ตอนที่ 1831 : การระดมพลของกองทัพศักดิ์สิทธิ์

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1831 : การระดมพลของกองทัพศักดิ์สิทธิ์

“ อะไรนะ ? ชายคนนั้นคือเจ้าเองรึ หมายความว่าเจ้าคือคนที่ตัดแขนของหยางเทียไปงั้นรึ ? ” หัวหน้ายามมองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยความตะลึง สีหน้าเขาแสดงความเหลือเชื่ออกมาพร้อมกับผงะ

ผู้อาวุโสตระกูลหยางไม่ได้เอาคนที่หาเรื่องตระกูลหยางรวมถึงตัดแขนของหยางเทียไปงั้นรึ ? เขายังอยู่ที่นี่ได้ยังไง

แม้ว่าผู้อาวุโสตระกูลหยางจะไม่เอาชายที่ตัดแขนหยางเทียไป แล้วผู้อาวุโสพากันหนีทำไม ? ทำไมถึงทิ้งชายคนนี้ไว้แล้วพากันกลับไป ?

แม้ว่าเขาจะไม่สนว่าผลลัพธ์มันจะออกมาน่าเหลือเชื่อแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลหยางจะทำเรื่องน่าอายแบบนี้ด้วยความแข็งแกร่งและชื่อเสียงที่มี

หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ฐานะของตระกูลหยางในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนตกต่ำลง มันอาจะส่งผลต่อฐานะพวกเขาในอาณาจักรใกล้เคียงด้วย

“ในฐานะหัวหน้าทหารของเมืองหลวงแล้ว เจ้าควรจะทำตามกฎ ไม่ใช่ว่าเจ้าควรถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่มาถึงที่นี่ไม่ใช่เอาแต่สนใจแขนของหยางเทียรึไงกัน ? อย่าบอกข้านะว่าในฐานะหัวหน้ายามแล้ว เจ้าเกี่ยวข้องกับตระกูลหยางและเจ้าต้องการใช้ตำแหน่งของเจ้าเพื่อให้ได้รับความชื่นชอบจากตระกูลหยาง ? ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นอย่างใจเย็น เขาไม่ได้ละสายตาไปจากนอกหน้าต่างเลย

สายตาของเขามองไปยังพระราชวังของอาณาจักร ตะกี้นี้เขาพบว่ามีคนส่งการรับรู้วิญญาณที่ปกปิดตัวเองไว้อย่างดีมาที่นี่ แต่แม้ว่าจะพอรู้สึกถึงมันแค่เล็กน้อย แต่เจี้ยนเฉินก็รู้สึกได้ถึงความกดดันมหาศาลจากมัน แม้แต่ความแข็งแกร่งที่เขามีแต่เขาก็ยังต้องขนลุก

“ราชาเทพ” เจี้ยนเฉินคิด ราชาเทพของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์หันมาสนใจที่นี่

“อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนมีราชาเทพ 2 คน ข้าสงสัยว่าการรับรู้วิญญาณที่ข้าเพิ่งพบนี้เป็นของราชาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นจักรพรรดิของอาณาจักรหรือเป็นผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุด” เจี้ยนเฉินสงสัย

“ราชาศักดิ์สิทธิ์ได้ขึ้นเป็นราชาเทพมาหลายปีแล้ว บอกกันว่าก่อนที่อาณาจักรจะก่อตั้งขึ้นมา ราชาศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน ก็เป็นราชาเทพแล้ว เขาได้นำลูกน้องของตนสร้างอาณาจักรขึ้นมา เมื่ออาณาจักรคงอยู่มาหลายแสนปี ราชาศักดิ์สิทธิ์คงต้องก้าวหน้าขึ้นมาจากแต่ก่อนอย่างมาก ในอีกด้านแล้วผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดก็เพิ่งจะเป็นราชาเทพเมื่อไม่นานมานี้ บอกกันว่าเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านเมื่อไม่กี่แสนปีก่อน “

“ความแข็งแกร่งของราชาศักดิ์สิทธิ์ต้องสูงกว่าผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุด ข้าไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงการรับรู้วิญญาณของราชาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันน่าจะเป็นของผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุด”

เจี้ยนเฉินยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างหันหลังให้กับหัวหน้ายาม เขามองไปทางพระราชวังพร้อมกับครุ่นคิด

เขาไม่เห็นสีหน้าของหัวหน้ายามที่บิดเบี้ยวไปเมื่อถูกดูถูกกับตำแหน่งที่มี ใบหน้าของเบาหม่นลงพร้อมกับสายตาที่แสดงความอาฆาตออกมา

กฎภายในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนนั้นเคร่งครัด ในฐานะหัวหน้ายามแล้ว เขาภักดีต่อราชาศักดิ์สิทธิ์แต่เขาก็ยังคงช่วยตระกูลหยางแบบลับ ๆ ในการทำหลาย ๆ อย่าง ผลก็คือสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือคนอื่นอาจจะพูดว่าเขาใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่มี

ชัดแล้วว่าคำพูดของ เจี้ยนเฉิน นั้นทำให้อีกฝ่ายต้องหงุดหงิด

“ข้าจะตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีทางที่เจ้าจะปฏิเสธได้ว่าเจ้าตัดแขนหยางเทียไป เจ้ากล้าก่อเหตุอุกอาจในเมืองหลวง ฮึ่ม จับตัวเขาไป” หัวหน้ายามพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ขอรับ หัวหน้า” ทหารพากันพุ่งเข้าในห้องเพื่อจับตัวเจี้ยนเฉิน

