หลังจากวินนี่ดูวิดีโอจบ ก็โบกมือให้กอร์ดอนแล้วพูดว่า “หนุ่มน้อย ขอไอแพดให้ฉันหน่อยสิ”

กอร์ดอนบ่นพึมพำว่า “อย่าเพิ่งครับ พี่วินนี่ ผม…”

“ฮะ?” วินนี่ยิ้มพร้อมกับมองไปที่เขา ที่กำลังดูมีความสุขมาก

กอร์ดอนรีบกระโดดขึ้นทันทีและปิดเกมในไอแพดแล้วส่งให้เธอด้วยความเคารพพร้อมกับส่งยิ้มให้ แล้วพูดว่า “แหะแหะ ไม่มีอะไรครับพี่วินนี่ เมื่อกี้ผมแค่แกล้งพี่เท่านั้นเอง”

ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อครู่นี้กอร์ดอนดูเหมือนกับเสี่ยวไท่เจียนในเก้าประตูเมือง

วินนี่ใช้นิ้วกดไปที่แอปสีขาวในไอแพด จากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “นายเล่นเกมอะไร? ไม่ใช่ว่าเป็นการเข่นฆ่าหรือความรุนแรงนะ ฉันจะถอนการติดตั้งออกให้หมดเลย”

ทันทีที่เธอพูดจบ กอร์ดอนก็แทบจะกรีดร้องออกมา เขามองไปที่วินนี่เหมือนกับลูกหมาที่ถูกรังแกแล้วพูดขอร้องอ้อนวอนว่า “อย่าเลยนะพี่วินนี่ ผมโตจนจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว นอกจากนี้เกมนี้ เดิมทีได้รับการพัฒนามาสำหรับนักเรียนมัธยมต้นด้วย อย่าถอนการติดตั้งออกเลยได้ไหม?”

วินนี่ยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า “ดูเหมือนนายจะกลัวนะ ฉันแค่แกล้งนายเอง”

กอร์ดอนปาดเหงื่อบนหน้าผากและพูดด้วยอย่างโล่งใจว่า “พี่วินนี่พี่นี่ซนจริงๆ ฉินแต่งงานกับพี่แล้วนะ…เป็นโชคของเขาจริงๆ!”

สายตาของวินนี่ที่จับจ้องไปที่เขาก็อ่อนโยนลงทันที

กอร์ดอนตัดสินใจที่จะออกห่างจากสถานที่แห่งความถูกและผิดแห่งนี้ เขาผายมือให้ฉินสือโอวแล้วก็ถอนหายใจพร้อมกับเดินจากไป

วินนี่เปิดโน้ตแพดในไอแพดและส่งให้ฉินสือโอว แล้วพูดว่า “มาที่รัก มาเขียนเรื่องราวทั้งหมดระหว่างคุณกับรุ่นพี่เซี่ยของคุณลงไป ฉันจะได้รู้ประวัติความสัมพันธ์ของคุณด้วย”

ไวส์ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเข้าจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันทีและถามว่า “อาจารย์มีพี่สาวด้วยเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นผมก็มีพี่สาวได้ใช่ไหม?”

วินนี่พูดอย่างไม่สนใจว่า “ไวส์ เวลาแห่งความสนุกยามเย็นได้จบลงแล้ว นายควรไปเรียนได้แล้วนะ”

ไวส์มองดูนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์แล้วพูดว่า “ไม่นะครับพี่วินนี่ นี่เพิ่งจะทุ่มครึ่งเอง อีกครึ่งชั่วโมงถึงจะหมดเวลาแห่งความสนุก”

วินนี่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับใช้รีโมทคอนโทรลปรับเวลาของนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ให้ตรงกับสองทุ่มตรง จากนั้นเธอก็มองไปที่ไวส์และพูดว่า “นี่ไงถึงเวลาแล้วนะ?”

ไวส์อ้าปากค้างพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มิเชลกลับลากเขาออกไปและกระซิบว่า “นี่นายโง่หรือเปล่า? รีบวิ่งเลย กำลังจะเกิดสงครามขึ้นที่นี่!”

