ตอนที่ 3396

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3396 : ลี่หลัว

 

ลูกสาวของศิษย์มันย่อมไม่ต่างอะไรจากหลานสาวของมัน และตอนนี้สามีของหลานสาวมันก็คือนายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เมี่ยเทียน!

 

กล่าวอีกอย่างได้ว่า

 

นายน้อยพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน ไม่ต่างอะไรกับหลานเขยของมัน!

 

สวรรค์ช่วย!

 

มันถังเฉียนที่เป็นแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามธรรมดาๆที่ไม่อาจธรรมดามากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ไฉนถึงมีวาสนาระดับนี้?!

 

ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ความตื่นเต้นของถังเฉียนยิ่งล้นใจ เนิ่นนานกว่าจะดึงสติกลับมาได้ สุดท้ายก็ลําบากให้เฟิ่งหวู่เต้าส่งเสียงผ่านพลังมาดึงสติ

 

หลังรู้สึกตัว ถังเฉียน ก็มองกล่าวเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนด้วยความกระตือรือร้น “นายน้อยท่านเดินทางมานิกายอมตะฟ้าสัญจรเราคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เช่นนั้นเชิญท่านพักที่นี่สัก 2-3 วันเถอะ”

 

“ขอบคุณสําหรับความกรุณาอาวุโสถังเฉียนแต่ข้าต้องไปหามารดาต่อ เกรงว่าคงไม่อาจรั้งอยู่ได้นาน”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวปฏิเสธ

 

ตอนนี้หลังจากได้พบเฟิ่งเทียนหวู่กับต้วนซือหลิง เขาก็ได้พบต้วนหรูเฟิงกับเฟิ่งหวู่เต้าแล้วและด่านพลังฝึกกปรือของ 2 คนหลังยังสูงกว่าเฟิ่งเทียนหวู่กับต้วนซือหลิงอีกด้วย

 

ถึงแม้ทั้งหมดจะเป็นเพราะทั้งคู่ได้รับโอกาสที่ดีกว่า

 

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้บ่งบอกได้ชัดเจน ว่าหลังผ่านการชําระขัดเกลาจากพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพ ทุกคนสมควรมีความสําเร็จในระนาบเทวโลกไม่ใช่ชั่ว

 

ต่อให้เลวร้ายที่สุด อย่างน้อยๆก็น่าจะทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะกันหมดแล้ว

 

“ท่านแม่เองก็ต้องขึ้นมายังระนาบเทวโลกแล้วแน่…แต่ไม่รู้ว่าอยู่ไหน ต้องรีบไปไล่หาตามระนาบเทวโลกที่เหลือต่อ”

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

เช่นนั้นหลังจากร่ำลาถังเฉียน และออกจากนิกายอมตะฟ้าสัญจรแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ออกเดินทางทันที ในระหว่างเดินทางเฟิ่งเทียนหวู่ก็กลับเข้าไปอยู่ในโลกใบเล็กของเขาและเฟิ่งหวู่เต้าก็ตามเข้าไปด้วย

 

พอเฟิ่งหวู่เต้าเข้ามาในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียนสองตาก็ทอประกายจ้าขึ้นมาทันที เพราะมันพบว่าไอพลังวิญญาณฟ้าดินภายในโลกใบเล็กแหวนี้ หากให้เทียบกับห้องบ่มเพาะที่ดีที่สุดในนิกายอมตะฟ้าสัญจรแล้ว มันช่างต่างกันประหนึ่งป่าขจีกับทะเลทรายรกร้าง!

 

ที่สําคัญที่สุดก็คือ

 

ไอพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียน ทําให้มันหวนคิดถึงเรื่องราวเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่าน ย้อนกลับไปในสมัยที่มันยังถูกกักบริเวณในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ!

 

“ไฉนพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กเจ้าหนู ถึงได้เหมือนพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพเลยเล่า?”

