ตอนที่ 3405

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3405 : ที่อยู่ของมู่อีอี

 

ครื้นนน!!

 

ครื้นนน!!

 

กฏแห่งชีวิตก็ไม่ต่างอะไรจากกฏแห่งไม้มากนัก ไม่เพียงแต่จะมีพลังรักษาแต่ยังมีพลังอํานาจในการเข่นฆ่าผู้คนอีกด้วย

 

ในขณะที่ชื่อป่วผิงลงมือเข่นฆ่าสังหารเข้ามา ทั่วร่างมันก็ปรากฏเงาร่างต้นไม้ประหลาดขึ้นตัวลําต้นมีสีฟ้าอมเขียวมีเห็นหนามแหลมทิมแทงออกมาเต็มไปหมดแลดูอัปลักษณ์ชอบกล

 

พลังธาตุชีวิตที่ผสานพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดของมันระเบิดออกมาอย่างน่ากลัว! แถมกลิ่นอายพลังชีวิตยังรุนแรงมหาศาลยิ่งกว่าการลงมือครั้งก่อนทั้งพอพุ่งทะยานแหวกอากาศเข่นฆ่าเข้าใส่ถ้วนหลิงเทียนได้ไม่ทันไรก็แปรสภาพกลับกลายเป็นแสงกระบี่นับหมื่นพันเล่ม!ประหนึ่งจะกลี นถ้วนหลิงเทียนที่รอบกายปรากฏร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวขึ้นมาปกปักษ์ให้หายไปในบัดดล!!

 

ทว่าทันใดนั้นเอง

 

ในห้วงเวลาพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ

 

ปงงงงง!!

 

เสียงคลื่นพลังแหวกฟ้ามาฉับไว เป็นแสงกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตอันน่าพรั่นพรึงของชื่อบัวผิงไม่ทันได้ปะทะเข้ากับร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวที่อุบัติมาปกป้องคลุมกายต้วนหลิงเทียนก็ถูกเพลิงพลังสีทองที่ถล่มลงจากฟ้าปานคลื่นมหรรณพคลั่งถล่มกลืนจนหายไปในพริบตา!!

 

เพลิงพลังสีทองดังกล่าว ทรงพลังอํานาจเหนือล้ํากว่ากันอย่างเห็นได้ชัด!

 

“อะไร!?”

 

สีหน้าชื่อนิ้วนิ่งเปลี่ยนไปใหญ่หลวง จากนั้นไม่ทันที่มันจะได้ตอบสนองเรื่องราวกลางฟ้าก็ปรากฏร่างชราในชุดคลุมแดงเพลิงที่เต็มไปด้วยเพลิงพลังสีทองลุกโชนจนคนคล้ายจะหลอมผสานเข้ากับเพลิงสีทองยากแยกแยะ!

 

“บัดซบ! ไฉนมันมาอยู่ที่นี่ได้!?”

 

ไม่ใช่ว่ามันจากไปแล้วหรือไร!?”

 

ที่แท้ก่อนที่กระบวนท่าของชื่อนิ้วผิงจะปะทะเข้ากับร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของตัวนหลิงเทียนก็ถูกพลังของร่างผู้มาใหม่ทําลายลงเสียก่อน และผู้มาใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้เฒ่าหัวนั่นเอง!

 

ในสายตาของชื่อทั่วผิง ผู้เฒ่าหัวไม่ควรมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้เลย!

 

อีกฝ่ายสมควรถูกมันหลอกให้ย้อนกลับไปหาถ่าถูแล้วไม่ใช่หรือไร!?

