ตอนที่ 3378

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3378 : จุดหมายแรก อวี้หวงเทียน

 

ย้อนกลับไปในตอนนั้น ก่อนที่เฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนซือหลิงและคนอื่นๆ จะถูกส่งตัวหลบหนีออกจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ เซี่ยเจี๋ย นายสามของตระกูลเซี่ย ก็ได้มอบลูกแก้ววิญญาณให้ทุกคน เพื่อให้ทุกคนประทับรอยวิญญาณลงไปในลูกแก้ว แล้วแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกันไว้ เพื่อที่จะได้ใช้มันเป็นสื่อในการติดต่อกันภายหลัง

 

และเพื่อป้องกันไม่ให้รอยวิญญาณที่ประทับไว้ในลูกแก้วหายไปก่อนเวลาอันควร เช่นนั้นลูกแก้ววิญญาณที่เซี่ยเจี๋ยมอบให้ทุกคน ก็ล้วนเป็นลูกแก้ววิญญาณของระนาบเทพ ซึ่งคุณภาพของมันสูงกว่าลูกแก้ววิญญาณที่ใช้กันในระนาบเทวโลกมาก

 

เซี่ยเจี๋ยย่อมรู้แต่แรกว่าตอนที่จะส่งตัวทุกคนให้หลบหนีออกมา มันทําได้แค่สงมายังระนาบโลกียะเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นระนาบโลกียะอะไร

 

ที่สําคัญอาจมีโอกาสที่ทุกคนจะแยกย้ายกระจัดกระจายกันไปยังระนาบโลกียะต่างๆ

 

การมอบลูกแก้ววิญญาณให้ทุกคนเช่นนี้ ก็เพื่อหวังให้ทุกคนสามารถหาทางติดต่อกันได้หลังจากขึ้นสู่ระนาบเทวโลกมาแล้ว ส่วนเรื่องที่จะติดต่อกันตอนอยู่ระนาบโลกียะนั้น มันไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ เพราะหากถูกสุ่มส่งไปกันคนละที่ก็จบ

 

ระนาบโลกียะมีจํานวนมากมายเหลือเกิน และไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ในระนาบโลกียะคงไม่อ จหายันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณได้ด้วยซ้ำ

 

เช่นนั้นมีก็แต่ให้ทุกคนขึ้นมายังระนาบเทวโลกแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถเริ่มต้นสื่อสารกับคนอื่นๆได้อีกครั้ง

 

เพราะถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในระนาบเทวโลกเดียวกัน แต่บนระนาบเทวโลก สามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปทุกระนาบเทวโลกได้ง่ายดาย เพียงแค่ย้ายระนาบแล้วใช้ลูกแก้ววิญญาณเป็นสื่อในการติดต่อ ไม่นานนักก็คงนัดพบกันได้

 

อย่างไรก็ตาม ตอนที่เซี่ยเจี๋ยส่งทุกคนให้มายังงระนาบโลกียะ เชี่ยเจี๋ยไม่มียันต์อมตะสื่อสารพกติดตัว จึงไม่ได้ให้ทุกคนเอาไว้

 

“พี่ใหญ่ต้วน ตอนที่ข้ากับซือหลิงถูกส่งไประนาบโลกียะที่ไม่คุ้นเคย ลูกแก้ววิญญาณที่พวกเรามี พอเอามารวมกันนอกจากคนไม่กี่คนแล้ว ของคนส่วนใหญ่พวกเรามี”

 

หลังออกจากสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง ที่บัดนี้กลายเป็นสถานที่ตั้งรกรากใหม่ของนิกายกระบี่เมฆรุ้งไปแล้ว ระหว่างเดินทางกลับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน เฟิ่งเทียนหวู่ก็เอ่ยกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“สําหรับลูกแก้วของคน 7 ทวาราเที่ยงแท้นั้นข้ามีครบทุกคน แต่ว่าตอนนี้นอกจากลูกแก้ววิญญาณของพี่สาวมู่อีอีกับเฉวี่ยไน ลูกแก้ววิญญาณของคนอื่นล้วนแตกหมดแล้ว!”