 

เฟิ่งหวู่เต้าไม่อาจไม่ตะลึง

 

เพราะเท่าที่มันทราบมา ในระนาบเทวโลกนั้น ต่อให้เป็นขุมกําลังของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ที่ครอบครองสายแร่ผลึกอมตะระดับจักรพรรดิหลายสาย ก็ไม่อาจสร้างพลังวิญญาณฟ้าดินระดับนี้ออกมาได้

 

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ต้วนเคยพบเจอซากปรักหักพังของระนาบเทพ จึงได้ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินในนั้นเข้ามากักเก็บไว้ในร่าง เช่นนั้นไอพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กของพี่ใหญ่ต้วน ก็คือไอพลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทพจริงๆ”

 

เฟิงเทียนหวู่กล่าวอธิบาย

 

ต้วนหลิงเทียนได้บอกเรื่องนี้ให้นางฟังแล้ว

 

“ดูเหมือนเจ้าหนูจะพบพานวาสนาไม่น้อย แถมดูจากขนาดของโลกใบเล็กภายในกายนี้ เจ้าหนูสมควรบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะแล้วสินะ…เจ้าหนูยังพึ่งอายุเท่าไหร่เชียวกลับบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะได้แล้ว”

 

เดิมที่เฟิ่งหวู่เต้าคิดว่าการที่มันสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกําเนิดได้ก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากแล้ว แต่หลังจากโดนต้วนหรูเฟิงถล่มไปรอบ ตอนนี้ยังมาโดนต้วนหลิงเทียนถล่มทับครั้งใหญ่

 

ถึงแม้วนหรูเฟิงจะเป็นจอมราชันอมตะขั้นสูงกว่ามัน แต่ระดับพลังที่เหนือกว่ามันแค่ 2 ขั้นย่อยเท่านั้น

 

ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับทะลวงถึงขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะไปแล้ว นี้เป็นระดับพลังอีกขอบเขตเลยทีเดียว มันไม่อาจเทียบต้วนหลิงเทียนได้แม้แต่น้อย

 

“ท่านปู่หวู่เต้า!”

 

ต้วนซือหลิงไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะ เช่นนั้นพอเฟิ่งหวู่เต้ากับเฟิ่งเทียนหวู่เข้ามา นางก็เร่งทักทายทันที

 

“เจ้าคือซือหลิงหรือ!?”

 

ถึงแม้ตอนที่แยกจากกันต้วนซือหลิงก็โตแล้ว แต่ให้เทียบกับปัจจุบันก็ยังมีความแตกต่างอยู่บ้าง ทว่าเฟิ่งหวู่เต้ากลับจดจํานางได้ทันที

 

“ฮิฮิ…ข้าเองท่านปู่หวู่เต้า!”

 

ต้วนซือหลิงคลี่ยิ้มซุกซน

 

“ไม่ทันไรซือหลิงก็โตขนาดนี้แล้ว แถมยังเป็นราชาอมตะแล้วอีกด้วย”

 

เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวอย่างทอดถอนใจ

 

จังหวะนี้เฟิ่งหวู่เต้ารู้สึกเสมือนว่าวันเวลามันผ่านพ้นไปรวดเร็วเหลือเกิน ประหนึ่งศรพุ่งผ่านหน้าไปหลักๆ…เด็กหญิงตัวน้อยในปีนั้นกลับเติบโตขึ้นมาเป็นสาวแล้ว กระทั่งนางยังแลดูไม่ต่างอะไรจากเฟิ่งเทียนหวู่ลูกสาวของมันเลย

 

“ท่านปู่หวู่เต้า ท่านโตเร็วกว่าซือหลิงอีกไม่คิดเลยว่าท่านจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะได้แล้ว”

 

ต้วนซือหลิงยิ้ม

 

“ต่อให้ข้าก้าวหน้าขึ้นแค่ไหน ก็เทียบพ่อกับปูเจ้าไม่ได้หรอก”

 

เฟิ่งหวู่เต้าหัวเราะเยาะตัวเอง จากนั้นสายตามันก็เหลือบไปเห็นร่างหนึ่งที่กําลังนั่งบ่มเพาะอยู่ใต้ต้นไม้สูงตระหง่านโดยไม่รู้ตัว และร่างนี้เสมือนทําให้สรรพสิ่งรอบกายมัวหมองไปอย่างไรไม่ทราบ

 

แม้ร่างดังกล่าวจะหลับตาบ่มเพาะพลังอยู่ แต่ใบหน้าอันสมบูรณ์แบบนั่นก็สามารถเจิดจรัสประชันกับแสงรัศมีพลังที่เรืองรองออกมาจากต้นไม้สูงตระหง่านได้อย่างไม่ยิ่งหย่อน

 

“ช่างเป็นสตรีที่งดงามอะไรจะขนาดนี้!”