 

“ผู้เฒ่าหัวข้าเข้าใจผิดจริงๆ ตอนแรกหลงคิดว่าชื่อป่วนูคิดฆ่าข้าเพราะเหตุผลบางอย่างเสียอีกแต่มิคาดกลับเป็นซื้อบัวผิงที่ปลอมตัวมาได้อย่างแนบเนียน”

 

หลังการลงมือของชื่อนิ้วผิงถูกผู้เฒ่าหัวหยุดยั้ง เสียงเฉยเมยของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นและน้ําเสียงก็ฟังดูปกติ ไม่หลงเหลืออาการอ่อนแออะไรอยู่เลย ชัดถ้อนชัดคําเปี่ยมไปด้วยพลังราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย

 

พริบตาต่อมา ชื่อยั่วผิงก็เห็นว่าต้นไม้ที่สูงตระหง่านเบื้องหน้าได้สลายหายไป ปรากฏชายหนุ่มชุดม่วงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าท่าที่แลดูปกติ กําลังมองมาทางมันด้วยสายตาหยอกล้อ

 

“เจ้าคงกําลังสงสัยอยู่กระมัง ว่าไฉนผู้เฒ่าทั่วถึงยังไม่ได้จากไป?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่มองชื่อนิ้วผิงด้วยสายตาราวกับมองตัวโง่งม เอ่ยถามเสียงเฉย

 

และพอเห็นสีหน้าชื่อนิ้วผิงยิ่งมากยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงสมเพช “นี่เจ้าโง่งมหรือไม่มีสมองอยู่เลยกันแน่ ถึงได้ยกอ้างเรื่องจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูเรียกให้ไปเอาของขวัญสําคัญออกมาได้? ข้าฟังดูก็บอกได้ทันที ว่าต่อให้จักรพรรดิสรรค์ถ่าถูจะทําอะไรแบบนั้นจริงก็สมควรส่งข้อความให้อาวุโสคลุมเทาที่มาส่งพวกเรามากกว่า”

 

“เพราะในสายตาจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูอาวุโสคลุมเทานั่นก็คือคนที่ได้รับคําสั่งให้มาส่งพวกเราไหนเลยจะไปรู้ว่าเจ้าที่จากไปแต่แรก ยังรอส่งพวกเราอยู่…”

 

“พิรุธใหญ่โตดังกล่าว หากข้าไม่รู้ว่าเรื่องราวผิดท่าก็แย่แล้วเช่นนั้นข้าจึงให้ผู้เฒ่าหัวทําที่เป็นจากไปและซ่อนตัวรอดูว่าเจ้าคิดจะทําอะไรกันแน่….”

 

“ที่แท้เจ้าก็คิดฆ่าข้า”

 

“แต่เป็นธรรมดาว่าข้าหลงคิดว่าชื่อนิ้วนุ่แค้นข้าเพราะเรื่องเจ้าก็เลยหมายฆ่าข้าไม่ทันได้คิดว่าจะเป็นเจ้าปลอมตัวมาแบบนี้ที่ต้องชมก็คือวิชาแปลงร่างของเจ้าร้ายกาจจริงๆ ข้าไม่อาจมองเห็นพิรุธอะไรได้เลย”

 

“ให้ข้าเดานั่นสมควรเป็นพรสวรรค์วิชาแต่กําเนิดของเจ้ากระมัง?”

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมองเรื่องราวได้กระจ่างแล้วเพราะดูจากชื่อวผิงที่กลายเป็นมนุษย์ต้นไม้หนามเบื้องหน้าก็บ่งบอกให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้คนแต่สมควรเป็นต้นไม้อมตะอะไรบางอย่างที่มีความสามารถในการปลอมแปลงระดับสูง ไม่งั้นอีกฝ่ายไม่มีทางปลอมเป็นชื่อป่วนได้แนบเนียนถึงขั้นที่เขากับผู้เฒ่าหัวมองไม่ออกแบบนี้

 

พอกล่าวจบคํามุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มสมเพช แววตาฉายให้เห็นถึงความหยอกล้อตัวโง่งมประการหนึ่ง

 

สีหน้าของชื่อนิ้วผิงมืดดําลงทันใดบัดนี้มันพึ่งจะตระหนักได้ว่าแผนการของมันเมื่อครู่มีช่องโหว่ขนาดไหน!

