วู้ม!

ป้ายคำสั่งเซียนเหินสองป้ายเกิดคลื่นละเทือนประหลาด ละอองแสงลอยล่องปกคลุมร่างของพวกหลินสวินไว้ภายใน

เกือบจะเวลาเดียวกัน ศพร่างหนึ่งเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ตบฝ่ามือลงบนม่านแสงที่วิวัฒน์จากป้ายคำสั่งเซียนเหินดังตูม

พวกหลินสวินล้วนใจสะท้านอย่างหนักหน่วง หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

แค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้นกลับมีอานุภาพกดอัดแผ่นฟ้า ซัดภูผาธาราจนแหลกเหลว

ไอมรณะที่พุ่งออกมาจากมือนั้นกลายเป็นพลังกฎเกณฑ์ประหลาดแผ่กระจาย น่ากลัวหาใดเปรียบ!

แต่ฝ่ามือที่น่ากลัวนี้กลับถูกม่านแสงที่วิวัฒน์จากป้ายคำสั่งเซียนเหินสลายไปอย่างไร้สุ้มเสียง ละอองแสงไหววน แค่เกิดระลอกคลื่นชั้นหนึ่งเท่านั้น

พวกหลินสวินต่างเป่าปากโล่งอกพร้อมกัน

เมื่อเงยหน้ามองไปก็เห็นซากศพนั้นรูปร่างคล้ายกับแมวยักษ์ตัวหนึ่ง หลังมีปุ่มกระดูกปูดโปนทั้งแถบ ร่างศพที่ขาดวิ่นอบอวลด้วยไอมรณะซัดโหม นัยน์ตาแดงก่ำแปลกประหลาด

ปึงๆๆ!

มันเหมือนไม่พอใจ ส่งเสียงคำรามเหี้ยมเกรียม ชั่วพริบตาก็ซัดฝ่ามือออกมานับร้อยพัน บ้าระห่ำอำมหิต อานุภาพของทุกการโจมตีล้วนสามารถกำจัดมกุฎมหาอริยะอย่างง่ายดาย

แม้การโจมตีพวกนี้จะถูกม่านแสงเซียนเหินขวางไว้ได้ในท้ายที่สุด แต่ก็ยังทำให้พวกหลินสวินจิตใจว้าวุ่น หนาวสั่นไปทั้งตัว

ความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของซากศพนี้เหนือกว่ามกุฎมหาอริยะอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นน่ากลัวกว่าราชันอริยะด้วย!

หากไม่มีป้ายคำสั่งเซียนเหิน ในหมู่พวกเขาต้องไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้แน่

“เพิ่งมาถึงทุ่งรกร้างจันทร์โลหิตก็เจอต้นมรณะฝังวิญญาณแล้ว ดูเหมือนว่าโชคของพวกเราจะแย่ไปหน่อยแล้ว…”

เมิ่งอี้สีหน้าไม่น่าดู

ต้นมรณะฝังวิญญาณ ต้นไม้อัปมงคลที่น่ากลัวถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง ต้นไม้นี้ก็เหมือนสุสานขนาดใหญ่ ฝังศพของสิ่งมีชีวิตที่เหี้ยมโหดแปลกประหลาดไว้นับไม่ถ้วน

ซากศพพวกนี้ยังถูกเรียกว่า ‘ศพคลั่งฝังวิญญาณ’ พลังต่อสู้ของแต่ละตนล้วนน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ ฆ่าอริยะได้ง่ายเหมือนตัดวัชพืช

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่มายังแดนผนึกแท่นสักการะ มีคนมากมายสิ้นชีพในมือของศพคลั่งฝังวิญญาณ!