วินนี่ก็มองไปที่พาวลิส ซึ่งกำลังรีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

วินนี่พยักหน้าและตอนนี้ก็เหลือเชอร์ลี่ย์เพียงคนเดียว โลลิต้าโผล่หน้ายิ้มแย้มน่ารักออกมาและพูดว่า “พี่วินนี่ อย่าเพิ่งรีบไล่หนูนะคะ โอเคไหม? หนูอยากเรียนรู้วิธีจัดการผู้ชายจากพี่ พี่คือไอดอลของหนู”

คำพูดนี้ทำให้วินนี่สบายใจมาก แต่ฉินสือโอวไม่พอใจ จึงร้องตะโกนว่า “สองทุ่มแล้วยังไม่กลับบ้านอีก? เงินค่าขนมของสัปดาห์หน้าไม่อยากได้แล้วใช่ไหม?”

เชอร์ลี่ย์ยืนขึ้นพร้อมกับทำปากมุ่ย ในขณะที่เธอเดินผ่าน เธอจึงเหยียบนิ้วเท้าของฉินสือโอวและพึมพำว่า “โฮะๆๆ คุณก็ร้องตวาดได้นี่นา คุณก็ตวาดใส่ภรรยาคุณสิ? ทำไมคุณต้องกลัวขนาดนี้ ทำไมไม่ทำให้ภรรยาของคุณกลัวบ้างล่ะ?”

เมื่อพวกเด็กๆ ออกไป วินนี่จึงยื่นไอแพดให้เขาและพูดว่า “ที่รัก ฉันคิดว่าคุณรู้ว่าคุณเป็นรักแรกของฉันและยังเป็นสามีของฉันด้วย แล้วคุณล่ะ?”

ตอนที่ฉินสือโอวเรียนมหาวิทยาลัยเขาเคยมีแฟน แต่ทั้งสองก็จบกันด้วยดีและไม่มีอะไรต่อกันแล้ว แต่เรื่องนี้มีน้อยคนมากที่จะรู้ เหมาเหว่ยหลงก็เหมือนจะไม่ได้รู้อะไรมาก ดังนั้นวินนี่จะรู้ได้อย่างไร?

แต่เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไร เขาจึงเล่าให้วินนี่ฟัง เรื่องนี้ผ่านมานานมากแล้ว ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งได้พบกันที่ห้องสมุดและได้ทำความรู้จักกันในห้องเรียนจนพวกเขากลายเป็นแฟนกัน แต่พอคบกันได้สักพักหนึ่ง ก็พบว่าระหว่างพวกเขาไม่เหมาะสมกันเลย สุดท้ายก็เลิกกันไป

หลังจากได้ยินเรื่องราวของเขา วินนี่ก็หัวเราะคิกคักขึ้นมาพร้อมกับโอบแขนของเขาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นความสัมพันธ์ของคุณก็คงผ่านมาเยอะเลยสิ ผู้หญิงคนนี้ชื่อหยางหมิ่นเหรอ? แล้วเซี่ยจือหลินล่ะ?”

ฉินสือโอวพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “เซี่ยจือหลินเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งของพวกเรา เธออายุมากกว่าเราสองปี ระหว่างผมกับเธอไม่ได้มีอะไรเลยนะ เราแทบจะไม่ได้พูดอะไรกันเลยด้วยซ้ำ”

วินนี่เปิดวิดีโอในโทรศัพท์ เธอยิ้มและพูดว่า “ดูสิ ปากแข็งจริงๆ เลยนะ”

ฉินสือโอวคว้าโทรศัพท์มาและเริ่มดู วิดีโอที่ถ่ายอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างมืดสลัว ตอนแรกมีเสียงดังและมีเสียงขวดเหล้าชนกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นมีคนตะโกน ‘เฮ้’ และเริ่มถามกันเสียงดังว่า

“ฉินสือโอว จำรุ่นพี่เซี่ยจือหลินได้ไหม?”

“อืม จำได้สิ รุ่นพี่เซี่ย ฉันจำได้แน่นอน” ฉินสือโอวถึงกับผงะ แม้ว่าเสียงนั้นจะคลุมเครือมาก แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่านั่นเป็นเสียงของเขาเอง แต่ทำไมถึงจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยพูดแบบนั้นออกไป?

