ตอนที่ 1749 เจ้านับเป็นตัวอะไร

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ในฟ้าดินมืดมนที่ห่างไกล ชายหนึ่งหญิงหนึ่งเดินเคียงกันมา

เงาร่างฝ่ายชายสูงตระหง่าน ยามก้าวเดินผมดำพลิ้วไหว ท่วงท่ายามเคลื่อนไหวมีกลิ่นอายโดดเด่นละโลกีย์ นัยน์ตาดำล้ำลึกดุจหุบเหว

นัยน์ตาคู่งามของหญิงสาววาวระยับ ผิวพรรณพิสุทธิ์ผุดผ่อง งดงามดั่งเซียน แต่กลับมีเสน่ห์เย้ายวนปานล่มเมืองแต่กำเนิด รูปโฉมโดดเด่นไม่เหมือนใคร

เป็นหลินสวินและอาหูนั่นเอง

เมื่อเห็นทั้งสองคน ร่างกายของเมิ่งอี้ก็แข็งทื่อ สีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ ทั้งตัวยากจะนิ่งสงบได้อีก กล่าวร้องเสียงหลง “เจ้า… พวกเจ้า… ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”

น้ำเสียงเจือความยากจะเชื่อ ราวกับเห็นผี!

ผู้ฝึกปราณคนอื่นในที่นั้นก็ล้วนประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าพวกเขาประสบเคราะห์ไปแล้วหรือ ทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงปรากฏตัวออกมาเป็นๆ ได้เล่า

หรือว่าเมิ่งอี้จะพูดโกหก

คิ้วของเหวินฉิงเสวี่ยพลันเลิกขึ้น ดวงตากระจ่างใสเกิดคลื่นสะเทือน เรื่องที่นางกังวลในตอนต้น ท้ายที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว

แต่นางกลับไม่อาจจินตนาการ ว่าพวกหลินสวินหนีออกจากยอดเขากักเทพสวรรค์มาได้อย่างไรกันแน่ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“เมิ่งอี้ เจ้าตุ๋นข้าซะเปื่อยเลย!”

ถังซูตะโกนโหวกเหวก ดูเกรี้ยวกราดเป็นอย่างยิ่ง

แต่เมื่อเห็นหลินสวินนางก็ดีใจขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ตายก็ดี ข้ายังไม่ได้สู้กับเจ้าให้สะใจเลย ถ้าตายไปคงน่าเสียดายแย่”

‘ไอ้ระยำเมิ่งอี้นี่ถึงกับกล้าหลอกพวกเรา…’

พวกซาหลิวชิงและคูตู้ที่ซ่อนอยู่พากันโกรธแค้น หลายวันมานี้พวกเขาอัดอั้นตันใจไปไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข่าวลือที่เมิ่งอี้แพร่ออกมา!

นี่ทำให้ทั้งสองคนต่างขุ่นเคืองอย่างอดไม่ได้ยิ่งกว่าเดิมแล้ว

‘รอเมื่อฆ่าหลินสวินแล้ว ค่อยคิดบัญชีกับเจ้าเมิ่งอี้นี่’

ซาหลิวชิงลอบกัดฟันกรอด

‘ย่อมเป็นเช่นนั้น!’

คูตู้กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

‘เจ้าหมอนั่นก็คือหลินสวินหรือ’

ขณะเดียวกันซวีหลิงคุนที่ยืนห่างออกไปก็สังเกตเห็นหลินสวินแล้ว นัยน์ตาที่เจิดจ้ายิ่งกว่าดวงตะวันส่องประกายวาววามต่อเนื่อง

เดิมทีเขายังเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้แก้แค้นให้คุนจิ่วหลินด้วยตัวเอง แต่ปัจจุบันความเสียดายนี้ได้หายไปแล้ว!

‘น่าสนใจ’

ฮว่าซิงหลียิ้มแล้ว บนใบหน้างามที่ซีดเผือดเหมือนป่วยไข้เผยความรู้สึกสนใจวูบหนึ่ง

เขาเชื่อว่าเมิ่งอี้ไม่ได้พูดโกหก

แต่หลินสวินกลับหนีรอดจากยอดเขากักเทพสวรรค์มาได้ นี่ช่างทำให้ผู้คนอยากรู้นักว่าเขา… ทำได้อย่างไรกันแน่

ในที่นั้นพลันแตกตื่นทันที บรรยากาศก็เปลี่ยนไปแล้ว

ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะหลินสวินที่เดิมพวกเขาเชื่อว่าตายไปนานแล้ว รอดชีวิตมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขากะทันหัน!

