ตอนที่ 3407

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3407 : ทําลายนางเสีย

 

ประมุขนิกายลั่วสุ่ย หรือจักรพรรดินีแห่งลุ่ยสั่วเทียนนั้น ให้กําเนิดลูกสาวฝาแฝดคู่หนึ่ง

 

ฝาแฝดคนพี่ ในปัจจุบันก็ดํารงตําแหน่งธิดาเทพของนิกายลั่วสุ่ย ส่วนอีกคนก็คือผู้ที่กําลังหลอมกลืนวิญญาณมู่อีอีเพื่อช่วงชิงร่างกาย

 

ในปีนั้น หลังจากที่จักรพรรดินีลั่วสุ่ยเทียนให้กําเนิดลูกสาวฝาแฝดออกมาไม่ทันไร ฝา แฝดคนน้องก็ถูกศัตรูของนางลงมือทําร้ายจนร่างกายแหลกเหลว ยากที่จะรอดชีวิตอยู่ได้

 

อย่างไรก็ตาม จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนได้ใช้วิชาลับดึงวิญญาณของลูกสาวคนเล็กออกมาได้ทันท่วงที และปล่อยให้วิญญาณของนางเติบโตในร่างของลูกสาวคนโต

 

ด้วยเหตุนี้ถึงแม้นางจะบอกกล่าวต่อโลกภายนอกว่านางมีลูกสาวแค่คนเดียว แต่ที่จริงแล้วในร่างของลูกสาวนางกลับมีวิญญาณของลูกสาวคนเล็กดํารงอยู่

 

แน่นอนว่าร่างกายของลูกสาวคนโต ไม่อาจมอบให้ลูกสาวคนเล็กได้ เพราะอย่างไรก็เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของนางเช่นกัน

 

เช่นนั้น ก่อนที่จะหาร่างกายที่เหมาะสมให้ลูกสาวคนเล็กของนาง ก็จําต้องปล่อยให้วิญญาณของลูกสาวคนเล็กเติบโตภายในร่างของลูกสาวคนโตไปก่อนเท่านั้น

 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จักรพรรดินีลั่วสุ่ยเทียนไม่พบเจอร่างที่น่าพึงพอใจสําหรับลูกสาวคนเล็กของนางเลย

 

จนวันหนึ่งมู่อีอีก็ได้เข้าร่วมนิกายลั่วสุ่ย และเป็นศิษย์อัจฉริยะที่ก้าวหน้ารวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายลั่วสุ่ย พออยู่ในนิกายได้ร้อยปี ก็ทําให้ธิดาเทพของนิกายตั๋วสุ่ยพึงพอใจถึงขั้นรับนางมาเป็นศิษย์…สิ่งนี้ทําให้เหล่าศิษย์ของนิกายลั่วสุ่ยทั้งหลายทั้งอิจฉาและเกลียดชังนางไม่น้อย

 

เพราะธิดาเทพไม่เคยรับลูกศิษย์มาก่อน!

 

ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้นิกายยลั่วสุ่ยจะมีประมุข ทว่าด้วยความที่ประมุขเองก็ดํารงตําแหน่งจักรพรรดินีสวรรค์ของลั่วสุ่ยเทียนและมีสิ่งที่ต้องจัดการมากมาย ทําให้เรื่องราวทุกอ ย่างในนิกายถูกมอบหมายให้ลูกสาวคนโต ซึ่งเป็นธิดาเทพจัดการ

 

กล่าวได้ว่าฐานะของธิดาเทพ ประหนึ่งตัวประมุข ผู้อาวุโสทั้งหลายจําต้องฟังคําพูดของนาง

 

กระทั่งจักรพรรดิอมตะสมญานามของนิกายลั่วสุ่ย ก็ต้องฟังคําพูดของนางไม่มีข้อยกเว้น

 

เรื่องราวที่ดําเนินต่อมาภายหลังก็ราบรื่นนัก มู่อีอี ที่กลายเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของธิดาเทพก็มีฐานะในนิกายไม่น้อย..อย่างไรก็ตามมู่อีอีไม่ได้รู้ตัวเลย ว่านางได้ถูกธิดาเทพรับมาเป็นศิษย์เพื่อทําหน้าที่เป็นภาชนะให้วิญญาณของน้องสาวฝาแฝดเท่านั้น

 