 

เฟิ่งหวู่เต้าอดอุทานออกมาไม่ได้ จากนั้นก็ละสายตาอันเต็มไปด้วยความชื่นชมมามองถามเฟิ่งเทียนหวู่ด้วยความสงสัย “เทียนหวู่ นางเป็นผู้ใดหรือ?”

 

“ท่านพ่อ นั่นคือน้องสาวฮ่วนเอ๋อ…”

 

เฟิ่งเทียนหวู่พิ่คลี่ยิ้มพลางกล่าว “น้องสาวฮ่วนเอ๋อได้รู้จักกับพี่ใหญ่ต้วนหลังจากที่พี่ใหญ่ต้วนขึ้นมาระนาบเทวโลกได้ไม่นาน…และในตอนนั้นดูเหมือนน้องสาวฮ่วนเอ๋อจะพึ่งมีอายุได้ 10 กว่าขวบเท่านั้น”

 

“ว่ากันตามตรง น้องสาวฮ่วนเอ๋อยังอายุน้อยกว่าซือหลิงเสียอีก”

 

ได้ยินคําพูดของเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนซือหลิงที่อยู่ข้างๆก็คลี่ยิ้มเงื่อนๆพลางกล่าว “ถึงแม้วนเอ๋อจะอายุน้อยกว่าข้า…แต่วันหน้าข้าคงต้องเรียกนางว่า แม่ 4 แล้วล่ะ…”

 

“แม่ 4?”

 

เฟิ่งเทียนหวู่ผงะ “แม่ใหญ่กับแม่รองก็คงเป็นแม่เจ้ากับพี่สาวเฟยเอ๋อ…เช่นนั้นฮ่วนเอ๋อไม่ใช่ต้องเป็นแม่ 3 หรอกหรือ?”

 

“น้าหวู่ ในใจซือหลิงมีแม่ 3 แล้วนั่นคือท่าน”

 

ต้วนซือหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน

 

“ยาโถวน้อยนี่ เดี๋ยวนี้กล้าล้อข้าแล้วหรือ?”

 

เฟิ่งเทียนหวู่มองค้อนต้วนซือหลิง ท่าทางแลดูอุ่นทิ้งเอาเรื่อง หากแต่มุมปากนางกลับยกยิ้มขึ้นบางๆ เผยให้เห็นความในใจชัดเจน

 

จังหวะนี้เฟิ่งหวู่เต้าที่ยืนอึ้งอยู่ข้างๆก็ตระหนักได้แล้วว่าสตรีที่งดงามไร้คู่เปรียบนั่นเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นสตรีอีกคนของต้วนหลิงเทียน!

 

“เจ้าหนูช่างเสน่ห์แรงแท้ เหนือกว่าข้าสมัยหนุ่มๆหลายขุมเลย

 

เฟิ่งหวู่เต้าได้แต่ลอบระบายลมหายใจอย่างทอดถอนในใจ

 

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ข้างกายต้วนหลิงเทียนจะมีสตรีเพิ่มขึ้นอีก 1 คน แต่เฟิ่งหวู่เต้าก็ไม่กังวลเรื่องที่ลูกสาวของมันจะเสียเปรียบ เพราะรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนเป็นอย่างไร

 

“ท่านพ่อต่อไปก็บ่มเพาะพลังในโลกใบเล็กขชองพี่ใหญ่ต้วนเถอะ…การบ่มเพาะฝึกฝนที่นี่ไม่เพียงแต่จะทําให้ท่านยกระดับพลังได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังทําให้ท่านเข้าใจกฏของธาตุทั้ง 5 รวมถึงกฎแห่งชีวิตได้รวดเร็วมากขึ้นอีก”

 

เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวแนะเฟิ่งหวู่เต้า

 

เพราะในโลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะมีเทพเบญจธาตุครบทั้ง 5 ธาตุเท่านั้น แต่ยังมีพฤกษาเทพกําเนิดชีพอีกด้วย เรียกว่าเป็นดั่งสรวงสวรรค์สําหรับการทําความเข้าใจกฏ แห่งธาตุทั้ง 5 และกฏแห่งชีวิตจริงๆ

 