“พี่เมิ่ง อย่ามัวแต่เหม่อ รีบฆ่าตัวตายให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาเร็วเข้า”

อาหูแย้มยิ้มพิมพ์ใจ เสียงดังก้องสะท้อนไปทั่ว

เมิ่งอี้สีหน้าปรวนแปร เขาสูดหายใจลึกกล่าว “พวกเจ้ารอดชีวิตจากยอดเขากักเทพสวรรค์มาได้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกผิดคาดจริงๆ…”

ไม่รอให้พูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบท “อย่าพูดมาก ฆ่าตัวตายสิ!”

ทุกคนในที่นั้นสีหน้าพิกล คนไม่น้อยต่างกำลังดูเรื่องสนุก

เมิ่งอี้เป็นทายาทเลือดบริสุทธิ์ของเผ่านักรบฉงฉี สุภาพหล่อเหลา รากฐานพลังลึกล้ำยากหยั่งถึง แต่ตอนนี้กลับถูกบีบให้จำนนอย่างเห็นได้ชัด

เขาสีหน้าอึมครึม กล่าวเย็นชา “พี่หลิน แค่พูดเล่นประโยคเดียวเจ้ายังจริงจังไปได้ ไม่คิดว่าตัวเองโง่ไปหน่อยหรือ”

หลินสวินสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา ก้าวเดินพลางยิ้มไปด้วย “ล้อเล่นรึ ข้าเห็นเจ้าเป็นเพื่อน ตลอดทางช่วยเจ้าเมิ่งอี้ไปไม่รู้กี่ครั้ง แต่เจ้ากลับวางกับดักใส่ข้า ตอนนี้เจ้ายังมาบอกว่าพูดเล่น ไม่คิดว่าตัวเองต่ำตมเกินไปหน่อยหรือ”

ทุกคนต่างหันมองอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าหลินสวินประสบเคราะห์ที่ยอดเขากักเทพสวรรค์ ด้วยถูกเมิ่งอี้วางกับดักใส่อย่างอกตัญญู!

เมิ่งอี้หน้าเขียว ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ถูกเหวินฉิงเสวี่ยห้ามไว้

นัยน์ตากระจ่างของนางมองไปทางหลินสวินแล้วกล่าว “ไม่ต้องพูดถึงบุญคุณความแค้นก่อนหน้านี้ สถานการณ์ตอนนี้เจ้าหลินสวินก็รู้แน่ชัด หากลงมือไปคงไม่เกิดประโยชน์กับทุกคน ไม่สู้รอให้การแก่งแย่งบนแท่นสักการะสิ้นสุด ค่อยจัดการบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราเป็นอย่างไร”

หลินสวินเผยแววเหน็บแนม “เจ้านับเป็นตัวอะไร”

ในที่นั้นพลันแตกตื่น

เหวินฉิงเสวี่ย หญิงงามอันดับสามของกระดานยอดฟ้าดารา ได้รับความนิยมจากบุคคลแห่งยุคไม่รู้เท่าไร เดินไปที่ไหนล้วนเป็นจุดสนใจของทุกสายตา ณ ที่นั้น

ใครจะกล้าไม่เคารพ

“บังอาจ!”

“พูดจาจาบจ้วง หลินสวินเจ้ารนหาที่ตายหรือ”

ผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักรพวกนั้นเป็นพวกแรกที่อดรนทนไม่ไหว กล่าวเดือดดาลต่อว่าหลินสวิน

แม้แต่เหวินฉิงเสวี่ยก็อดตะลึงไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าคำพูดของหลินสวินจะหยาบคายและไร้มารยาทเช่นนี้ นี่ทำให้นัยน์ตาของนางฉายแววเยียบเย็น

บรรยากาศในที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมา

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เผ่านักรบเถาอู้ เผ่านักรบกิเลนโลหิต เรือนมรรคจักรวาลต่างแววตาวาววาบ กระเหี้ยนกระหือรือ

บนยอดเขาพญามังกร หลินสวินฆ่าสังหารทั่วทิศ ทำให้ผู้สืบทอดในขุมอำนาจใหญ่ของพวกเขาล้มตายกันเป็นเบือ เกือบพังพินาศทั้งกองทัพ

ยามนี้เมื่อศัตรูพบหน้ากัน ก็ย่อมทวีความโกรธแค้นรุนแรงเป็นธรรมดา

หากผู้สืบทอดของเรือนมรรคยุทธจักรเปิดศึกกับหลินสวิน พวกเขาจะฉวยโอกาสลงมือช่วยโดยไม่สนใจอะไรแน่!

