ตอนที่ 1813 : ความสำเร็จบางส่วนของจิตวิญญาณกระบี่ (5)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1813 : ความสำเร็จบางส่วนของจิตวิญญาณกระบี่ (5)

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในเวลาเดียวกันสายตาของทุกคนก็กลับมาจับจ้องที่เจี้ยนเฉินอีกครั้ง

“เขานั่นเอง เขาคือคนที่นั่งนิ่ง ๆ ไม่ขยับกว่า 10 ปี”

“ขอบเขตการบ่มเพาะของเขาอยู่ระดับไหนกัน ? แม้แต่หลังจากที่รู้ว่าพวกนั้นมาจากครอบครัวโม่ของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ฉิงหยาง เขาก็ยังกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย “

“ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้ดูเรียบง่ายแบบภายนอก แต่เขาดูเหมือนไม่กล้าจะหาเรื่องครอบครัวโม่มากนัก ไม่งั้นแล้วผู้หญิงคนนี้คงบาดเจ็บไปแล้วตอนที่เขาทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ของนาง”

“ข้าสงสัยว่าเขาจะทำยังไงกับผู้หญิงหน้าไม่อายที่หมายตาเขา”

หลายคนพากันขบคิดเรื่องความแข็งแกร่งและภูมิหลังของเจี้ยนเฉิน

แต่มันถึงกับมีหลายคนอยากดูว่าเจี้ยนเฉินจะรับมือยังไงกับเรื่องนี้

นั่นเพราเขากำลังเผชิญหน้ากับครอบครัวโม่จากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ฉินหยางซึ่งเป็นตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพอยู่ด้วย

ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อยเมื่อเจี้ยนเฉินเงียบไป สายตาของนางแสดงความโหยหาออกมาและนางก็ได้พูดขึ้นเบา ๆ “พี่ชาย ข้าตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ทำไมท่านถึงได้เย็นชากับข้านัก ? อย่าเคร่งเครียดไปหน่อยเลย แสดงความรักที่ท่านมีออกมาให้ข้าได้เห็น ข้าสาบานว่าจะไม่ทำร้ายท่านเลยแม้แต่น้อยไม่เหมือนกับชายคนเมื่อตะกี้”

“พี่ชาย ข้าสอนวิธีการบ่มเพาะคู่ให้กับท่านได้ เราลองทำมันแค่ครั้งเดียว แล้วความแข็งแกร่งของเราจะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ข้ารับรองกับท่านได้ว่าท่านจะชอบเมื่อได้ลองมัน”

ผู้หญิงครอบครัวโม่ยืนอยู่ด้านหลังเจี้ยนเฉินและพูดขึ้นมา นางคาดหวังและต้องการ นางไม่ได้โกหกเพราะนางนั้นชอบพอในตัวเจี้ยนเฉินจริง ๆ

“ รีบไปให้พ้น ไม่งั้นแล้วข้าจะแสดงให้ดูว่าข้าทำอะไรได้บ้าง” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาด้วยสายตาอาฆาต ผู้หญิงคนนี้อยู่เพียงขั้นศักดิ์สิทธิ์ นางไม่ต่างจากมดเมื่ออยู่ต่อหน้าเจี้ยนเฉิน เขาไม่คิดสนใจกับคนอ่อนแอเช่นนี้แต่การกระทำของนางทำให้เขาโกรธเคืองขึ้นมา

ผู้หญิงครอบครัวโม่รู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ต้องการทำตามที่นางพูด เมื่อรู้สึกถึงรังสีอาฆาตจากตัวเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของนางหม่นลง นางวางมือไว้ที่สะโพกก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ข้าหวังดีแต่เจ้ากลับปฏิเสธข้า ไม่มีผู้ชายแม้แต่คนเดียวที่ข้าต้องการแล้วสามารถหนีจากข้าไปได้ เจ้าเป็นของข้านับตั้งแต่วันนี้ เจ้าต้องเป็นทาสกามของข้า” เมื่อพูดจบนางก็หันไปหาชายวัยกลางคนสองคน “ผู้อาวุโส โปรดจับชายผู้นี้ให้ข้าที”

ผู้อาวุโสทั้งสองลังเลก่อนจะบินเข้าไปหาเจี้ยนเฉิน

“ดูเหมือนว่าครอบครัวโม่จะไม่มีใครดีจริง ๆ ” เจี้ยนเฉินยังคงแสดงท่าทีเฉยเมย มีปราณกระบี่อันเล็กปรากฏขึ้นใกล้กับนิ้วของเขายิงเข้าใส่ที่หน้าผากของผู้หญิงครอบครัวโม่

นางไม่อาจจะต้านทานได้ต่อหน้าขั้นเหนือเทพ รูเลือดปรากฏขึ้นมาที่หน้าผากและในพริบตานั้นวิญญาณของนางก็ถูกลบไป นางล้มลงไปทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในท่าเดิม

