หวังจั่วนั้นร้องลั่นขึ้นมาอีกครั้ง!
เสียงของเขานั้นมันทำให้ห้วงมิติรอบวิหารโลหิตเทวาต้องสั่นสะเทือน
‘เย่หยวน’ สองคำนั้นดังลั่นอยู่ภายในโถงนานเป็นชั่วโมงๆ
คนที่ได้ยินนั้นต่างต้องก้มหน้าเงียบลงไป
เมืองข่ายยักษ์นั้นถูกกวาดจนเรียบ มันถือเป็นการตบหน้าเผ่าเลือดอย่างรุนแรง
หลายพันปีที่ผ่านมานี้เผ่าเลือดเคยพ่ายแพ้หนักหน่วงปานนี้?
ที่น่าชังมากกว่านั้นมันก็เพราะเรื่องที่เย่หยวนใช้เลือดต้นนั้นไปกดดันแสงเนตรโลหิตจนสิ้นฤทธิ์ ปล่อยให้เมืองไร้การป้องกันใดๆ ทัพกองทัพเสียท่าอย่างไร้ทางขัดขืน
นี่มันเรื่องตลกร้ายชัดๆ!
ศิลามารดานั้นยอมรับเย่หยวนและมอบเลือดต้นให้แก่เย่หยวนไป
สุดท้ายเย่หยวนนั้นกลับใช้เลือดต้นนั้นเหยียบหน้าเผ่าเลือดสังหารโหยวจินลง
นี่มันคือความพ่ายแพ้ที่น่าอับอาย!
หวังจั่วนั้นร้อนรุ่มไปด้วยความคับแค้นใจ
เขาเกลียด!
เขานั้นไม่นึกฝันว่าเย่หยวนจะกล้าเอากองทัพสวรรค์แรกบุกสวนออกมาถึงเมืองข่ายยักษ์
แต่เขาจะทำอะไรได้?
ไปบอกศิลามารดาว่า ‘ไอ้โง่ เจ้าเลือกคนผิดแล้ว!’ อย่างนั้นหรือ?
มันจะไม่เท่ากับรนหาที่ตาย?
แต่ตอนนี้ต่อให้ไม่ไปมันก็คงไม่ได้
ไม่เช่นนั้นเย่หยวนจะกลายเป็นดั่งพิษร้ายของเผ่าเลือด มีแต่ต้องไปบอกศิลามารดาว่าเลือกผิดแล้วเท่านั้น!
หลังจากสงบจิตใจลงได้หวังจั่วก็มุ่งหน้าเข้าไปยังห้องมิติแยกนั้น
เสียงหัวใจเต้นมันยังคงดังอยู่ภายในห้อง
หวังจั่วสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะคุกเข่าลงค่อยๆ ปล่อยคลื่นพลังพิเศษออกจากร่าง
นี่มันคือวิธีการที่หวังจั่วติดต่อกับศิลามารดา
ไม่นานจากนั้นเสียงหัวใจเต้นมันก็เงียบลง
ก่อนจะแทนที่ด้วยความสั่นสะเทือนที่ทำให้ห้วงมิติแทบพังทลาย
เวลาเดียวกันนั้นแรงสะเทือนนี้มันก็ถูกส่งไปภายนอกทำให้ทั้งวิหารโลหิตเทวานั้นสั่นคลอน
“มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน? น…นี่ฟ้าจะถล่มแล้วหรือ?” สมาชิกวิหารโลหิตเทวาหลายคนร้องขึ้นมาเพราะว่าพวกเขานั้นไม่รู้ถึงที่มาแรงสั่นนี้
ส่วนพวกยอดฝีมือระดับสูงทั้งหลายนั้นต่างได้แต่นั่งหน้าซีดเมื่อสัมผัสได้ถึงมัน
พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่าศิลามารดากำลังพิโรธ
หวังจั่วนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าศิลามารดาพร้อมเหงื่อท่วมกาย
แรงกดดันที่เขาได้รับจากศิลามารดานั้นมันยิ่งใหญ่จนเกินไป!
เขานั้นรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ศิลามารดาอันยิ่งใหญ่กลับมองพลาดไป!
มันเป็นเรื่องน่าอับอาย!
แม้แต่หวังจั่วเองก็ยังต้องนั่งตัวสั่นต่อหน้าศิลามารดานี้ แต่ว่าจักรพรรดิเซียนตัวน้อยคนหนึ่งกลับมาหลอกลวงและหลอกเอาเลือดต้นกลับไป!
สำหรับศิลาโลหิตโกลาหลแล้วมันคงถือว่าเป็นความอับอายที่ไม่อาจยอมรับได้!
มดปลวกเช่นนั้น?
มันอ่อนแอ!