“หลินสวิน เจ้าบ้าระห่ำเกินไปแล้ว แค่รอดชีวิตจากยอดเขากักเทพสวรรค์มาได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว แต่เจ้ายังมาที่เขาคุนหลุนอย่างไม่รู้ดีชั่วซะอย่างนั้น ไม่กลัวว่าจะประสบเคราะห์หรือ”

เมิ่งอี้แววตาวาววาบ กล่าวเย็นชา

แน่นอนว่าเขาก็รู้ดี ว่าที่นี่มีผู้สืบทอดของขุมอำนาจไม่น้อยที่มองหลินสวินเป็นศัตรู!

หลินสวินไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เขามุ่งหน้าต่อไป สีหน้าราบเรียบกล่าวว่า “ดูท่าว่าเจ้าไม่คิดจะฆ่าตัวตายแล้ว เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าเอง”

ตูม!

เขาลงมือโดยไม่ลังเล ฝ่ามือฟันผ่านอากาศลงมาดั่งกระบี่

ปราณกระบี่เทียมฟ้าที่ใหญ่โตหาใดเปรียบสายหนึ่งพุ่งออกมา เจิดจรัสไพศาล มีสุริยันจันทราดาราเคลื่อนคล้อยอยู่ภายใน สำแดงอานุภาพที่ดุดันน่าหวาดกลัวออกมา

“รนหาที่ตาย!”

“เจ้ากล้า…”

“เจ้ามารผจญนี่บ้าระห่ำยิ่งนัก!”

ในที่นั้นพลันมีเสียงบันดาลโทสะดังขึ้นทันที

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะแข็งกร้าวและเผด็จการเช่นนี้!

ไม่สนใจคนอื่นอย่างสิ้นเชิง และไม่สนใจว่าในที่นั้นจะมีศัตรูที่กำลังจ้องจะตะครุบดุจพญาเสืออยู่เท่าไหร่ ลงมือไปทั้งอย่างนั้นแล้ว

ห้วงอากาศทรุดตัวลง ปราณกระบี่เจิดจ้าฟาดฟันลงมา

เมิ่งอี้ส่งเสียงฮึเย็นชา ใบหน้าสุภาพหล่อเหลาดูเหี้ยมเกรียมขึ้นมา บนตัวเขามีกลิ่นอายกระหายเลือดที่เหี้ยมโหดน่าพรั่นพรึงพวยพุ่ง

เมื่อเขาตบฝ่ามือออกไป ประทับหมัดที่นองเลือดหาใดเปรียบรวมตัวกัน บนนั้นมีลายมรรคบาดตาปรากฏออกมา ทำให้ฟ้าดินต่างอับแสง

ประทับอหังการฉงฉี!

ตามตำนาน สมัยดึกดำบรรพ์บรรพชนของเผ่าฉงฉีเคยกางกรงเล็บซัดภูผาธาราแสนลี้จนละเอียด ทำให้ดวงดาวบนเวิ้งฟ้าร่วงกราว เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ

การโจมตีนี้ของเมิ่งอี้แม้จะสู้บรรพชนของเขาไม่ได้ แต่กลับหยั่งถึงแก่นแท้ภายในนั้นเป็นอย่างดี หมัดที่ซัดออกไปมีอานุภาพล้มล้างใต้หล้า บุกสังหารสรรพวิญญาณ

นัยน์ตาของผู้แข็งแกร่งไม่น้อยต่างหดรัดทันที

ในเผ่านักรบฉงฉี เมิ่งอี้เป็นคนแปลกแยก เขาสุภาพสุขุม อ่อนโยนถ่อมตัว ต่างจากคนในเผ่าคนอื่นที่นิสัยกระหายเลือดป่าเถื่อนอำมหิตอย่างสิ้นเชิง

ทั้งเมิ่งอี้ยังเป็นคนเก็บตัว ลงมือน้อยมาก พาให้รู้สึกว่าลึกล้ำยากหยั่งถึงเสมอ ทำให้ผู้คนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

แต่ตอนนี้ในที่สุดคนมากมายก็เข้าใจแล้ว ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกของเมิ่งอี้ที่อ่อนโยนถ่อมตัวนั้น ความจริงแล้วมีพลังอันน่ากลัวที่ดุดันอย่างยิ่ง!