และทุกสิ่งอย่างภายในโลกใบเล็กแห่งนี้ ต้วนหลิงเทียนที่เป็นเจ้าของ อาศัยเพียงห้วงคิดเดียวก็รับรู้ได้ชัดเจน

 

ตอนที่เพิ่งหวี่ค้นพบตัวตนฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะละอายใจขึ้นมา เพราะสุดท้ายแล้วกระทั่งลูกสาวผู้อื่น เขายังไม่ทันได้ตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราว แต่กลับมีผู้หญิงเพิ่มมาอีกคนเสียอย่างนั้น

 

ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด

 

เพราะท้ายที่สุดแล้วเฟิ่งหวู่เต้าก็เป็นดั่งพ่อตาของเขา

 

เช่นนั้นพอเห็นเฟิ่งหวู่เต้าไม่ได้เผยท่าทีขุ่นเคืองหรือไม่พอใจอะไรออกมา แลดูยอมรับได้ง่ายๆ ต้วนหลิงเทียนก็เลยระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็พาต้วนหรูเฟิงกับผู้เฒ่าหั่วตระเวนไปตามระนาบเทวโลกอื่นๆสืบต่อ

 

ณ สือฉี่เทียน

 

สือฉี่เทียนแห่งนี้ ก็คือ 1 ในเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลก

 

ในปัจจุบัน บนภูเขาสูงลูกหนึ่งในดินแดนสื่อฉีของสือฉีเทียน ภายในถ้ำลึกปรากฏเงาร่างผู้คนมากมายหากไม่ยืนก็นั่งเดินพลังอยู่

 

และสีหน้าของทุกคนก็แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

 

“ท่านอาจารย์อา พวกเราจะถูกมันพบเจอหรือไม่?”

 

เด็กสาวนางหนึ่งที่แลดูมีอายุราวๆ 15-16 ปี แม้ตอนนี้นางจะยังเด็กแต่ก็เผยเค้าโครงความงามออกมาชัดเจน คาดว่าเติบโตขึ้นไปต้องเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่งแน่ กําลังเอ่ยถามสตรีที่ยืนใกล้ปากถ้ำมากที่สุดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

 

สตรีที่อยู่ใกล้ปากถ้ำ อันมีใบหน้าอิดโรยหว่างคิ้วฉายความเหนื่อยอ่อน พอได้ยินคําถามของเด็กหญิงก็หันไปคลี่ยิ้มกล่าวตอบ “เสี่ยวฉันไม่ต้องห่วง…พวกมันหาพวกเราไม่เจอแน่”

 

“ถึงนิกายวิถีอีกาจะเป็นนิกายระดับ 6 ที่มีตัวตนระดับจอมราชันอมตะ…แต่คิดจะหาตัวพวกเราก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และถ้าไม่รู้จักพื้นที่แถบนี้ดี พวกมันก็หาพวกเราไม่เจอแน่”

 

“ขอเพียงแค่พวกเราไม่เปิดเผยร่องรอยใดๆออกไป อาศัยค่ายกลที่ข้าจัดตั้งเอาไว้ ก็มากพอจะปกปิดกลิ่นอาย ทําให้พวกมันมิอาจหาพวกเราได้พบ”

 

หากต้วนหลิงเทียนหรือต้วนหรูเฟิงมาอยู่ที่นี่ คงต้องบอกได้ทันทีว่าผู้ที่ถูกเรียกหาว่าอาจารย์อานั้นเป็นใคร เพราะนางไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหลัว!

 

มารดาผู้ให้กําเนิดของต้วนหลิงเทียน

 

ภรรยาของต้วนหรูเฟิง

 

หลังจากที่ถูกส่งตัวหลบหนีออกมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ ลี่หลัวก็ถูกส่งไปปรากฏยังระนาบโลกียะที่ไม่คุ้นเคยแห่งหนึ่งเพียงลําพัง

 

ด้วยพรสวรรค์ที่ถูกไอพลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทพเปลี่ยนแปลง นางจึงบ่มเพาะพลังจนขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้ในเวลาอันสั้น

 

หลังจากนางขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้ไม่นาน นางก็ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเสียชีวิต อย่างไรก็ตามมีผู้อาวุโสคนหนึ่งของนิกายที่นางอยู่ในตอนนี้บังเอิญผ่านมาช่วยเหลือได้ทันเวลา

 