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา วินนี่ก็ยิ้มหวานมากขึ้นกว่าเดิม

“ฉันได้ยินมาว่าคุณเคยแอบชอบรุ่นพี่เซี่ย? ใช่ไหม? คุณเคยทำเรื่องบ้าๆ อะไรกับรุ่นพี่เซี่ย? ฉันได้ยินมาว่าโคโกโร่เคยจูบเธอด้วย”

“เรื่องไร้สาระน่ะ แอบรักอะไรกัน? รุ่นพี่เซี่ยกับผมเป็นความรักที่บริสุทธิ์! แล้วอีกอย่างใครบอกคุณว่าโคโกโร่เคยจูบเธอ? จูบในความฝันล่ะสิไม่ว่า? ผมเป็นคนรักของเธอ! จูบแรกของเธอก็คือผมเอง ฮ่าฮ่า…”

วินนี่รับโทรศัพท์พร้อมกับยักไหล่ใส่ฉินสือโอวและแสดงความอ่อนโยนและนุ่มนวลดุจสายน้ำออกมา “คุณก็รู้ที่รัก ฉันทุ่มเทให้กับคุณมาก ฉันรักคุณมาก ดังนั้นคุณสารภาพตรงๆ เถอะ ยังมีเรื่องอะไรแบบนี้อีกไหม?”

ฉินสือโอวพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในที่สุดเขาก็ดูออกว่ามันคือที่ไหน โทรศัพท์ถ่ายในที่สถานที่ที่มืดสลัวและสภาพแวดล้อมไม่คุ้นเคย ดังนั้นเขาจึงเพิ่งแยกออกว่าที่นี่คือบาร์ เป็นบาร์ที่จัดปาร์ตี้สละโสดของเขา

คืนนั้นเขาถูกแบรนดอนมอมเหล้า พอเริ่มเมาแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านี้เขาพูดออกมาหลังจากเมาแล้ว!

จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เขาไปตั้งแคมป์บนภูเขาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซ่งจวินเหมยก็เคยพูดถึงเซี่ยจือหลิน ตอนนั้นเฉินเหลยบอกว่ามีอะไรจะโชว์ให้เขาดู แต่เขาก็ถูกเหมาเหว่ยหลงขวางไว้ ตอนนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ รู้สึกว่ามีคนไม่หวังดีต้องการจะเอาคืนเขา

แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไรล่ะ? พวกคนไม่หวังดีพวกนี้ก็วางแผนใส่ร้ายเขาจริงๆ!

ฉินสือโอวอธิบายไปพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น สายตาของวินนี่จึงมองไปที่เขา “คุณกำลังจะบอกว่าคุณกำลังพูดโอ้อวดอยู่เหรอ?”

“ดื่มจนเมา คงไม่ได้แค่โอ้อวดเท่านั้น แต่พูดไร้สาระด้วย!” ฉินสือโอวพูดอย่างน้อยใจ

วินนี่มองไปที่เขา จากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “เอาล่ะ ฉันเชื่อคุณ จริงๆ แล้วมันไม่สำคัญเลยว่าคุณจะเคยรักใคร เพราะถึงอย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่คุณรู้จักกับฉันมา คุณก็ยังคงทำตัวดีมาเสมอ”

ฉินสือโอวยิ้มแห้ง แต่ท่าทางที่คุณทำเมื่อกี้ไม่เหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรนะ

วินนี่จึงนวดหน้าเขาเหมือนนวดแป้งแล้วพูดว่า “ความจริงฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อกี้ตอนที่คุณกำลังพูดในวิดีโอ ฉันเห็นคุณชูนิ้วกลางใส่พวกเขาแบบไม่พอใจ”

ฉินสือโอวจ้องไปที่ความน่าเกรงขามของหัวหน้าครอบครัว “แล้วทำไมยังหึงอีกล่ะ?”

“ฉันไม่ได้หึง ฉันแค่จะทำให้คุณกลัวเท่านั้นเอง นี่คือการลงโทษ เข้าใจไหมคะ?” วินนี่กล่าว

ฉินสือโอวพ่ายแพ้ให้ผู้หญิงคนนี้ทันที “ผมทำอะไรผิด คุณถึงกับต้องลงโทษผม?”

“เด็กๆ อยู่ที่นี่ คุณชูนิ้วกลางขึ้นไม่พอ ยังพูดคำหยาบอีก นี่ไม่ได้ทำผิดเหรอคะ?” วินนี่กล่าว

ฉินสือโอวมองเธอด้วยความงุนงง วินนี่จึงยิ้มทันทีพร้อมกับมองเขาอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “แต่ฉันก็ทำเกินไปนิดหน่อย ฉันก็ผิดด้วยเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นคืนนี้คุณจะลงโทษฉันอย่างไรดีล่ะ?”

ฉินสือโอว “…”

………………………………………