ก็เหมือนการโจมตีนี้ของเขาที่ซัดออกไป ล้วนทำให้คนไม่น้อยตกตะลึง

ตูม!

หนึ่งกระบี่หนึ่งประทับปะทะกันกลางอากาศ กฎเกณฑ์ปั่นป่วน แสงศักดิ์สิทธิ์กระเซ็นออกมา

แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ประทับหมัดที่ดุดันราวกระหายเลือดระเบิดออกสนั่นหวั่นไหว ถูกบดละเอียดจนกลายเป็นละอองแสงลอยล่อง

ตามมาด้วยเสียงปึงดังสนั่น ร่างกายของเมิ่งอี้ถูกกระบี่เดียวฟันกระเด็นไป!

กลิ่นอายที่เจิดจ้าเกรียงไกรนั้นซัดจนใบหน้าเขาซีดเผือด ปากกระอักเลือด ร่างตกลงมาบนพื้นอย่างหนักหน่วง ฝุ่นคลุ้งทั่วฟ้า

ในที่นั้นเงียบสงัด คนไม่น้อยต่างสูดหายใจเย็นเยียบ

แค่กระบี่เดียวก็ทำให้เมิ่งอี้แพ้ไม่เป็นท่าแล้วหรือ

พลังต่อสู้ของหลินสวินนั่นจะน่ากลัวเพียงใด

“ดูท่าว่าเจ้าคงถนัดแค่วางอุบายใช้เล่ห์กลเท่านั้น ความสามารถที่แท้จริงก็ไม่เท่าไร”

นัยน์ตาดำของหลินสวินดุจอสนี จู่โจมถนัดมือ ไม่หยุดพักแม้แต่น้อย ก้าวไปกลางอากาศ พุ่งสังหารเข้าไปอีกครั้งด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์ อานุภาพก็แข็งแกร่งไร้จำกัด

ฟุ่บ!

ปราณกระบี่สายหนึ่งตัดผ่าอากาศ หนักแน่นแผ่ไพศาลราวยุทธจักรสำแดงวิชา

เหวินฉิงเสวี่ยลงมือแล้ว อาภรณ์ขาวพลิ้วไหว รูปงามพิสุทธิ์ดั่งเซียน ร่างทรงสง่าของนางมีเจตกระบี่เจิดจ้าเอ่อท้น ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง ปราณกระบี่ไท่เสวียนในร่างพลันโฉบพุ่ง กลายเป็นภูเขากระบี่ลูกหนึ่งสยบพิฆาตออกไป

ตูม!

ฟ้าสะเทือนดินสะท้าน สุริยันจันทราหม่นแสง

สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าปราณกระบี่ของเหวินฉิงเสวี่ยถูกบดขยี้จนละเอียดทีละน้อย ทำให้ห้วงอากาศแถบนั้นปริแตก เกิดพายุปราณกระบี่ที่น่ากลัว

ส่วนเงาร่างของนางก็ซวนเซกลางอากาศ!

ในที่นั้นพลันแตกตื่นอีกครั้ง คนไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย หลินสวินที่ถูกเรียกว่าบุคคลระดับเทพมารนี้ ไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยหรือ

“เยี่ยม!”

มีเพียงถังซูที่แววตาวาววาบ หลุดปากชมออกมา ในใจนางกระตือรือร้นอยากลองดู ความสามารถของหลินสวินกระตุ้นความต้องการต่อสู้ของนางขึ้นมา

“ถ้าสู้กันซึ่งหน้า เจ้าเองก็ดูเหมือนว่าไม่เท่าไหร่”

สีหน้าของหลินสวินเยียบเย็น

บางทีเหวินฉิงเสวี่ยอาจเป็นเทพธิดาในสายตาคนอื่น แต่สำหรับหลินสวิน ผู้หญิงคนนี้กลับน่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เข้ามาในแหล่งสถานคุนหลุนถึงตอนนี้ เคยดักซุ่มโจมตีเขาไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

เหวินฉิงเสวี่ยหน้านิ่วคิ้วขมวด เสียงชิ้งดังขึ้น นางเรียกกระบี่ยาวทองอร่ามเล่มหนึ่งที่แผ่แสงมรรคดั่งมายาออกมา ปลายกระบี่เปล่งประกาย ส่องสะท้อนจักรวาล

ฟุ่บ!

