ผลการฝึกตนของตนเป็นเพียงเทพฟ้า แต่อาจารย์กลับใช้เหล็กเซียนระดับมหาจักรพรรดิกลั่นอาวุธสงครามให้เขา นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกตื้นตันใจมาก

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เขาต้องตัดใจทำเช่นนี้ไม่ได้แน่นอน และในเมื่อจีเสวียนคงตัดใจทำเช่นนี้ได้ ก็แสดงว่าลูกศิษย์คนนี้ที่อยู่ในใจตัวเองนั้นสำคัญกว่าเหล็กเซียนเม็ดโลหิตมาก

“ท่านปู่ลำเอียง!”

จีเสี่ยวจื่อที่อยู่ข้าง ๆ ทนดูต่อไปไม่ค่อยได้แล้ว นางพูดเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว: “ข้าก็จะเอาอาวุธที่เก่งกาจชิ้นหนึ่งเช่นกันเจ้าค่ะ”

“จักไปที่ใดก็ไป ปู่ไม่มีวัตถุดิบแล้ว มิหนำซ้ำหากไม่ใช่เพราะจะให้ศิษย์พี่เจ้าไปแดนเทวนิรันกาล ปู่ไม่ยอมใช้วัตถุดิบที่ดีเช่นนั้นกลั่นอาวุธให้เขาหรอกนะ”จีเสวียนคงเบ้ปากพลางพูด

“มิฉะนั้นศิษย์พี่ท่านมอบใบไม้ของต้นเทวหยกโลหิตให้ข้าสักใบเถิดนะ?”จีเสี่ยวจื่อกลอกตาไปมา ก่อนจะมุ่งความสนใจไปที่หลัวซิว

ต้นเทวหยกโลหิตนั่นไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อตัวเองมากเท่าไหร่นัก หลัวซิวจึงเด็ดใบไม้ลงมาจากด้านบนหนึ่งใบ เช่นนี้ถึงจะทำให้ยัยหนูจีเสี่ยวจื่อนี่ประพฤติตัวดีขึ้นมาหน่อย

“อาจารย์ แดนเทวนิรันกาลจะเปิดออกเมื่อใดขอรับ?”หลัวซิวเอ่ยปากสอบถาม

เมื่อนั้นสาเหตุที่เขาอยากไปแดนเทวนิรันกาลนั้นเป็นเพราะมุ่งเป้าไปที่หลิวเซี่ยหาน ปัจจุบันเรื่องราวของหลิวเซี่ยหานถูกจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่สามารถทำให้เยว่เอ๋อร์กลับมาข้างกายตน แต่เรื่องนี้ก็ถือว่าถึงตอนจบแล้ว

ดังนั้นหลัวซิวจึงนึกถึงหนิงหานยู่และฉียู่หรงที่ยังอยู่บนจินเฮ่าซิง ผลการฝึกตนของหญิงสาวทั้งสองถือว่าไม่สูง ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าพวกนางเชื่อฟังคำพูดของตนฝึกตนปิดขังอยู่ในที่พักบนจินเฮ่าซิงหรือไม่

แล้วก็กระดูกของเทพสงครามเอกภพนั่นอีก เดิมทีเขาวางแผนที่จะไปตระกูลเทพสงครามเที่ยวหนึ่งขณะที่อยู่ในโลกะดาราอัมพรเทว แต่เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ล่าช้า หากมีเวลาละก็ เขาก็เตรียมพร้อมที่จะลงไปยังโลกามนุษย์รอบหนึ่งเช่นกัน ไปเอากระดูกของเทพสงครามเอกภพ ส่งไปประกอบพิธีฝังศพที่ตระกูลเทพสงคราม และถือเป็นการส่งดวงวิญญาณกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอน

“น่าจะใกล้แล้วล่ะ อีกทั้งยังจะเปิดออกในเร็ว ๆ นี้ด้วย เจ้าต้องปรับสภาวะของตัวเองให้ดี เนื่องจากถึงครานั้นหากอยู่ในแดนเทวนิรันกาล เจ้ามีโอกาสพบเจอกับอัจฉริยะไร้เทียมทานจากมหาโลกาอื่น ๆ สูงมาก”จีเสวียนคงพูดกระแทกเสียงต่ำ

เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าพรสวรรค์ของลูกศิษย์คนนี้ของตัวเองวิปริตและเก่งกาจดุจปีศาจ ทว่าอย่างไรเสียผลการฝึกตนก็ต่ำไปหน่อย

การเปิดออกของแดนเทวนิรันกาลจะทำให้อัจฉริยะจำนวนมากจากมหาโลกาพันสามรวมตัวกัน ไม่แน่ในมหาโลกาใบใดใบหนึ่งก็อาจจะมีผู้ที่เก่งกาจดุจปีศาจที่ไม่อ่อนกว่าหลัวซิวก็เป็นได้

สามวันต่อมา หลัวซิวมาถึงสนามจัตุรัสเส้นทางดาราพร้อมกับจีเสวียนคง นอกจากเขาแล้ว อีกเก้าคนที่เหลือก็ต่างปรากฏตามลำดับเช่นกัน

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพวกเขาทั้งสิบคน เป็นตัวแทนเด็กรุ่นใหม่ของมหาโลกายอดอัมพรที่เข้าไปยังแดนเทวนิรันกาล

เรือรบดาราลำหน่ึงของหอยอดอัมพรจอดเทียบท่าอยู่กลางนภา รอหลังจากที่พวกหลัวซิวขึ้นเรือแล้ว เรือรบดาราลำนี้ก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้ากะทันหัน หายวับไปในห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างไร้ที่สิ้นสุด

“เจ้าหนู คอยเข้าไปในแดนเทวนิรันกาลแล้ว มีจุดหนึ่งที่เจ้าจำเป็นต้องจำให้ขึ้นใจนั่นก็คือนอกจากตัวเจ้าแล้ว อย่าได้เชื่อใจผู้อื่นเป็นอันขาด!”

“ยังมีอีกจุดหนึ่งก็คือเจ้าต้องระวังผู้คนในมหาโลกาจ้านเทียน เนื่องจากมหาจักรพรรดิยุทธ์คนปัจจุบันนั้นกำเนิดจากมหาโลกาจ้านเทียน ในมหาโลกาพันสาม ก็มีเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่มีวิธีทลายตัวต้องห้ามของแดนเทวนิรันกาล ส่งแดนมกุฎเทพเข้าไป”

“แดนมกุฎเทพ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวก็หวาดหวั่นขึ้นมา

“ถูกต้อง เราไม่มีวิธีการส่งมกุฎเทพเข้าไปในแดนเทวนิรันกาล ทว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนกลับทำเช่นนั้นได้ หากไม่มีวิธีการที่เก่งกาจ แล้วจักได้รับสมญานามว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานในหมู่จักรพรรดิเทพจำนวนมากได้อย่างไรเล่า?”จีเสวียนคงพูดอย่างตึงเครียด

หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อยู่ว่ามาตรแม้นว่าเป็นผู้ที่มีสองตัวตนอย่างมหาปรมาจารย์ยาเซียนและผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพอย่างอาจารย์เขา ขณะที่พูดถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนนั่นก็เปี่ยมล้นไปด้วยความเกรงกลัวเช่นกัน

“มหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานอย่างนั้นหรือ?”