ผู้อาวุโสที้งสองที่บินเข้ามานั้นตะลึงเมื่อเห็นรูที่หน้าผากนาง สายตาของพวกเขาเบิกกว้างพร้อมสีหน้าเหลือเชื่อ นางคือคนจากครอบครัวโม่ นางมีสถานะพอสมควรแต่เจี้ยนเฉินกลับฆ่านางโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย มันทำให้ทุกคนตะลึง

“จะ จะ เจ้าฆ่าคุณหนูรอง ! ” ผู้อาวุโสทั้งสองหน้าซีดเผือด พวกเขาเข้าใจว่าสถานะของนางในครอบครัวโม่นั้นมีความหมายยังไง

นางคือคนที่บรรพชนครอบครัวโม่หวงแหนแต่นางกลับตายไปเช่นนี้ บรรพชนนั้นต้องโกรธแน่แท้

เจี้ยนเฉินมองไปยังผู้อาวุโสทั้งสองแล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “คนของครอบครัวโม่ หากเจ้าต้องการมีชีวิตต่อไป เจ้าควรจะระวังตัวเองไว้ในแคว้นตงอัน”

“จะ จะ เจ้ารู้รึไม่ว่าเจ้าฆ่าใครไป ? บรรพชนไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่” ผู้อาวุโสทั้งสองไม่กล้าจะพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินอีกต่อไป พวกเขากลับตะโกนใส่เขาแทน ทั้งสองบอกได้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นมีเหตุผลที่ฆ่าคนของตระกูลไปโดยไม่เกรงกลัว

“บรรพชนครอบครัวโม่เพิ่งจะเอาของบางอย่างจากข้าไป ไปรายงานบรรพชนของเจ้าซะ ข้า เจี้ยนเฉิน จะไปเยี่ยมเยียนเป็นการส่วนตัว” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น แม้ว่าเขาจะบอกว่าไปเยี่ยมแต่มันไม่เหมือนแบบนั้นเลยสักนิดหากดูจากน้ำเสียงของเขา

“อะไรนะ ! จะ จะ เจ้าคือเจี้ยนเฉิน ! จะ เจ้าคือผู้นำตระกูลเทียนหยวน ! ” สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองเปลี่ยนไปทันที พวกเขาต้องถอยกลับมาด้วยสีหน้าตะลึง

ในเวลาเดียวกันสีหน้าของผู้บ่มเพาะรอบ ๆ เองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน สายตาของพวกเขาเบิกกว้างมองดูเจี้ยนเฉินด้วยท่าทีเหลือเชื่อ ใจของพวกเขาพากันเต้นรัว

“อะไรกัน ? เขาคือผู้นำตระกูลเทียนหยวน ! ”

“สวรรค์ ข้าได้ยินไม่ผิดแน่นะ ? เขาคือผู้นำตระกูลเทียนหยวน เจี้ยนเฉิน ! ”

“ผู้นำตระกูลเทียนหยวนนั้นคือคนที่ควบคุมแคว้นตงอัน มันเป็นเกียรติของข้าที่ได้พบหน้าเขา”

ตอนนั้นสายตาของหลายคนที่จับจ้องมาที่เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็พากันชื่นชมจากก้นบึ้งหัวใจ

“ หนี ! หนี ! ” ผู้อาวุโสทั้งสองไม่กล้าพูดอะไรต่อ พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความกลัวก่อนจะหันกลับและหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ พวกเขาถึงกับไม่สนใจศพคุณหนูของตน

เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดและปล่อยให้พวกนั้นหนีไป แม้ว่าบรรพชนครอบครัวโม่จะเอาของจากเขาไป แต่นี่มันก็เป็นเรื่องระหว่างเขากับบรรพบุรุษ เขาไม่ได้คิดจะลากขั้นเทพคนอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

ตอนนั้นเจี้ยนเฉินมองไปยังชายแก่ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ เขาป้องมือและพูดขึ้นว่า “ข้าขอถามชื่อเจ้าได้รึไม่ ? ”

ชายแก่ตกใจตอนที่ได้ยินเจี้ยนเฉินถามชื่อของตนด้วยตัวเอง เขารีบป้องมือกลับและพูดขึ้น “ ข้า ชีเฉียน จากแคว้นไคหยางของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน ขอคำนับผู้นำตระกูล ! ”

“ชีเฉียน ข้าเห็นว่าเจ้าประสบความสำเร็จกับกระบี่ ข้าสงสัยว่าเจ้าสนใจจะเข้าร่วมกับตระกูลเทียนหยวนของข้าหรือไม่ หากเจ้าตกลง ข้าจะช่วยเจ้าด้วยทุกอย่างที่ข้ามีเพื่อที่เจ้าจะได้กลายเป็นขั้นเหนือเทพ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น เขาพยายามดึงชีเฉียนเข้าพวก นี่เพราะเขารู้สึกได้ว่าความสำเร็จของชีเฉียนในทางกระบี่นั้นก้าวหน้าได้มากกว่านี้

ชีเฉียนดีใจมากและพูดขึ้นว่า “จริงหรือ ? หากข้าเข้าร่วมตระกูลเทียนหยวน ผู้นำตระกูลจะช่วยข้าให้กลายเป็นขั้นเหนือเทพหรือ ? ”