บทที่ 2479 เสื้อเกราะสำหรับรบแนวหน้า + ตอนที่ 2750 จะแพ้ตั้งแต่เริ่มต้นไม่ได้

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2479 เสื้อเกราะสำหรับรบแนวหน้า

เป่ารื่อน่าเบะปากเล็กขอบตาแดงก่ำทำท่าจะร้องไห้อย่างสงสาร

เหมยเหมยเพิ่งเคยเห็นฉีฉีเก๋อโกรธมากขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยพูดหว่านล้อมว่า “เธอค่อย ๆคุยกับลูก อย่าใส่อารมณ์ เธอจะทำให้เป่ารื่อน่าตกใจได้นะ”

ฉีฉีเก๋อนวดขมับอย่างหงุดหงิดใจ พอเห็นท่าทางน่าสงสารของลูกสาวก็อดใจอ่อนไม่ได้ นึกเสียใจภายหลังที่เมื่อกี้ตนกระแทกเสียงใส่ลูก แต่เธอก็ทำไปเพราะหวังดีต่อลูกสาวทั้งนั้น

“เป่ารื่อน่า เพื่อน ๆในห้องของหนูสมัครเรียนสิ่งที่ตัวเองสนใจหมดแล้ว เราจะรั้งท้ายคนอื่นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะหัวเราะเยาะหนูได้รู้ไหม?” ฉีฉีเก๋อพยายามอธิบายอย่างใจเย็น แต่–

“คุณน้าโกหก หนูไม่ได้เรียนสักหน่อย!” เล่อเล่อตะโกนแทรกเสียงดัง

เปียโนวาดรูปเต้นรำ…ของวุ่นวายพวกนี้เธอไม่อยากเรียนมันหรอกนะ!

เป่ารื่อน่าที่เผลอคล้อยตามในทีแรกพอได้ยินว่าคนที่ตนชื่นชมมากที่สุดอย่างพี่เล่อเล่อไม่เรียน เธอก็ส่ายศีรษะอย่างหนักแน่นทันที “ไม่เรียน…หนูไม่อยากเรียน หนูจะเล่นกับพี่เล่อเล่อ…”

เหมยเหมยรีบดึงแขนลูกสาวอย่างรู้สึกผิด ยายตัวแสบนี่ไม่รู้จักสังเกตสีหน้าคนอื่นเลย ชอบพูดหักหน้าแบบนี้มันน่าทุบนัก!

ฉีฉีเก๋อคิ้วกระตุกรู้สึกคันไม้คันมือ ถ้าเล่อเล่อไม่ใช่ลูกสาวของเพื่อนสนิทเธอนึกอยากฟาดก้นของเจ้าหนูนี้สักทีสองทีจริง ๆ แต่ลูกสาวคนอื่นตีไม่ได้ ลูกสาวตัวเองน่ะตีได้!

“เด็กที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งแม่ไม่อยากได้แล้ว…”

ฉีฉีเก๋อชักสีหน้าแล้วอุ้มเป่ารื่อน่ามาวางบนหน้าขาด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างฟาดก้นของลูกสาวหลายทีโดยไม่ใช้แรงมากเท่าไรในเมื่อก็เป็นลูกแท้ ๆของตัวเอง

แต่ยัยตัวเล็กตกใจแทบแย่เลยร้องไห้เสียงดังลั่น “คุณแม่…อย่าทิ้งหนูนะ…หนูจะเชื่อฟังแล้ว…”

เหมยเหมยก็คิดไม่ถึงว่าฉีฉีเก๋อจะเจ้าอารมณ์ขนาดนี้ พอปากว่าจะตีก็ลงมือตีทันที เธออุ้มเป่ารื่อน่าขึ้น ขณะที่เจ้าหนูร้องไห้เสียงสะอึกสะอื้นพร้อมทั้งปากที่พร่ำพูดแต่ว่า ‘คุณแม่อย่าทิ้งหนูไป’

“เธออย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าลูกสิ แบบนี้จะทำให้เด็กตกใจได้นะ เธอไม่ปวดใจบ้างเหรอ!”

เหมยเหมยบ่นอีกฝ่ายไปไม่กี่ประโยคพลางใช้กระดาษทิชชูซับน้ำตาเช็ดน้ำมูกให้เป่ารื่อน่าก่อนจะเอ่ยปลอบว่า “คุณแม่จะทิ้งเป่ารื่อน่าไปได้อย่างไร? ต่อให้คนทั้งโลกทิ้งเป่ารื่อน่าคุณแม่ก็จะอยู่เคียงข้างเป่ารื่อน่าตลอดไป…จำไว้นะ”

เป่ารื่อน่าฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก็หยุดร้องไห้แล้วเหลือบมองฉีฉีเก๋ออย่างระแวง

ฉีฉีเก๋อเห็นท่าทีระแวงของลูกสาวก็เจ็บที่หัวใจแปลบ อุ้มลูกสาวขึ้นพลางเอ่ยเสียงติดสะอื้น “ขอโทษนะ…แม่ผิดเอง ไม่ควรพูดแบบนั้นเลย…”