จีเฉียนและเจียงเหิงต่างสูดหายใจเย็นเยียบ พวกเขาก็เคยได้ยินความน่ากลัวของต้นมรณะฝังวิญญาณมาก่อน อย่าว่าแต่มกุฎมหาอริยะอย่างพวกเขา ต่อให้กึ่งจักรพรรดิมาเองก็ยังหนีความตายไม่พ้น

‘พี่หลิน ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป แม้ว่าศพคลั่งฝังวิญญาณจะน่ากลัว แต่ไม่เคยบุกโจมตีก่อน’

อาหูกำลังสื่อจิตรวดเร็ว ‘หรือพูดได้ว่าต่อให้เจอต้นมรณะฝังวิญญาณ ขอแค่ไม่ไปหาเรื่องก่อนก็จะหลบหนีได้อย่างไร้อันตราย’

นัยน์ตาดำของหลินสวินวาววาบ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

ก็เห็นว่าบนต้นมรณะฝังวิญญาณนั้นมีศพคลั่งฝังวิญญาณกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาอีกครั้ง แต่ละตัวไอมรณะล้นฟ้า พุ่งโจมตีเข้าใส่พวกหลินสวิน

ตูม!

แค่ชั่วพริบตาบริเวณที่พวกหลินสวินอยู่ก็ถูกปิดล้อม ทั่วสารทิศล้วนเป็นซากศพน่าหวาดกลัวเหล่านั้น บุกจู่โจมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อม่านแสงเซียนเหินโคจรละอองแสงหมุนวนราวน้ำตก จึงสลายการโจมตีพวกนี้ได้ทั้งหมด

“ไม่ถูกสิ! นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว เมื่อครอบครองป้ายคำสั่งเซียนเหิน ย่อมสามารถสลายภัยพิบัติตรงหน้านี้ได้ แต่ทำไมพวกเขายังจู่โจมเข้ามาอีก”

จีเฉียนตกใจขุ่นเคือง ยากจะเชื่อ

เจียงเหิงก็ถูกทำให้ตกใจ ตัวสั่นงันงก ใบหน้างามซีดเผือด ซากศพพวกนั้นเหี้ยมโหดและน่ากลัวเกินไป ราวกับผีร้ายที่มาจากนรก

“ในแดนสามผนึกแห่งคุนหลุนนี้ เรื่องผิดปกติอะไรล้วนเกิดขึ้นได้ ทุกท่าน พวกเราคงเจอเรื่องลำบากที่ยากจัดการแล้ว…”

เมิ่งอี้สีหน้าอึมครึม

สิ่งที่ทำให้พวกเขาหวั่นหวาดที่สุดคือ เมื่อเวลาล่วงเลย ซากศพบนต้นมรณะฝังวิญญาณได้ปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ หลั่งไหลกันมาราวกับกระแสน้ำ เข้าปกคลุมฟ้าดินแถบนี้จนสิ้น

แต่ละตนล้วนน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

แต่พวกเขากลับเหมือนยืนอยู่บนเกาะร้างแห่งหนึ่งที่ถูกน้ำทะเลปิดล้อม ด้วยพึ่งพาพลังของม่านแสงเซียนเหินจึงไม่ถูกรุกราน

แต่หากถูกปิดล้อมเช่นนี้ไปตลอด ไม่ช้าก็เร็วพลังของป้ายคำสั่งเซียนเหินจะถูกใช้ไปหมด ถึงตอนนั้น…

ผลที่ตามมาก็ไม่อยากจะคิด!

หลินสวินและอาหูต่างลองถือป้ายคำสั่งเซียนเหินเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ไม่อาจก้าวไปได้แม้แต่น้อย

หรือพูดได้ว่าพลังของม่านแสงเซียนเหิน ได้แต่ใช้ป้องกัน ไม่อาจใช้พิฆาตศัตรู!

