื่อทำความเข้าใจต่อ มันยากที่จะมีใครทนอยู่ที่นี่ได้ 10 ปี…”

“มีขั้นเทพไม่กี่คนซึ่งเข้าใจกฎแห่งกระบี่ที่สามารถรู้ถึงความลึกลับของที่นี่ได้แค่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งในเวลาไม่กี่ปี มันน่าเสียดายที่พวกเขาทนกันได้ไม่นานนักและต่างก็พากันกระอักเลือดออกมาจนบาดเจ็บหนัก รอยกระบี่ที่ราชาเทพต้วนมู่ทิ้งไว้นั้นซับซ้อนเกินไป เป็นธรรมดาหากเจ้าจะไม่เข้าใจมัน แต่หากเจ้าเข้าใจ แม้แต่เทพก็ยังได้รับความเสียหายจากเจตจำนงกระบี่ ชายคนนี้ทนอยู่ได้ถึง 10 ปี ขอบเขตการบ่มเพาะของเขาคงน่าประทับใจอย่างมาก…”

ในเวลา 10 ปีที่ผ่านมานี้ เจี้ยนเฉินได้ตกเป็นเป้าสายตาของหลายคน ทุกคนต่างก็มองเจี้ยนเฉินด้วยความตะลึงและแปลกใจ มันถึงกับมีบางคนที่มองเขาด้วยความชื่นชม

การบ่มเพาะ 10 ปีนี้ไม่ได้มากมายสำหรับคนที่นี่ แต่การทำความเข้าใจกฎกว่า 10 ปีที่นี่มันแตกต่างกันออกไป ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็ขยับพร้อมกับฝุ่นมากมายที่ร่วงลงมาจากตัว

“ในที่สุดชายคนนั้นก็ตื่นแล้ว…”

“สวรรค์ เขาไม่ได้กระอักเลือดออกมาด้วยซ้ำ เขาเข้าใจเจตจำนงกระบี่ที่นี่ได้จริงหรือ ….”

“ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าสู่ภาวะที่ไม่ละโมภ เขาคงเข้าใจมันได้…”

“เขาเป็นใครกัน…”

เจี้ยนเฉินทำให้หลายคนต้องหันกลับมามองตอนที่เขาตื่นขึ้นมา ตอนนั้นสายตาหลากหลายคู่ทั่วทั้งภูเขาได้จับจ้องมาที่เขา

แต่ไม่มีใครรู้จักเจี้ยนเฉิน แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเรื่องหัวหน้าตระกูลเทียนหยวน แต่ก็มีไม่กี่คนที่เคยเห็นเขาจริง ๆ

เจี้ยนเฉินเหมือนไม่รู้ตัวว่ามีหลายคนจับจ้องมาที่เขา เขาค่อย ๆ เก็บม้วนคัมภีร์ทั้งสอง ที่นี่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมานี้กับการทำความเข้าใจรอยกระบี่และบันทึกในคัมภีร์ มันทำให้เขาก้าวหน้าขึ้นมาอย่างมาก เขาห่างจากความสำเร็จบางส่วนของจิตวิญญาณกระบี่แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ตอนนั้นเองก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่นั่น

มันมีคนทั้งหมด 3 คน ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 1 ผู้หญิงนั้นดูอายุได้ 20 ปี นางงดงามแต่แต่งตัวยั่วยวนอย่างมาก นางผูกโบว์อันเดียวที่อกเผยให้เห็นส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย นางใส่กระโปรงสั้น ร่างกายของนางถูกปิดปิดไว้แค่เพียงสามส่วนเผยให้เห็นขาขาวทั้งหมด

ในเวลาเดียวกันสายตาของนางก็เต็มไปด้วยท่าทียั่วยวน

ผู้ชายอีกสองคนอยู่ข้างกายนาง พวกเขาเป็นชายวัยกลางคนที่แสดงสายตาโหยหาทุกครั้งที่มองไปที่ผู้หญิงคนนั้น แต่ขั้นเทพทั้งสองไม่ได้แตะต้องผู้หญิงที่อยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย นอกซะจากว่าจะได้รับอนุญาตแล้ว พวกเขาไม่กล้าแม้แต่แตะต้องเส้นผมของนาง

ผู้หญิงคนนั้นมองไปรอบ ๆ สายตายยั่วยวนนั้นทำให้สายตาของนางดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม จู่ ๆ นางก็พุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มหล่อเหลาที่ดูมีอายุประมาณ 20 ปีที่อยู่ใกล้ ๆ