ตีลูกแต่คนเจ็บคือแม่ คำโบราณนี้ไม่เกินจริงสักนิด

“คุณแม่…ไม่ร้องนะ…” เป่ารื่อน่าใช้มือเล็กเช็ดน้ำตาให้ฉีฉีเก๋อทำเอาเหมยเหมยก็รู้สึกปวดใจไปด้วย ชำเลืองมองลูกสาวตัวเองแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ก็รู้สึกปวดใจยิ่งกว่าเดิม

ทุกครั้งที่เธออยากทำตัวอ่อนแอร้องไห้ต่อหน้าลูกสาวทีไรก็ไม่เคยจะได้คำปลอบโยนจากเล่อเล่อ ยัยตัวแสบนี่มีแต่จะเหยียดสายตามองด้วยความดูถูกหรือไม่ก็เปรยออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา “คุณแม่…คราวหน้าใช้ขิงแก่ดูนะ!”

ลูกสาวคนอื่นเปรียบดั่งเสื้อตัวอุ่นที่คอยเอาใจใส่เสมอ เฮ้อ!

มีแต่ลูกบ้านเธอที่เปรียบเสมือนเสื้อเกราะสำหรับสู้รบอยู่แนวหน้า!

พอได้รับสายตารังเกียจจากแม่แท้ ๆ เล่อเล่อไม่คิดจะสนใจสักนิด หิ้วปีกเป่ารื่อน่าขึ้นด้วยมือเดียวอย่างเรียบนิ่งให้มายืนข้าง ๆเธอแล้วล้วงเอาเนื้อแดดเดียวจากกระเป๋ามาแบ่งให้น้องสาวหนึ่งชิ้น

“หยุดร้องได้แล้ว ทานสิ!”

“อื้ม…อร่อยจัง…มีอีกไหม?”

“มี…พอแน่นอน!”

เหมยเหมยมองเป่ารื่อน่าที่เปลี่ยนจากเจ้าหนูขี้แยเป็นจอมตะกละในพริบตาด้วยความตกใจ เวลาที่เศร้าเสียใจ…สั้นเกินไปหน่อยมั้ง!

ฉีฉีเก๋อรู้สึกอัดอั้นใจยิ่งกว่า…ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะบีบน้ำตาออกมาได้ ยังแสดงละครเศร้าไม่จบบทเลยนะ!

……………………….

ตอนที่ 2750 จะแพ้ตั้งแต่เริ่มต้นไม่ได้

“เธอก็เช็ดน้ำตาบ้างเถอะ ช่างมันเถอะ…ไม่ต้องเช็ดแล้ว น้ำตาแค่ไม่กี่หยดเดี๋ยวก็แห้งไปเอง ฉันสอนเธอวิธีหนึ่งนะ คราวหน้าเธอเตรียมขิงดิบหรือหัวหอมอะไรทำนองนี้ไว้ก่อน รับรองว่าได้ร้องไห้หนำใจแน่”

เหมยเหมยมองเพื่อนอย่างยียวน มองปราดเดียวเธอก็รู้ว่าฉีฉีเก๋อกำลังแสดงละครอยู่ แน่นอนว่า…ความรู้สึกร่วมก็มีอยู่บ้างนิดหน่อยแหละ

ฉีฉีเก๋อยิ้มอย่างเคอะเขินทีหนึ่งแล้วสูดจมูก “ฉันก็โดนสถานการณ์บีบบังคับนี่ไง เป่ารื่อน่าไม่ยอมเรียนเปียโน ฉันเครียดจะตายอยู่แล้ว!”

“ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียนสิ หรือว่าผู้หญิงจะต้องเล่นเปียโนเป็นทุกคนหรือไง ฉันเล่นไม่เป็น เธอก็เล่นไม่เป็นไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยไม่เข้าใจความคิดของเพื่อน

เปียโนไม่ใช่ทักษะที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตสักหน่อย ทำไมจะต้องเรียนให้ได้ล่ะ?

ฉีฉีเก๋อถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ผู้หญิงเรียนเปียโนแล้วบุคลิกจะดีนี่นา เปียโนคือราชาแห่งเครื่องดนตรี ขอแค่เล่นเปียโนเป็นจะไปเรียนเครื่องดนตรีอย่างอื่นก็ง่ายแล้ว อีกอย่างเรียนรู้ไว้เยอะ ๆก็ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย สมัยเราเพราะไม่มีให้เรียน ตอนนี้ปีสหัสวรรษ[1]ที่สามแล้ว สังคมกำลังก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เราจะให้ลูกแพ้ตั้งแต่เริ่มไม่ได้!”

เหมยเหมยฟังแล้วก็ปวดศีรษะ เธอไม่อยากได้ยินคำนี้ที่สุด ไม่รู้ว่าเป็นคำสอนจากผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาคนไหน เพราะประโยคนี้ลบเลือนช่วงเวลาในวัยเด็กและวัยรุ่นของเด็กไปมากแค่ไหน?