นี่ทำให้ทั้งสองคนใจจมดิ่งลงทันที

“แดนผนึกแท่นสักการะนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ถ้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้… ข้ายอมทิ้งวาสนาและไม่มีทางมาที่นี่แน่…”

ใบหน้าของเจียงเหิงหม่นแสงลง

เมื่อสอดส่องสายตาไปก็เห็นแต่เทพดุอสูรร้ายเต็มไปหมด การติดอยู่ที่นี่ช่างเหมือนรอรับโทษตายอยู่หน้าประตูนรกจริงๆ

ทำให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อ และชวนให้รู้สึกสิ้นหวัง

“พี่เมิ่ง เจ้ารีบบอกมาเร็วเข้าว่าพวกเราควรทำอย่างไร”

จีเฉียนกลับฝากความหวังไว้กับเมิ่งอี้ แววตาเจือความเฝ้ารอ

“ข้าก็คิดไม่ถึงว่าพอเข้ามาในแดนผนึกแท่นสักการะแล้ว จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น…”

เมิ่งอี้สีหน้าไม่น่าดู

เขาก็จนปัญญาเช่นกัน

ใครเล่าจะคาดคิดว่าเพิ่งมาถึงทุ่งรกร้างจันทร์โลหิต ก็จะเจอตัวประหลาดและน่ากลัวอย่างต้นมรณะฝังวิญญาณนี้

ตูม ครืน…

ศพคลั่งฝังวิญญาณพวกนั้นยังคงจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงคำรามเหี้ยมเกรียม เหมือนผีร้ายนับหมื่นพันได้กลิ่นคาวเลือด อยากจะกลืนกินคน

ป้ายคำสั่งเซียนเหินส่งเสียงดังครั่นครืน ละอองแสงลอยล่องกลายเป็นม่านแสงไหลวน ขวางการโจมตีทุกอย่างไว้ ดูน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

แต่ใครต่างก็มองออก ว่าพลังของป้ายคำสั่งเซียนเหินกำลังถูกผลาญไปอย่างรวดเร็ว!

“ให้ข้าลองดูหน่อย”

หลินสวินพลันเอ่ยปาก ก่อนหน้านี้มีเพียงเขาที่ไม่พูดจา ยามนี้เมื่อส่งเสียงก็ทำให้ทุกคนหันมองมา

“พี่หลินมีวิธีที่จะทำให้รอดพ้นไปได้หรือ”

จีเฉียนกล่าวอย่างตื่นเต้น

นี่ก็เหมือนคนที่ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังมองเห็นความหวังเสี้ยวหนึ่ง

เจียงเหิงก็เผยสีหน้าวาดหวังอย่างอดไม่ได้ เวลานี้นางมีหรือจะสนเรื่องที่เคยตั้งแง่มองหลินสวินเป็นหัวขโมยก่อนหน้านี้

ขอแค่รอดไปได้ ต่อให้นางติดหนี้บุญคุณหลินสวินครั้งใหญ่ก็ยินดี

เมิ่งอี้ก็อดตะลึงไม่ได้ สายตาเจือแววประหลาด “พี่หลิน หากเจ้ามีวิธีเช่นนั้นก็ย่อมดีที่สุดแล้ว”

“ไม่มี” หลินสวินส่ายหัว

เพียงสองคำแต่เหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นถังหนึ่ง

“แต่ข้าจะลองดู ไม่อาจนั่งรอความตายเช่นนี้”

แม้ว่าหลินสวินจะพูดเช่นนี้ แต่จีเฉียนและเจียงเหิงก็ยังเผยความผิดหวังออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หน้าตาหม่นแสง

เป็นมกุฎมหาอริยะแล้วอย่างไร

ยามเผชิญหน้ากับภาวะคับขันถึงตาย สภาวะจิตก็เสียการควบคุมได้เช่นกัน!

เมิ่งอี้ถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้พูดมากอีก

มีเพียงอาหูที่กล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ข้าคุ้มกันเจ้าเอง”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ

ฮู่ว…

เขาสูดหายใจลึก สีหน้าเคร่งขรึมมีสง่า ทั่วร่างแผ่แสงธรรมราวกับมุนินทร์ในตำนาน

เกิดมาล้างโลก นั่งบนบัวยักษ์!

ส่วนปากเขาก็มีเสียงท่องคัมภีร์เก่าแก่ดังมาเป็นระลอก ราวกับเสียงสวดท่องธรรม มีพลังน่าอัศจรรย์แผ่ออกมา

คัมภีร์มหาครรภ์จุติ!