ตอนนั้นมีเสียงฝีเท้าม้าเป็นร้อยดังขึ้นมาทำให้พื้นดินสั่นไหว

“เกิดอะไรขึ้น ? ” หัวหน้ายามกับลูกน้องพากันมองหน้ากัน ยามที่ต้องการจะจับตัวเจี้ยนเฉินต้องหยุดและเริ่มไม่มั่นใจขึ้นมา

การสั่นไหวนี้รุนแรงราวกับว่าทั้งกองทัพกำลังเคลื่อนพล พื้นดินนั้นสั่นสะเทือนจากเสียเท้านี้

“พวกเจ้าสองคนอยู่ที่นี่จับตาดูเขาไว้ คนอื่นมากับข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น” หัวหน้ายามพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา เขาเลิกสนใจเจี้ยนเฉินและออกไปพร้อมกับลูกน้องของตน แต่ตอนที่หัวหน้ายามออกไปและเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ต้องตะลึง

ไกลออกไปนั้นมีหน่วยทหารเกราะระดับสูงกำลังมุ่งหน้าเข้ามา พวกนั้นเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า หากมองจากไกล ๆ แล้วพวกนั้นเหมือนกับเส้นแสงที่พร่ามัว

ทหารเหล่านี้อยู่ขอบเขตพระเจ้า

พาหนะที่พวกนั้นขี่คือม้าเทวะสามเพลิงที่มีเปลวไฟสีแดงลุกไหม้ทั่วตัว

ม้าเหล่านี้เป็นสัตว์อสูรในโลกเซียน พวกมันดูเหมือนกับม้าแต่มีขนาดใหญ่กว่า 3 เท่าและมีไฟลุกท่วมทั้งตัว พวกมันถูกเรียกว่าสามเพลิงเพราะเปลวไฟมันสามารถเปลี่ยนไปได้ถึง 3 ครั้งในชีวิต

พวกที่เกิดใหม่จะมีความแข็งแกร่งของเขตเซียนและไฟของมันจะเป็นสีแดงสด เมื่อมันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วมันจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับขั้นศักดิ์สิทธิ์ ไฟของมันจะเป็นสีแดงเลือด

หากมันได้รับสมบัติสวรรค์ไปจำนวนมากแล้ว ม้าก็จะแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับขั้นเทพ เมื่อพวกมันกลายเป็นเทพแล้ว ไฟของพวกมันจะเป็นสีม่วงเข้ม

นี่คือขั้นสุดท้ายของม้า เมื่อมันถูกเลี้ยงจนเชื่อง มันจะภักดีไปตลอดชีวิตและเด่นเรื่องการร่วมมือกับผู้อื่น จากทั่วทั้งประวัติศาสตร์แล้วมันไม่เคยมีม้าเทวะสามเพลิงตัวไหนที่ขึ้นถึงขั้นเหนือเทพได้

แต่ม้าเหล่านี้กลายมาเป็นพาหนะได้เพราะความแข็งแกร่งของมัน เมื่อมันถูกเลี้ยงจนเชื่อง มันจะภักดีไปตลอดชีวิตและเด่นเรื่องการร่วมมือกับผู้อื่น

ม้าที่เหล่าทหารขี่นี้เป็นสีแดงเลือด ชัดแล้วว่าพวกมันโตเต็มวัยแล้วและมีความแข็งแกร่งที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์

“กองทัพศักดิ์สิทธิ์ สวรรค์ มันคือกองทัพศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ นี่ข้าฝันไปรึไม่ ? กองทัพศักดิ์สิทธิ์มาจริง ๆ รึ….”

“ดูทิศทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปแล้ว กองทัพนี้จะไปยังโรงเตี้ยมฟินิกซ์ มันมีเรื่องเกิดขึ้นที่นั่นรึ พวกเขาถึงได้ไปที่นั่นกัน..”

“ ความขัดแย้งในเมืองหลวงปกติแล้วจะมีพวกยามคอยจัดการ ทำไมกองทัพศักดิ์สิทธิ์ถึงต้องมาจัดการกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ด้วย ? พวกเขาคือตัวตนอันสูงส่ง พวกเขาเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุดในอาณาจักร พวกเขาคือขั้นเทพผู้ปกป้องอาณาจักรแห่งนี้….”

….

บนท้องถนนนั้นคนนับไม่ถ้วนพากันจับจ้องไปยังเหล่าทหาร สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพและมีหลายคนที่แสดงความคาดหวังออกมา

กองทัพศักดิ์สิทธิ์นี้คือกลุ่มทหารที่แทบจะสูงส่งที่สุดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน พวกเขามีความแข็งแกร่งล้นเหลือ ในอเขตนี้ทั้งหมดมันไม่มีกองทัพจากอาณาจักรไหนที่เทียบกับพวกเขาได้

“ เหตุใดกองทัพศักดิ์สิทธิ์ได้มาได้ ? ” หัวหน้ายามแสดงท่าทีเหลือเชื่อออกมา ปกติแล้วมันยากที่กองทัพศักดิ์สิทธิ์จะเคลื่อนไหว