 

มู่อีอี เป็นผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลําดับที่ 2 และยังเป็นผู้ฝึกเต๋าท้าทายสวรรค์

 

ในตอนนั้นที่อวิ๋นชิงเหยียนพาครอบครัวและมิตรสหายของต้วนหลิงเทียนไปยังดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ มู่อีอีก็ได้ถูกพาตัวไปด้วย เช่นนั้นนางก็เลยถูกเซี่ยเจี๋ยส่งตัวหลบหนีออกมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพเช่นกัน

 

ส่วนตอนนี้นางไปอยู่ที่ไหนแล้ว ไม่มีใครบอกได้

 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินวาจาประโยคนี้ของเฟิ่งเทียนหวู และพบว่านอกจากเขาเฟิ่งเทียนหวู่ กับหานเฉวี่ยไน และมู่อีอี ที่ยังมีชีวิตแล้ว

 

7 ทวาราเที่ยงแท้คนอื่นๆได้ตกตายไปหมดสิ้น

 

“ตายหมดแล้ว?”

 

วาจานี้ของเฟิงเทียนหวู่ ทําให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปมหันต์ ดวงตาเริ่มฉายชัดถึงความเคียดแค้นชิงชัง สองหมัดกําแน่น “อวินชิงเหยียน อวินชิงเหยียน…หากไม่ฆ่าเจ้าให้ตาย ข้า ต้วนหลิงเทียนไม่ขออยู่เป็นคน!”

 

“รอข้าก่อนเถอะ…เจ้ารอข้าก่อน! ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพกับระนาบเทวโลกเปิดออกเมื่อไหร่ ข้าจะดั้นด้นขึ้นไประนาบเทพเพื่อหาเจ้า!”

 

ต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันแลดูดุร้ายอํามหิตนัก ทั่วร่างแผ่พุ่งกลิ่นอายฆ่าฟันออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ ทําให้ผู้คนรอบข้างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสะท้านจับใจ

 

“แล้วลูกแก้ววิญญาณของคนอื่นๆล่ะ…เป็นเช่นไรแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามเฟิ่งเทียนหวูด้วยสายตาจริงจัง

 

“ในมือของข้ากับซือหลิง พวกเรามีลูกแก้ววิญญาณของพี่สาวเฟยเอ๋อ เนี่ยนเทียน ลุงหรูเฟิ่ง ป้าลี่หลัว เฉวี่ยไนแล้วก็ลูกแก้ววิญญาณของท่านพ่อข้า ทั้งหมดยังไม่แตกสลาย ส่วนลูกแก้ววิญญาณของอาวุโสไปลี่หงข้าไม่มี…แต่ท่านพ่อของข้าสมควรมี เช่นนั้นข้าเองก็บอกไม่ได้ว่าอาวุโสไป๋ลี่หงเป็นเช่นไรแล้ว”

 

เฟิงเทียนหวู่กล่าว

 

“เฮ่อ…เช่นนี้ก็ดี”

 

พอได้ยินวาจาของเฟิงเทียนหวู่ ต้วนหลิงเทียนที่ใจเต้นระส่ำขณะรอฟัง ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันเขาก็ได้แต่หวังว่าไปลี่หงรวมถึงคนอื่นๆจะไม่เป็นอะไร หาไม่แล้วเขาคงยากจะอภัยให้ตัวเองได้

 

เพราะสุดท้าแล้วที่ไฉนทุกคนต้องมาพบพานกับหายนะครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้

 

ทั้งหมดเป็นเพราะเขา

 

หากไม่ใช่เพราะอวินชิงเหยียนเกลียดเขา รวมถึงคิดบีบคั้นให้เค่อเอ๋อไปจากเขา…ญาติสนิทมิตรสหายของเขาคงไม่ถูกอวินชิงเหยียนจับมาเป็นตัวประกัน เพื่อบีบคั้นให้เค่อเอ๋อกลับไปดินแดนแห่งการล่มสลายของทวยเทพกับมัน

 