นี่คือยอดคัมภีร์ที่อริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬร่วมกันสรรสร้าง ซ่อนความอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด

อย่างวิชาที่หลินสวินสำแดงตอนนี้ก็คือ ‘วิชาข้ามเคราะห์พ้นทุกข์’ ใช้ควบคุมและปลดปล่อยวิญญาณชั่วร้ายบนโลกโดยเฉพาะ

“นี่คือวิชาของแดนกษิติครรภ์หรือ”

จีเฉียนประหลาดใจ เจือความตกตะลึง

เมิ่งอี้และเจียงเหิงก็ท่าทางยากจะเชื่อ

แดนกษิติครรภ์!

หนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของโลกมืด ผู้สืบทอดสำนักถูกเรียกว่าผู้หลุดพ้น เมื่อใดที่ถูกพวกเขามองเป็นคนนอกรีตจะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี

รูปแบบการกระทำเช่นนั้น ไม่ด้อยไปกว่ามือสังหารของสำนักโบราณจรัสเทพพวกนั้นเลย!

หรือว่าหลินสวินจะมีความเกี่ยวข้องกับแดนกษิติครรภ์

นี่ทำให้พวกเมิ่งอี้แปลกใจสงสัยไม่หยุด

หลินสวินไม่ได้อธิบาย อาหูก็คร้านจะอธิบาย ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ไหนเลยจะมีความคิดไปสนใจเรื่องปลีกย่อยพวกนี้

เสียงสวดแผ่กว้างราวกับภิกษุกำลังท่องธรรม พลังที่ก่อเกิดอัศจรรย์ล้ำลึก แต่หลังจากแผ่ออกไปกลับไม่เกิดพลังทำลายล้าง

ศพคลั่งฝังวิญญาณพวกนั้นไม่ได้รับผลกระทบโดยสิ้นเชิง ยังบ้าคลั่งไม่หยุด เหี้ยมโหดร้ายกาจ!

“สุดท้ายก็ไม่ไหว…”

จีเฉียนทอดถอนใจ

เจียงเหิงกัดปาก ใบหน้างามซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม นางเพิ่งก้าวสู่ระดับมกุฎมหาอริยะ ไหนเลยจะยอมตายอยู่ที่นี่

เมิ่งอี้เงียบไป

หลินสวินกลับไม่ท้อถอย ภาวะคับขันตอนนี้อาจอันตรายหาใดเปรียบ แต่ภูเขาศพทะเลเลือดอะไรบ้างที่เขาไม่เคยเจอ แน่นอนว่าไม่มีทางลนลานด้วยเรื่องนี้

แต่เวลานี้ร่างอรชรของอาหูกลับสั่นสะท้านกล่าว “พี่หลิน พลังของป้ายคำสั่งเซียนเหินกำลังอ่อนแรง”

“อะไรนะ!?”

จีเฉียนและเจียงเหิงตกใจจนหน้าถอดสี

จริงดังคาด ภายใต้การโจมตีของศพคลั่งฝังวิญญาณมากมาย ม่านแสงเซียนเหินเริ่มม้วนซัดขึ้นมาอย่างรุนแรง ไม่ทรงพลังเหมือนก่อนหน้านี้

“ดูท่าว่าถึงตอนท้ายคงได้แต่ต้องสู้สุดชีวิตแล้ว…”

เสียงของเมิ่งอี้ดูวิตก

หลินสวินอดมุ่นคิ้วไม่ได้

คิดไปคิดมาเขาก็พลิกฝ่ามือ โคมสำริดดวงหนึ่งปรากฏออกมา

เงาตะเกียงที่สลัวพร่างพร้อยลอยล่อง เปลี่ยนเป็นพลังลึกลับที่ทำให้ผู้คนสงบใจ ราวกับแสงที่ถูกจุดขึ้นในความมืด

โคมมหามรรคไร้มลทิน!