ตัวตนระดับนั้นศิลาโลหิตโกลาหลสามารถสังหารได้อย่างไม่ต้องลงมืออะไร
แต่ตัวตนเช่นนั้นมันกลับหลอกลวงและเอาเลือดต้นไปจากมัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แต่สุดท้ายศิลาโลหิตโกลาหลก็ค่อยๆ สงบลง
มิติที่สั่นสะเทือนจนเกินรอยแตกนั้นมันค่อยๆ ซ่อมแซมตัวเองกลับมา
พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีคลื่นพลังสายหนึ่งปล่อยออกมาจากศิลาโลหิตโกลาหล
หวังจั่วรับพลังนั้นไว้และเข้าใจถึงความคิดต่างๆ นานา
ค่อยๆ เล่าเรื่องของเย่หยวนออกไปให้ศิลาโลหิตโกลาหลรับรู้
ศิลาโลหิตโกลาหลนิ่งไป
ดูท่าแล้วเรื่องของเย่หยวนคงทำให้มันตกตะลึงไม่น้อย
แต่ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ยังเป็นแค่มดปลวกตัวหนึ่ง
ต่อหน้าพลังที่แท้จริงแล้วมันย่อมจะไม่มีทางหลบรอดไปได้
วินาทีต่อมามันก็ปรากฏแก่นเลือดหนึ่งลอยออกมาจากศิลาโลหิตโกลาหลและสิ่งนี้มันคือแก่นเลือดที่เย่หยวนเคยมอบให้แก่มัน
เมื่อหวังจั่วได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดยิ้มขึ้นไม่ได้
เย่หยวนได้ตายแน่แล้ว!
จากนั้นมันก็มีแสงสีแดงสดพุ่งออกมาจากศิลาโลหิตโกลาหลแทงผ่านแก่นเลือดนั้นไป
หวังจั่วยิ้มกว้างมองดูเรื่องราว ตอนนี้การสังหารเย่หยวนนั้นคือเป้าหมายสูงสุดของตัวเขา
เมื่อศิลามารดาลงมือเองแล้วมันย่อมจะไม่มีทางหนีรอดไปได้
แก่นเลือดนี้มันคือตัวประกันดีๆ นี่เอง!
ที่น่าหัวเราะก็คือเย่หยวนนั้นกลับกล้ามอบแก่นเลือดของตัวเองออกมาให้แก่ศิลามารดา
ใช้แก่นเลือดเช่นนี้ศิลามารดาย่อมจะสามารถส่งพลังสะท้อนกลับไปยังร่างต้นและสังหารนักยุทธพลังอาณาจักร จักรพรรดิลงได้ง่ายๆ
แต่ผ่านไปหนึ่งอึดใจ
สิบอึดใจ
ร้อยอึดใจก็แล้ว
ศิลาโลหิตโกลาหลกลับไม่ทำอะไรต่ออีก
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ฆ่าจักรพรรดิเที่ยงคนเดียวมันต้องใช้เวลาปานนั้น?
ปัง!
แก่นเลือดนั้นระเบิดออกจางหายไป
ศิลาโลหิตโกลาหลที่สงบลงแล้วนั้นเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง
หวังจั่วได้แต่ทำหน้างง
มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
ศิลามารดาสังหารเย่หยวนไม่ได้?
จากนั้นมันก็มีคลื่นพลังส่งความคิดออกมาให้แก่หวังจั่วทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวทันที
ที่แท้แก่นเลือดนี้มันกลับไม่ใช่ของเย่หยวน!
หวังจั่วนั้นอดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้
นี่มัน…จะบ้าเกินไปแล้ว!
เย่หยวนนั้นกลับใช้เลือดคนอื่นและหลอกว่าเป็นตัวเอง?
ที่สำคัญมันยังหลอกได้สำเร็จด้วย!
ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นคือตัวตนระดับใด?
มันรู้ทุกสิ่งอย่าง!
ตัวตนที่ทรงพลังถึงขั้นสามารถสร้างเผ่าพันธุ์ขึ้นมาได้มันย่อมจะเป็นตัวตนที่เข้าใจชีวิตเป็นอย่างดี
แต่ว่าตัวตนระดับนั้นกลับถูกเด็กน้อยที่พลังไม่ถึงมหาจักรพรรดิหลอก!
แน่นอนว่าหากเขาได้รู้ว่าเย่หยวนทิ้งเสี้ยวดาบเต๋าไว้ภายในศิลาโลหิตโกลาหลแล้วหวังจั่วคงได้ตกตะลึงจนสิ้นใจลงตรงนี้แน่นอน
จากนั้นมันก็มีคลื่นพลังความคิดอีกสายหนึ่งส่งมาให้หวังจั่วอีกครั้ง
มันยังมีเลือดต้นอยู่!