 

ทว่าทันใดนั้นเองสองตาของชื่อนิ้วผิงก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวไร้ลังเลร่างมนุษย์ต้นไม้หนามเปล่งแสงจ้ากลิ่นอายพลังชีวิตปะทุออกมารุนแรงกว่าครั้งใดร่างประหลาดเหินขึ้นฟ้าไปดั่งเงาเลือนราวมังกรเขียวทะยานข้ามม่านเมฆอยู่บ้าง!

 

“คิดหนี?”

 

เห็นฉากดังกล่าว ผู้เฒ่าหัวก็ยกยิ้มแสยะเย็นชา มือสะบัดออกไปเบาๆปรากฏเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติพุ่งทะยานไล่ตามชื่อนิ้วผิงไปฉับไวราวกระสวยอวกาศ!พริบตาก็จ้วงกระแทกเข้ากลางหลังของมันจนหน้าถลันก่อนจะวกขึ้นไปอยู่เหนือร่าง แล้วกดทับลงมาด้วยสภาวะปานขุนเขาถล่ม!

 

ปงงงงง!!

 

ร่างที่แท้จริงของซื้อบัวผิงถูกเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทับถล่มร่วงลงมาจากฟ้า ก่อนจะอัดมันเข้ากับพื้นอย่างแรง! ไม่ว่าชื่อยั่วผิงจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดพ้นการกดทับของเจดีย์หลิงหลง7สมบัติได้เลย!!

 

“นาย…นายน้อย ข้าข้าแค่ล้อท่านเล่นนิดเดียว! ปล่อยข้าไปเถอะ ไว้ชีวิตข้าด้วย!!”

 

พอเห็นว่าไม่อาจหลีกหนีไปไหนได้แล้ว ชื่อนิ้วผิงก็หน้าซีดลงด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญเร่งกล่าววิงวอนขอชีวิตกับต้วนหลิงเทียนยกใหญ่

 

เห็นชัดว่ามันรู้ดีแก่ใจ ว่าหากชายหนุ่มเบื้องหน้าไม่มีจิตคิดเมตตาล่ะก็ มันได้ตกตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!

 

“ล้อเล่น? ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากได้อุปกรณ์เทพที่ข้าอาจจะมีหรอกรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน “ทําไมเล่า? อยู่ดีๆก็เกิดเปลี่ยนใจไม่อยากได้แล้ว?”

 

“นายน้อย…ข้าแค่พูดขําๆ หมายล้อท่านเล่นเท่านั้นเอง”

 

ชื่อยั่วผิงคลี่ยิ้มกล่าวด้วยสีหน้าสลด

 

“ว่าแต่อะไรดลใจให้เจ้าคิดว่าข้าอาจมีอุปกรณ์เทพติดตัว?”

 

ต้วนหลิงเทียนถามเสียงเบา

 

“ก็หลังจากที่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางกลับออกมาจากนรกอสุราเห็นได้ชัดว่าสมควรพบพานโชควาสนาครั้งใหญ่ และน่าจะได้อุปกรณ์เทพติดมือกลับมาไม่น้อย หาไม่แล้วจะตบรางวัลให้จักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์เมิ่งหลัวที่คอยดูแลพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ขี้เมียเทียนเช่นนั้นหรือ? เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรในระนาบเทวโลกเลย กระทั่งพี่ใหญ่ข้ายังคาดว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางสมควรได้รับอุปกรณ์เทพจากนรกอสุราติดมือกลับมามากกว่า 2 ชิ้น…”

 

“แต่เป็นธรรมดาว่าข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอก…”

 

“แค่ข้าคิดว่าหากจักรพรรดิสวรรค์ฟังชิงหยางได้รับอุปกรณ์เทพจากนรกอสุรามาสัก 3 ชิ้นก็สมควรต้องมอบให้ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวเช่นท่านสักชิ้นแน่”

 

ชื่อป่วผิงกล่าวตอบออกมาตามตรง แลดูให้ความร่วมมือดีมาก

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้ทันทีว่าเป็นเรื่องราวใด ขณะเดียวกันมุมปากเขาก็ยกยิ้มแสยะขึ้นมา“ที่แท้เจ้าก็ถูกความโลภครอบงํา?”