เสียงปึงดังสนั่น ทันทีที่โคมนี้ปรากฏ นอกม่านแสงเซียนเหิน ซากศพหนึ่งที่ร่างขาดวิ่น รูปร่างคล้ายสุนัขยักษ์ ระเบิดดังสนั่นราวกับถูกฟ้าผ่า

ร่างของมันกลายเป็นไอมรณะสีดำโหมกระหน่ำ พวยพุ่งดั่งกระแสน้ำ

ในความรางเลือนเหมือนมีเงามายาร่างหนึ่งปรากฏอยู่ในไอมรณะสีดำ ประสานมือมาทางหลินสวิน

และในใจหลินสวินก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ‘ขอบคุณสหายยุทธ์ที่ช่วยให้สมปรารถนา ทำให้ข้าพ้นทุกข์ในวันนี้’

“นี่…”

จีเฉียนและเจียงเหิงต่างเบิกตากว้าง

พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเงาร่างและเสียงที่ว่างเปล่านั้น แค่เห็นว่าหลินสวินเรียกโคมดวงหนึ่งออกมา กำจัดซากศพที่ดุดันหาใดเปรียบได้ร่างหนึ่ง!

ส่วนสายตาของเมิ่งอี้ก็เหลือบไปยังโคมสำริดในมือหลินสวินชั่วพริบตา เผยสีหน้ายากจะเชื่อ คล้ายถูกทำให้ตกตะลึงเช่นกัน

หลินสวินกลับคึกคักขึ้นมา ทำได้แล้ว!

เงาตะเกียงพร่างพร้อย แสงสลัวแผ่กระจาย ศพคลั่งฝังวิญญาณร่างแล้วร่างเล่าที่อยู่ใกล้ล้วนระเบิดออกโดยไร้สุ้มเสียง กลายเป็นควันดำไอมรณะซัดโหม

ในความเลือนรางพร่ามัวมีเงามายามากมายปรากฏ สิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าล้วนมีสารพัดแบบ แต่ทุกตนต่างคำนับมาทางหลินสวินอย่างไม่มีข้อยกเว้น

‘ขอบคุณสหายยุทธ์ที่ช่วยเหลือ!’

‘ขอบคุณสหายยุทธ์ที่ทำให้สมปรารถนา!’

เสียงที่แสดงความซาบซึ้งใจเสียงแล้วเสียงเล่าทยอยดังขึ้นในใจของหลินสวินเช่นกัน

นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ ว่าที่แท้ศพคลั่งฝังวิญญาณพวกนี้ก็ถูกพลังผนึกที่น่ากลัวผูกมัดไว้ เหมือนสิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่เจอในป่าต้นหม่อนเมื่อปีนั้น

กระทั่งวันนี้พวกเขาจึงหลุดพ้นด้วยพลังของโคมมหามรรคไร้มลทิน

ทว่าไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตน่ากลัวพวกนั้น การหลุดพ้นนี้ของพวกเขาหมายถึงความตายที่แท้จริง

ในเวลาต่อมาขอแค่เป็นศพคลั่งฝังวิญญาณที่พุ่งเข้ามาใกล้ ก็ไม่มีใครไม่สลายหายไปภายใต้การปกคลุมของพลังแห่งโคมมหามรรคไร้มลทิน กลายเป็นควันดำไอมรณะ

ความเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่พลิกผันยิ่งใหญ่นี้ ทำให้จีเฉียนและเจียงเหิงต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความตกตะลึง ต่อให้ผ่าสมองออกมาก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะมีวิธีนี้อยู่!

ในแววตาของเมิ่งอี้ก็ไหววูบ ตื่นตระหนกและตะลึงงัน

กลางฟ้าดินนี้อสูรร้ายวิญญาณคลั่งมีอยู่ทั่ว ความตายร้อยถักเข้าด้วยกันราวกับนรกมืด แต่โคมดวงหนึ่งกลับส่องประกายสว่างไสว!

…………………………..