“พวกเราย้อนกลับไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ก่อน แล้วไปค้นหาชื่อระนาบเทวโลกต่างๆ จากนั้นเทียนหวู่เจ้ากับซือหลิงก็มอบลูกแก้ววิญญาณของทุกคนให้ข้า ข้าจะไปตระเวนตามระนาบเทวโลกต่างๆเพื่อตามหาทุกคนเอง”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองเฟิงเทียนหวู่กับต้วนซือหลิง และฟังจากวาจาที่กล่าว ก็เห็นชัดว่าเขาเตรียมจะเดินทางไปยังระนาบเทวโลกต่างๆ เพื่อตามหาตัวทั้งรวบรวมญาติสนิทมิตรสหายของเขาเพียงลําพัง

 

“ดูจากเวลาแล้วทุกคนที่สมควรถูกพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพขัดเกลาชําระมาตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ สิบในสิบสมควรขึ้นสู่ระนาบเทวโลกกันหมดแล้ว!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“พี่ใหญ่ต้วน ข้าจะไปกับท่านด้วย”

 

เฟิ่งเทียนหวู่เอ่ยออกเสียงขรึม

 

“ท่านพ่อ ข้าเองก็อยากไปกับท่าน”

 

ต้วนซือหลิงก็เร่งกล่าวออกมาอีกคน

 

ทั้งคู่ที่ได้ยินคําพูดของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ ก็ตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนคิดให้พวกนางรออยู่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน แล้วออกไปตามหาทุกคนด้วยด้วยตัวเอง

 

“พวกเจ้า บ่มเพาะที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไปพลางๆก็ได้”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ทว่าพอกล่าวจบ เขาก็ฉุกคิดเรื่องสําคัญได้ออก “ช่างเถอะ ข้าดันลืมไปว่าลูกแก้ววิญญาณที่ข้าเคยให้ทุกคนเอาไว้สมควรเสื่อมแล้ว ถึงข้าติดต่อไปแต่ทุกคนก็คงไม่มีทางติดต่อหาข้าได้ นอกจากนั้นการบ่มเพาะพลังในพระราชวังจักรพรรดิสวสรรค์ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าในโลกใบเล็กของข้าเลย พวกเจ้าก็ไปด้วยกันกับข้าเถอะ”

 

สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ถึงแม้จะเหนือกว่าที่ไหนบนระนาบเทวโลก แต่มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะภายในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียนเลย

 

เพราะพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กภายในกายของเขา มันมาจากซากระนาบเทพที่ล่มสลาย

 

และเฟิงเทียนหวู่กับต้วนซือหลิง ที่ไฉนด่านพลังฝึกปรือก้าวหน้ามาถึงขนาดนี้ได้ ก็เพราะผ่านการชําระขัดเกลาจากพลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทพมา

 

หลังจากนั้นไม่นาน พวกต้วนหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เมี่ยเทียน

 

หลังกลับมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ต้วนหลิงเทียนกรีบวิ่งตรงไปหาผู้เฒ่าทั่วทันที “ผู้เฒ่าหัว ท่านรู้ชื่อของระนาบเทวโลกทั้ง 81 ระนาบไหม?”

 

“หืม?”

 

พอผู้เฒ่าหัวได้ยินคําถามดังกล่าวก็ผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “เหอะๆ เรื่องพวกนี้ข้ามิเคยคิดจะจดจํามาก่อนเลย…ไฉนอยู่ๆเจ้าถึงถามเรื่องนี้เล่า เจ้าหนูหลิงเทียน?”

 

“พอดีข้าอยากไปตามหาคนนะ”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกสั้นๆ ผู้เฒ่าหัวก็เข้าใจได้ไม่ยาก “เข้าใจแล้ว…เช่นนั้นเจ้ารอข้าสักครู่ไม่เกิน 2 วัน ข้าจักเอารายชื่อระนาบเทวโลกมามอบให้เจ้า”

 

“ขอบคุณผู้เฒ่าหัว รบกวนท่านแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณผู้เฒ่าหัวซ้ำๆ จากนั้นผู้เฒ่าหัวก็จากไปทันที

 

ฮ่วนเอ๋อนับว่ารู้ความมาก

 

หลังจากกลับมาครั้งนี้ ฮ่วนเอ๋อก็ไม่ได้ทําตัวติดด้วนหลิงเทียนแจเหมือนก่อน แต่เลือกจะให้เวลาต้วนหลิงเทียนกับต้วนจือหลิงได้อยู่ด้วยกัน

 