แก่นเลือดนั้นมันมิใช่ของเย่หยวนแต่เลือดต้นนั้นยังอยู่ในร่างของเย่หยวน!
ดูท่าศิลาโลหิตโกลาหลคงไม่พอใจมากแล้ว
คลื่นพลังงานรุนแรงพุ่งออกมาจากตัวมันทะลุผ่านห้วงมิติหายไปที่เส้นขอบฟ้าในพริบตา
พุ่งออกไปไกลลิบแต่กลับทรงพลังอย่างไม่อยากเชื่อ!
…
“มาแล้ว!”
ร่างของเย่หยวนสั่นสะท้านขึ้นมาพร้อมกระอักเลือดรุนแรง
พลังนั้นยังมาไม่ถึงแต่ว่าเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันแล้ว
สีหน้าของเจ้าโลกทั้งหลายเปลี่ยนสีไป
รุนแรง!
“นี่…นี่มันคือศิลาโลหิตโกลาหล? มันกลับมีตัวตนเช่นนี้ซ่อนอยู่ในเผ่าเลือด! จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นขนลุกตั้งทั้งตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังนี้
“รุนแรง! ตัวตนเช่นนี้มันเกิดขึ้นมาบนโลกได้อย่างไรกัน?”
“ช่างเป็นพลังที่ชั่วร้ายนัก! หากเจ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นมาแล้วสามสิบสามสวรรค์คงตกสู่ห้วงความสิ้นหวังแน่”
พลังกำเนิดนี้มันรุนแรงและไร้เหตุผล
ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นเลิกที่จะปกปิดตัวเองเพราะไม่จำเป็นอีกต่อไป
เลือดต้นนั้นมันถูกเย่หยวนเอาออกไปแล้ว เผ่าทั้งหลายในสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดคงรู้ถึงตัวตนของมันในไม่ช้าก็เร็ว
ภายในร่างเย่หยวนเลือดต้นหยดนั้นมันเดือดพล่านขึ้นมาเหมือนคิดจะทำลายร่างกายของเย่หยวนทิ้ง
หากมันปะทุขึ้นมาจริงๆ แล้วร่างของเขาคงไม่เหลือแม้แต่ซากแน่
บนร่างของเย่หยวนนั้นผิวหนังเขาเริ่มปริแตกออกมา พร้อมกับที่เลือดไหลออกจากทุกรูบนร่าง!
“จะยังยืนโง่อะไรกันอีก? หากยังไม่ลงมือเย่หยวนจะได้ตายก่อนแล้ว!” เจ้าโลกหยุนซานนั้นร้องลั่นขึ้นมาพร้อมๆ กับที่ปล่อยคลื่นกำเนิดเข้าร่างของเย่หยวนอย่างสุดกำลัง
เจ้าโลกคนอื่นๆ ที่ได้ยินก็ต้องสะดุ้งตัวขึ้นมารีบปล่อยพลังเข้าร่างของเย่หยวนตามๆ กัน
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ถึงพลังรุนแรงล้ำที่ไหลเข้ามาในร่างก่อนจะหมุนวนไปตามกระแสเลือดภายใน
พลังทั้งหลายนั้นมันเหมือนระเบิดที่หากพลาดไปเพียงนิดร่างของเย่หยวนคงกลายเป็นฝุ่นได้ในพริบตา
พลังคลื่นกำเนิดหลายต่อหลายสายมันค่อยๆ เข้าไปสะกดเลือดต้นนั้นไว้
ตอนนี้ในร่างของเย่หยวนมันได้เปลี่ยนกลายเป็นสนามรบแล้ว
สนามรบนี้มันคือการรบระหว่างเจ้าโลกทั้งหลายและศิลาโลหิตโกลาหล!
นี่มันคือสนามรบที่แสนเปราะบางหากพลาดไปเพียงนิดร่างของเย่หยวนคงได้กลายเป็นผุยผงเพราะพลังนี้แน่
นี่มันคือสนามรบที่ไม่มีการฆ่าฟัน ไม่มีการปล่อยคลื่นพลังจนฟ้าดินเปลี่ยนสี
แต่มันเป็นสนามรบที่แสนอันตรายไม่แพ้การรบใดๆ
ไม่นานนักพลังของศิลาโลหิตโกลาหลมันก็มาถึง
ความรู้สึกของคนทั้งหลายนั้นมันเหมือนกับว่าถูกเรือรบเข้าล้อมรอบ เหมือนถูกดวงตะวันหล่นใส่หัว!
ราวกับว่าโลกมันจะแตกลงแล้วตอนนี้!
เย่หยวนหน้ามืดลงแทบสิ้นสติไป
…………………………