เงาร่างของนางพุ่งสังหารไปกลางอากาศอีกครั้ง มรรควิถีทั้งร่างโคจรเต็มกำลัง ราวกับเซียนกระบี่หญิงที่ดุดันหาใดเปรียบ

“ฆ่า!”

“ฆ่าเจ้าชั่วนี่ซะ!”

ขณะเดียวกันผู้สืบทอดของเรือนมรรคยุทธจักรคนอื่นก็ลงมือแล้ว ล้อมโจมตีหลินสวินพร้อมกัน

ฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วนทันที ถูกวิชามรรคและแสงสมบัติที่น่ากลัวอัดแน่น เผยลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นทบเป็นชั้นๆ

ต้องรู้ว่าขอแค่เป็นผู้แข็งแกร่งที่มาถึงหน้าเขาคุนหลุนได้ ย่อมไม่มีสักคนเป็นบุคคลธรรมดา เกือบทั้งหมดล้วนเป็นมกุฎมหาอริยะ

ภายในนั้นยิ่งไม่ขาดยอดบุคคลที่มีชื่ออยู่ในกระดานมหาอริยะฟ้าดารา!

การต่อสู้โรมรันเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมน่ากลัวเป็นพิเศษ สะเทือนใต้หล้า

“หลินสวิน ครั้งนี้เจ้าต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา!”

เมิ่งอี้รวมถึงผู้แข็งแกร่งของเผ่านักรบฉงฉีบางส่วนก็ลงมือพร้อมกันแล้ว

มองจากไกลๆ ทั่วสารทิศรอบตัวหลินสวินล้วนเป็นเงาร่างของศัตรู ตีกรอบล้อมสังหารหลินสวิน

อาหูไม่ได้ลงมือ ด้วยนางรู้ดีว่าหลินสวินที่เพิ่งทะลวงปราณไม่นานมานี้ ต่างจากตอนที่ต่อสู้บนยอดเขาพญามังกรนานแล้ว

และตอนนี้สิ่งที่หลินสวินต้องการคือการระบาย ไม่ใช่การช่วยเหลือ!

“ก็แค่ไม้ซีกงัดไม้ซุงเท่านั้น”

ก็เห็นหลินสวินสูดหายใจลึกกลางอากาศ สีหน้าเยือกเย็น แต่ร่างกายเขาเหมือนกลายเป็นเตาหลอมผลาญพิภพ พลังภายในร่างระเบิดกึกก้องกัมปนาท

ตูม!

เขาก้าวออกไปหนึ่งก้าว อานุภาพดั่งเจินหลงออกจากหุบเหวลึก พลังที่น่ากลัวนั้นสลายการโจมตีทั้งหมดที่อยู่ใกล้ ซัดจนแตกซ่าน

เขากวาดล้างฟาดฟัน สำแดงมรรคและวิชาของตนออกมา ซัดกวาดทุกคนในที่นั้นราวกับเทพมารมาเยือนโลก ความแข็งแกร่งของอานุภาพทำเอาทั่วทิศต่างอับแสง

มองจากไกลๆ ร่างเขาเหมือนสุริยันโชติช่วงชัชวาล ไม่อาจบดบัง!

“ตาย!”

ไม่ทันไรริมฝีปากหลินสวินก็พูดออกมาคำหนึ่ง ดาบหักพลันพุ่งออกมาประหนึ่งทำตามคำพูด จัดการสังหารผู้แข็งแกร่งของเรือนมรรคยุทธจักรคนหนึ่งที่เข้ามาใกล้ที่สุด

พรูด!

หัวคนกระเด็นขึ้นเหนือฟ้า เลือดสาดพรมราวน้ำตก

ภายใต้การจับจ้องจากสายตาตื่นตระหนกนับไม่ถ้วน ศพไร้หัวนั้นร่วงลงกับพื้น แตกแยกกระจุยกระจาย!