 

“นายน้อย! เมตตาไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าสํานึกผิดแล้ว! ขอท่านเมตตาละเว้นข้าสักครั้งเถอะ!”

 

ชื่อนิ้วยิ่งเร่งวิงวอนร้องขอชีวิตออกมายกใหญ่ เพราะมันสัมผัสได้ว่าผู้เฒ่าหัวที่กําลังควบคุมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอยู่เริ่มเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาแล้ว

 

“ซื้อบัวผิง เกรงว่าเจ้าคงไม่รู้สินะ…ว่าถึงข้าจะเป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟังชิงหยางแต่ข้ายังไม่ได้พบเจอกับอาจารย์เลยสักครั้ง? ในเมื่อข้าไม่เคยเจอกับท่านอาจารย์ด้วยซ้ําแล้วอาจารย์จะให้อุปกรณ์เทพข้ามาได้อย่างไร?”

 

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเบาๆ

 

และวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน พอดังเข้าหูชื่อป่วผิง มันก็รู้สึกเสมือนมีอัสนียามแล้งที่ไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆมาก่อนฟาดผ่าลงมากลางหัวอย่างจัง ทําให้มันตระหนักได้ว่าการเสี่ยงวางแผนก่อการครั้งนี้ช่างน่าขันขนาดไหน!

 

มันหลงคิดว่ามันเสี่ยงเพื่อมีโอกาสได้ครอบครองอุปกรณ์เทพแสนล้ําค่าที่กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูยังไม่มี แต่ไม่เพียงแผนจะล่มไม่เป็นท่า อีกฝ่ายยังมาบอกอีกว่าไม่เคยพบเจอกับจักรพรรดิสวรรค์ฟังชิงหยางมาก่อน!

 

“นายน้อย ท่านไม่อาจฆ่าข้าได้…หากท่านฆ่าข้า พี่ใหญ่ของข้าไม่มีวันปล่อยท่านไปแน่!”

 

ชื่อบัวผิงที่สิ้นไร้หนทาง ก็ได้แต่ยกอ้างชื่อป่วนที่เป็นดั่งไพ่ตายใบสุดท้ายออกมา

 

ได้ยินคํากล่าวขู่ของชื่อยั่วผิง ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิ้วขึ้น “จริงรึ?”

 

“ผู้เฒ่าหัว ในเมื่อมันอยากเห็นท่าทีของพี่ใหญ่มันนักเช่นนั้นพวกเราพามันไปหาจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูเถอะ ข้าเองก็อยากรู้จริงๆว่าจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูจะจัดการกับมันอย่างไร”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวกับผู้เฒ่าหัว

 

หลังจากนั้นไม่นาน ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหัวก็ได้ย้อนกลับมายยังสถานที่พักบ่มเพาะของถ่า ถู จักรพรรดิสวรรค์สือฉีเทียน ด้านถ่าญเองก็งุนงงไม่น้อยเมื่อเห็นทั้งคู่ย้อนกลับมาแถมยังริ้วร่างชื่อนิ้วผิงกลับมาอีก

 

“อาจาร์ยลุงถ่าถู”

 

ต้วนหลิงเทียนปริปากกล่าวเล่าเรื่องราวไม่กี่คํา ก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นออกไปจนหมด

 

สีหน้าจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูมืดดําลงโดยพลัน

 

“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ขอท่านเมตตาไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ! ขอใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เห็นแก่ที่ข้าและพี่ใหญ่จงรักภักดีต่อท่านมานานปีเมตตาละเว้นข้าสักครั้งเถอะ!!”