เหอะ…อะไรคือจุดเริ่มต้น?

ช่วงขณะที่เด็กเริ่มก่อตัวในท้องแม่ก็ได้ตัดสินจุดเริ่มต้นชีวิตของเด็กคนหนึ่งไว้แล้ว เด็กบางคนโชคดีตั้งแต่เกิดที่ต่อให้เธอ(เขา)เล่นเปียโนไม่เป็น เต้นรำไม่ได้และวาดรูปไม่คล่อง…แต่เขาก็ยังโชคดีและไม่ต้องพยายามสู้ชีวิต

“ฉีฉีเก๋อ เธอใจร้อนเกินไปแล้ว สภาวะจิตใจกับความคิดของเธอไม่ถูก ไม่งั้นจะส่งผลต่อการเติบโตของเป่ารื่อน่าได้นะ เธอต้องผ่อนคลายหน่อย ตอนนี้เป่ารื่อน่ายังเด็กซึ่งเป็นช่วงวัยติดเล่น เธออย่าเพิ่มแรงกดดันให้ลูกมากไป” เหมยเหมยพูดโน้มน้าว

ความจริงมีบางอย่างที่เธอไม่อาจพูดไปตรง ๆได้ ฉีฉีเก๋อมีบ้านหลายหลังในเมืองหลวงและไม่ขาดแคลนเงินทอง อีกอย่างพี่ชายทั้งหลายของเธอก็ประสบความสำเร็จด้านการงานที่กลายเป็นธุรกิจเชิงครอบครัวไปเสีย บอกได้ว่าสร้างจุดเริ่มต้นแก่เป่ารื่อน่าไว้สูงมากทีเดียว

ขอเพียงอนาคตเป่ารื่อน่าไม่หาเรื่องให้ตัวเองชีวิตก็คงไม่ลำบากเท่าไร หากเป่ารื่อน่าขยันหมั่นเพียรอีกสักนิดคงมีอนาคตที่สดใสน่าดู ไม่มีความเกี่ยวข้องว่าจะต้องเรียนเปียโนเลยจริง ๆ

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมีคำโบราณกล่าวไว้ว่ามังกรเกิดเป็นลูกมังกร หงส์เกิดลูกเป็นหงส์ ลูกของหนูเกิดมาก็ทำรูเป็นล่ะ[2]!

อาชีพการงานและตำแหน่งทางสังคมของพ่อแม่จะส่งผลกระทบต่ออนาคตและการวางแผนเรื่องงานของลูกได้โดยตรง นี่เป็นเรื่องจริงในสังคม ลูกของชาวนาถ้าอยากประสบความสำเร็จในชีวิตจะต้องพยายามกว่าครอบครัวชนชั้นกลางหลายสิบเท่าหรืออาจจะร้อยเท่าพันเท่า…ถึงจะมีโอกาสไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งเอาไว้ได้!

แน่นอนว่านอกจากครอบครัวที่ทำธุรกิจเหมืองน่ะนะ!

ฉีฉีเก๋อถอนหายใจอีกที “ฉันแค่กังวลว่าเป่ารื่อน่าจะไม่เอาไหน ชีวิตคนเราย้อนกลับไปใหม่ไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องฝึกให้เด็กวิ่งตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่คาดหวังว่าจะได้ที่หนึ่งหรอก แค่หวังว่าอย่าแย่มากก็พอ”

“วิ่งสุดชีวิตใช่ว่าจะได้ที่หนึ่ง ทั้งยังไม่ได้ชมวิวสวย ๆตามรายทางอีกด้วย ชีวิตอีกยาวไกล เป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งทั้งชีวิต เพราะจะเหนื่อยเอา!” เหมยเหมยไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้เลย

คนเราต้องพยายามแต่ก็ต้องผ่อนคลายรู้จักความพอดี อย่าบีบบังคับตัวเองจนเกินไป

อีกอย่างเป่ารื่อน่ากำลังอยู่ในวัยติดเล่นพอดี หากเวลานี้ให้เธอพยายามวิ่งจนไม่ได้ดื่มด่ำกับความสุขในวัยเด็ก วัยเด็กแบบนี้ยังมีความหมายอะไรอีกล่ะ?

ฉีฉีเก๋อครุ่นคิดตาม แต่เธอก็กังวลใจอยู่ดี “ฉันแค่กลัวว่าลูกคนอื่นกำลังวิ่งแต่ลูกบ้านฉันไม่วิ่งแล้วสุดท้ายพลาดได้ที่สุดท้ายจะทำอย่างไร!”

“วางใจเถอะ ลูกบ้านฉันก็ไม่ได้วิ่งเหมือนกัน รอได้ที่สุดท้ายเป็นเพื่อนกับเป่ารื่อน่าเลย!” เหมยเหมยพูดปลอบเพื่อน

…………………………….

[1] แปลว่ารอบ 1000 ปี

[2] สุภาษิตจีนที่มีความหมายว่า พ่อแม่เป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น หรือตรงกับสุภาษิตไทยว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น