ตลอดระยะเวลาสองวันที่รอ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้บ่มเพาะพลังแต่อย่างใด ทว่าเลือกจะอยู่กับเฟิ่งเทียนหวู่และต้วนซือหลิง นั่งฟังทั้งสองคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากที่พวกนางถูกส่งตัวมายังระนาบโลกียะ

 

พอได้ยินเรื่องราวเฉียดฉิวหลายอย่าง แม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้แก่ใจว่าทั้งคู่ผ่านมันมาได้แล้ว แต่เขาก็อดหวาดเสียวในใจแทนต้วนซือหลิงกับเฟิ่งเทียนหวูไม่ได้

 

“ท่านพ่อ…ว่าแต่ ท่านกับฮ่วนเอ๋อ ดูเหมือนความสัมพันธ์จะไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทกันใช่ไหม?”

 

หลังจากเล่าเรื่องราวของตัวเองเสร็จแล้ว ต้วนซือหลิง ก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตารู้มาก เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มลี้ลับ

 

เฟิงเทียนหวู่ที่อยู่ข้างๆ ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาระแวดระวัง

 

ด้านต้วนหลิงเทียนพอได้ยินคําถามนี้จากลูกสาว เขาก็มองไปยังเฟิงเทียนหวู่ด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่พบกับฮ่วนเอ๋อ จวบจนได้ทําความรู้จัก ทั้งใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างไร กระทั่งจนถึงวันที่ในใจเขาเริ่มมีฮ่วนเอ๋อ…

 

“เทียนหวู่…”

 

ต้วนหลิงเทียนที่มองไปยังเฟิงเทียนหวู่ที่ตอนนี้แลดูอารมณ์อ่อนไหวมากด้วยสายตาเปี่ยมล้นไปด้วความรักความอ่อนโยนพลางยิ้มกล่าวว่า “หลังจากข้าช่วยเค่อเอ๋อกลับมาได้แล้ว ข้าจะจัดงานแต่งอันยิ่งใหญ่กับเจ้าเพียงลําพัง..”

 

“พี่ใหญ่ต้วน…ข้า…ข้าไม่เป็นไร”

 

เฟิงเทียนหวู่กล่าวออกด้วยความขวยเขิน ทําอะไรไม่ถูก

 

“นี่เป็นคํามั่นสัญญาที่ข้ามให้เจ้า ตลอดเวลาในใจข้ามีเจ้าเสมอ เรื่องนี้ไม่เคยเปลี่ยน

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

ย้อนกลับไปตอนยังอยู่ในระนาบเซียน สตรีเบื้องหน้าถึงกับยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเขากับสตรีที่สละได้กระทั่งชีวิตเพื่อเขาแล้ว เขาจะกล้าทําให้นางผิดหวังได้อย่างไร?

 

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาก็รักนางเช่นกัน

 

“ท่านแม่..”

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนเอ่ถึงมารดา สองตาซือหลิงก็ฉายแววกังวลออกมาทันที “ท่านพ่อ ท่านว่า…ท่านแม่ตอนนี้จะยังอยู่ดีหรือไม่?”

 

“แน่นอน”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับแข็งขัน ท่าทางเต็มไปด้วยความคิดแง่บวก

 

ระนาบเทวโลกนั้น มีด้วยกันเก้าเก้า 81 ระนาบ

 

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนรู้ตั้งแต่ก่อนจะขึ้นมายังระนาบเทวโลกแล้ว

 

“ผู้เฒ่าหัว ท่านจะไปกับข้าหรือ?”

 

หลังจากต้วนหลิงเทียนได้รับยันต์อมตะบันทึกความทรงจํา ที่ผู้เฒ่าหัวพึ่งอาศัยการเคลื่อนย้ายไปยังระนาบเทวโลกต่างๆเพื่อบันทึกรวมถึงหาซื้อรายละเอียดเกี่ยวกับระนาบเทวโลกนั้นๆ มาในช่วงเวลา 2 วันที่ผ่าน เขาก็ได้ยินผู้เฒ่าหัวเอ่ยว่าจะไปด้วยกันกับเขา

 

“ใช่”

 

ผู้เฒ่าหัวพักหน้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเองนอกจากเรื่องไปจัดการยันต์อมตะเก็บความทรงจําให้เจ้าแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าก็แทบไม่ได้ออกไปไหนเลย คราวนี้เลยว่าจะไปกับพวกเจ้าด้วย”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นหากข้าไม่ไปกับเจ้าด้วย เมิ่งหลัวย่อมกังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ้าจนอยู่ไม่สุขแนถึงตอนนั้นไม่พ้นต้องขอติดตามเจ้าไปด้วยตัวเอง แล้วเจ้าคิดจะให้เฟิ่งหลัวไปกับเจ้าหรือให้ข้าไปกับเจ้าเล่า?”