 

ต่อหน้าจักรพรรดิสวรรค์ถ้าถ ซื้อตั๋วผิงที่ถูกผู้เฒ่าหัวจับกลับมาและโยนทิ้งราวขยะก็เร่งคุกเข่าวิงวอนร้องขอชีวิตออกมาไม่หยุด!

 

ถ่าถูนิ่งเงียบไม่ตอบคําชื่อนิ้วผิงไปพักหนึ่งจากนั้นก็ก้มลงมองกล่าวกับชื่อนิ้วผิงเสียงเฉย “ข้าแจ้งเรื่องทั้งหมดให้อานุ่ฟังแล้ว..และมันตอบกลับมาว่า เจ้าต้องรับผิดชอบการกระทําและหายนะเภทภัยที่เจ้าก่อขึ้นครั้งนี้ด้วยตัวเอง”

 

“มันยังบอกข้าอีกว่า…ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันตามเช็ดก้นให้เจ้าเกินพอแล้วแถมครั้งนี้เจ้าถึงกับกล้าล่วงเกินนายน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เสี่ยเทียน มันไม่มีปัญญาปกป้องเจ้าหรอก”

 

พอถ่าถูกล่าวจบคําและสีหน้าของชื่อนิ้วผิงกลายเป็นสิ้นหวังจับใจก็ไม่เห็นว่าถ่าถูลงมืออย่างไรทว่าอยู่ๆก็อุบัติหมอกดําหนึ่งผุดจากความว่างเปล่ามาปกคลุมไปทั่วร่างชื่อป่วผิงจนเมื่อหมอกดําสลายตัวไปร่างชื่อนิ้วผิงก็ไม่อยู่แล้ว คงเหลือแต่กองเลือดชุมพื้นกับแหวนพื้นที่วงหนึ่ง!

 

“ศิษย์หลานต้วน ข้าจัดการเช่นนี้เจ้าพอใจแล้วหรือไม่?”

 

ถ่าถูหันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม

 

“ขอบคุณ อาจารย์ลุงถ่าถู”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยขอบคุณเบาๆ

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหัวกําลังจะเห็นร่างจากไปอีกครั้งถ่าถูกเอ่ยขึ้นว่า “อานูไม่เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจแน่นอนเพราะจะว่าไปทั้งคู่ก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆแต่อย่างใดเพียงแค่อยู่ด้วยกันมานานมากแล้วเท่านั้นอานูจึงเห็นชื่อทั่วผิงเป็นดั่งพี่น้องแท้ๆ”

 

“ตลอดหลาปีที่ผ่านมา ชื่อนิ้วผิงอาศัยเรื่องที่อานูเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามใต้บัญชาอัน ดับ 1 ของข้า ออกไปก่อเรื่องสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ผู้คนมากมายและสุดท้ายก็เป็นอานูที่ออกไปตามล้างตามเช็ดให้มัน”

 

“คราวนี้ที่ชื่อป่วผิงต้องตาย หากอานูจะโทษใครก็คงมีแต่โทษตัวเองเท่านั้นที่ไม่อบรมสั่งสอนมันให้ดี”

 

“เช่นนั้น เจ้าก็อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองอันใดอานูเลย”

 

ถ่าถูออกหน้ากล่าวปกป้องชื่อนิ้วนไว้ก่อน ด้วยกลัวจะถูกต้วนหลิงเทียนเหมารวมหรือระแวง

 

“อาจารย์ลุงถ่าถู ขอท่านวางใจได้ ข้าไม่ใช่คนพาลที่จะตําหนิใครมั่วชั่ว”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มพลางส่ายหัวไปมา

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหัวก็กล่าวคําอําลาถ่าถุอีกรอบค่อยใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉีเทียนไปยังระนาบเทวโลกแห่งอื่น

 

คราวนี้เขาเสียเวลาไปในระนาบสือฉีเทียนนานพอสมควร

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางเลือกอื่น

 