อย่างไรก็ตาม อาวุโสยื่นมือเข้าช่วยนางตอนนั้นก็ต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสเรื้อรังยากจะรักษาได้หายและพบพานความก้าวหน้าใดๆอีก

 

ด้วยความซาบซึ้งบุญคุณ ลี่หลัวจึงติดตามอาวุโสดังกล่าวกลับมานิกาย ซึ่งเป็นนิกายหญิงล้วน จนในที่สุดก็ได้กลายเป็นศิษย์ของนิกาย

 

นางยังคารวะอาวุโสที่เสี่ยงช่วยชีวิตนางเอาไว้เป็นอาจารย์

 

ต่อมาภายหลัง ด่านพลังฝึกปรือของนางก็ก้าวหน้าขึ้นด้วยความเร็วสูง จนทุกคนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

 

แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าลี่หลัวที่ก้าวหน้าด้วยความเร็วระดับนี้ คงต้องออกจากนิกายเพื่อไปแสวงหาความก้าวในในขุมกําลังที่มีระดับสูงกว่า เพื่อรับทรัพยากรบ่มเพาะไม่ให้พรสวรรค์ของนางต้องสูญเปล่า มิคาดหลัวกลับไม่ไปไหน!

 

ตอนนั้นขอเพียงมีตาทุกคนย่อมมองออกได้ทันที

 

ขอเพียงลี่หลัวออกจากนิกายไป ก็มีขุมกําลังระดับสูงกว่ามากมายยินดีต้อนรับ และเต็มใจทุ่มทรัพยากรเพื่อปลูกฝังนางเต็มที่แน่นอน

 

แต่ไม่ว่าจะมีขุมกําลังใดมาทาบทาม ลี่หลัวก็เลือกที่จะอยู่เพื่อช่วยเหลืออาจารย์ของนางที่เสี่ยงช่วยเหลือนางจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเรื่องรังในตอนนั้น

 

ต่อมาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของอาจารย์ไม่เพียงแต่จะไม่ทุเลาลงเลย กลับทรุดลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ตกตายไป หลัวจึงเลือกที่จะรับช่วงต่อจากอาจารย์ กลายเป็นผู้อาวุโสของนิกาย

 

นิกายที่ลี่หลัวอาศัยอยู่เรียกว่าฉวินซิ่ว ซึ่งเป็นเพียงขุมกําลังระดับ 7 เท่านั้น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเพียงราชาอมตะ 9 ตําหนัก

 

ถึงแม้พลังฝึกปรือของลี่หลัวจะดี แต่ก็ทัดเทียมกับผู้อาวุโสทั่วไปของนิกายฉวินซิ่วเท่านั้น

 

เมื่อไม่นานมานี้ นิกายฉวินซิ่วที่ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับโลกภายนอกมาก่อน จู่ๆก็ถูกขุมกําลังระดับ 6 ขุมหนึ่งที่เรียกว่า นิกายวิถีอีกา คิดจะมาสยบปราบให้นิกายฉวินซิ่วยอมจํานนเป็นขุมกําลังใต้อาณัติ และศิษย์สตรีของนิกายฉวินซิ่วก็ต้องไปเป็นนางบําเรอให้แก่เหล่าศิษย์ชายของนิกายวิถีอีกา

 

เรื่องพรรค์นี้ นิกายฉวินซิ่วย่อมไม่มีวันยอม!

 

ผลของการไม่ยอมจํานนก็คือถูกขุมกําลังระดับ 6 อย่างนิกายวิถีอีกาใช้กําลังบีบบังคับ ไม่เพียงแต่พวกมันจะทําลายนิกายฉวินซิ่วเท่านั้น แต่ยังไล่ล่าศิษย์นิกายฉวินซิ่วทุกคนที่หลบหนีอีกด้วย

 

ลี่หลัวในฐานะอาวุโสคนหนึ่งของนิกายฉวินซิ่ว ก็ได้พาศิษย์ในนิกายนับสิบกว่าชีวิตหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ยังถ้ำลึกของภูเขาสูงชันลูกหนึ่งในสถานที่ห่างไกลแบบนี้

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงความเคลื่อนไหวดังมาจากด้านนอก ยังแว่วน้ำเสียงเย็นชาดังว่า “คนของนิกายฉวินซิ่วหลบอยู่ด้านล่าง…”

 

สีหน้าสี่หลัวเปลี่ยนไปโดยพลัน