 

ผู้เฒ่าหัวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ในสายตาของเมิ่งหลัว เจ้าคือนายน้อยเพียงหนึ่งเดียวของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ามันจะไปสู้หน้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์อย่างไร…”

 

“เจ้าคงยังไม่เข้าใจ ว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ให้ความสําคัญต่อเจ้าถึงระดับไหนกระมัง”

 

ผู้เฒ่าหัวกล่าว

 

“ผู้เฒ่าหัวผู้อาวุโสฟงชิงหยางโทษข้ารึเปล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกผิดไม่น้อย เพราะเหตุผลเดียวที่ทําให้ร่างที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ยังติดอยู่ในนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลกจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ

 

“เรื่องนี้ ข้าเองก็เคยถามใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แล้วเช่นกัน”

 

ผู้เฒ่าหัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์บอกข้าด้วยเสียงหัวเราะว่าเรื่องนี้ ท่านไม่เพียงแต่จะไม่โทษเจ้า แต่ยังรู้สึกขอบคุณเจ้าอีกด้วย เนื่องเพราะนรกอสุราได้มอบโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ให้กับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”

 

“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังกล่าวอีกว่า หากไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้าอาศัยการบ่มเพาะฝึกปรือไปตามปกติ อย่างน้อยๆกว่าจะมาถึงจุดที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้ ก็ต้องใช้เวลานับพัน กระทั่งอาจจะเป็นหมื่นปี…”

 

พอได้ยินคําตอบของผู้เฒ่าหัว ต้วนหลิงเทียนก็พอได้ระบายลมหายยใจออกมาอย่างโล่งอก

 

แต่แน่นอน ว่าความรู้สึกผิดในใจยังฝังลึกยากจะลบเลือนได้ง่ายๆ

 

บางทีเมื่อได้พบเจอกับอาวุโสฟงชิงหยาง และได้กล่าวขอขมาเป็นเรื่องเป็นราว ความรู้สึกผิดในใจเขาจึงจะลดลง

 

“เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะผู้เฒ่าหัว”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวชวนผู้เฒ่าหัว จากนั้นก็เดินทางไปยังสถานที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เมี่ยเทียน และใช้ค่ายกลดังกล่าวไปเยือนระนาบเทวโลกแห่งแรกทันที

 

อวี้หวงเทียน

 

ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเคยมาออี้หวงเทียนแล้ว ยังไปถึงแดนทักษินยุทธ์เพื่อเข้าร่วมกับนิกายกระบหมื่นหายนะพร้อมกับฮ่วนเอ๋อ

 

หลังจากนั้นมีเหตุให้ต้องไปวังเทียนฉือของอู่หยาเทียน

 

“ลองดูว่า จะมีใครตอบกลับมาหรือไม่…”

 

พอมาถึงอวี่หวงเทียน ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณโดยอาศัยลูกแก้ววิญญาณของพวกเฟย ต้วนเนียนเทียน ต้วนหรูเฟิง ลี่หลัว และคนอื่นๆ จากเฟิ่งเทียนหวู่เป็นสื่อเพื่อติดต่อไปหาทุกคนทันที

 

ขณะที่รอฟังคําตอบ ต้วนหลิงเทียนก็พาทุกคนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังแดนทักษินยุทธ์ทันที “พวกเราออกจากวังเทียนฉือมาสักพักแล้ว…หากผู้อาวุโสจูเก่อฟงกับจูเก่ออวิ๋นล่วงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวังเทียนฉือ ป่านนี้คงเป็นห่วงข้ากับฮ่วนเอ๋อไม่น้อย”

 

“ไปหาทั้งคู่ก่อนเถอะ”