สุดท้ายแล้วมารดาของเขาลี่หลัว ก็ใส่ใจนิกายฉวินซิ่วมากหากเรื่องของนิกายฉวินซิ่วไม่ได้รับการจัดการให้เรียบร้อยด้วยความเข้าใจที่ต้วนหลิงเทียนมีต่อมารดาเขาลี่หลัว นางไม่มีทางปล่อยวางเรื่องนี้ง่ายๆแน่

 

เรื่องที่เขาให้จักรพรรดิสวรรค์สือฉีเทียนคุ้มครองนิกายฉวินซิ่วแม้ลี่หลัวจะไม่พูดอะไร แต่ตัวนหลิงเทียนก็รู้สึกได้ว่าหินหนักที่กดทับในอกของมารดาสลายหายไปแล้ว

 

เพราะตอนนี้หลัวแลดูผ่อนคลายทั้งโล่งใจกว่าก่อนหน้ามาก

 

“ไปตามหาคนอื่นต่อ…”

 

หลังออกจากสื่อฉีเทียน ต้วนหลิงเทียนก็พาผู้เฒ่าทั่วไปยังระนาบเทวโลกแห่งอื่นที่เขาไม่เคยไปมาก่อนและรอการติดต่อกลับมาจากเหล่าคนที่เขากําลังตามหา

 

“เสี่ยวเฟยเอ๋อ เนี่ยนเทียน เฉวี่ยไน และศิษย์น้องม่อีอี…ที่แท้พวกเจ้าอยู่ระนาบเทวโลก ไหนกัน?”

 

ตอนนี้หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนได้พบเจอคนที่เขาตามหาแล้วหลายคนเขาก็รับทราบถึงสถานการณ์ความเป็นตายของครอบครัวและมิตรสหายที่ถูกจับตัวไปยังดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพโดยละเอียด

 

นอกจากไม่กี่คนที่เขาพบเจอกับเค่อเอ๋อที่ยังอยู่ในดินแดนการล่มสลาแห่งทวยเทพก็เหลือแค่ลี่เฟย ต้วนเนียนเทียนหานเฉวี่ยไนและมู่อีอีเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่

 

ส่วนคนอื่นๆตกตายไปหมดสิ้นแล้ว

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงบังเกิดความร้อนใจ หมายตามหาคนที่เหลือให้พบโดยเร็วที่สุด ด้วยกลัวจะมาทราบข่าวร้ายภายหลังว่าเกิดเรื่องกับทุกคนขึ้นในระนาบเทวโลก

 

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับลี่หลัว ทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหนาวยะเยือกจับไขสันหลังนัก!

 

“พี่ใหญ่ต้วน ศิษย์พี่ม่อีอีตอบกลับมาแล้ว!”

 

หลังจากผ่านระนาบเทวโลกไปอีกนับโหล ในที่สุดเสียงของเพิ่งเทียนหวี่ก็ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียนทําให้สองตาต้วนหลิงเทียนเป็นประกายขึ้นมาทันที

 

ตอนนี้ระนาบเทวโลกที่ต้วนหลิงเทียนอยู่เรียกว่า ลั่วสุ่ยเทียน

 

“ศิษย์น้องม่อีอีอยู่ที่ไหน!?”

 

ถึงแม้อายุอานามของมู่อีอีจะไม่ได้น้อยไปกว่าเขาเลย แต่ตําแหน่งใน 7 ทวาราเที่ยงแท้ของเขามีลําดับสูงกว่านาง ตัวเขาเป็นผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลําดับที่ 1 หมอกพิรุณ ส่วนมู่อีอีก็คือผู้สีบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลําดับที่ 2 ความลับสวรรค์ เช่นนั้นมู่อีอีจึงถือเป็นศิษย์น้องของเขา

 

อย่างไรก็ตามเฟิงเทียนหวี่เป็นผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลําดับที่ 5 หงส์ฟ้าจรัสแสงก็เลยเรียกหาผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลําดับ 2 ความลับสวรรค์อยย่างมู่อีอีว่าศิษย์พี่