และเนื่องจากธิดาเทพต้องการให้วิญญาณของน้องสาวฝาแฝดช่วงชิงร่างของมู่อีอีได้อย่างสมบูรณ์ ธิดาเทพจึงดูแลเอาใจใส่มู่อีอีเป็นอย่างดี ปลูกฝังความคิดว่าธิดาเทพจะไม่มีวันทําร้ายตัวนางเอาไว้อย่างลึกล้ํา วันหนึ่งธิดาเทพก็บอกให้มู่อีอีฝึกวิชาลับบางอย่างเพื่อความก้าวหน้า ซึ่งเคล็ดวิชาดังกล่าวก็ทําให้วิญญาณของผู้ฝึกเสมือนตกอยู่ในห้วงนิทรา สิ้นสูญการควบคุมร่างไปชั่วขณะหนึ่ง สุดท้ายจึงถูกวิญญาณฝาแฝดคนน้องของธิดาเทพบุกเข้ามาหลอมกลืนวิญญาณอย่างไรต้านทาน

 

กล่าวไปก็ไม่มีการต้านทานใดๆเลยด้วยซ้ํา

 

‘ข้าหลอมกลืนวิญญาณของมู่อีอีมาร้อยกว่าปีแล้วตอนนี้เหลืออีกแค่ 10 ปีเท่านั้น ข้าก็จะหลอมกลืนวิญญาณนางได้โดยสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นข้าก็จะได้รับความทรงจําทั้งหมด และยึดครองร่างนางได้อย่างสมบูรณ์!’

 

ธิดาเทพแห่งนิกายลั่วสุ่ยมีนามว่า เฟิงเจียนอวี่ ส่วนฝาแฝดคนน้องที่กําลังชิงรางมู่อีอีเรียกว่า เฟิงเจียนเสวี่ย และบัดนี้ใจของเฟิงเจียนเสวี่ยก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกครั้งยิ่งใหญ่

 

หากล่วงรู้แต่แรกว่าจะถูกผู้อื่นมองออก นางคงไม่ตอบรับคําศิษย์น้องหญิงในความทรงจําของมู่อีอี และออกมารอหน้านิกายลั่วสุ่ยแบบนี้

 

กระทั่งยังไม่เคยคิดฝัน ว่านางจะถูกลักพาตัวมาทันทีที่พบเจออีกฝ่าย

 

ยิ่งไปกว่านั้นผู้อื่นยังทําให้นางสิ้นสติขณะพาตัวนางมา

 

พอเฟิงเจียนเสวี่ยตื่นขึ้นมาและพบว่าอยู่ในสถานที่แปลกตา แถมศิษย์พี่ของมู่อีอีก็สามารถเรียกผู้เชี่ยวชาญทักษะวิญญาณมาจัดการนางได้อีก!

 

ความแข็งแกร่งของชายทรงผมประหลาดช่างสูงนัก แค่พลังวิญญาณของอีกฝ่ายชําแรกเข้ามาไม่ทันได้ทําอะไร นางก็รู้สึกกดดัน เสมือนวิญญาณของนางกําลังจะถูกพลังมหาศาลกดทับจนแทบสลาย

 

ถึงแม้พี่สาวฝาแฝดของนางจะเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ ทว่าตัวนางที่มาอาศัยอยู่ในร่างของพี่สาวฝาแฝด วิญญาณของนางก็ไม่อาจเติบโตก้าวหน้าได้เท่าเทียมวิญญาณของพี่สาวฝาแฝด

 

ระดับวิญญาณของพี่สาวฝาแฝดนางตอนนี้ บรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตําหนักแล้ว

 

ทว่าวิญญาณของนางยังงมีระดับแค่จอมราชันอมตะ 10 ทิศเท่านั้น ห่างชั้นกับพี่สาวฝาแฝดของนางมาก

 

“ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้วสินะ”

 

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่าง ‘มู่อีอี’ ด้วยสีหน้าเย้ยหยันสายตาเย็นชา กล่าวได้ว่าสตรีเบื้องหน้าหาใช่ศิษย์น้องของเขามู่อีอีอีกต่อไป เป็นแค่คนที่กําลังหลอมกลืนวิญญาณของมู่อีอี และได้รับความทรงจําบางส่วนของมู่อีอีมาเท่านั้น

 

มู่อีอี เป็นผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลําดับที่ 2 ความลับสวรรค์ เช่นนั้นนาง ก็ถือว่าเป็นศิษย์น้องหญิงของเขา

 

มู่อีอีประสบพบเจอเรื่องแบบนี้ ตัวเขาไหนเลยจะนิ่งดูดายได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาไม่ได้มาพบเจอนาง เกรงว่าภายภาคหน้าม่อีอีที่เขารู้จักคงสาบสูญไปชั่วกาล!

 

หากไม่ใช่เพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ มู่อีอีไหนเลยจะถูกจับตัวขึ้นไปยังระนาบเทพ ทําให้เส้นทางชีวิตของนางพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่

 

กล่าวได้ว่าหากมู่อีอีไม่ติดหางเลข ถูกอวิ๋นชิงเหยียนจับตัวไปดินแดนการล่มสลายของทวยเทพล่ะก็ มู่อีอีคงไม่ก้าวหน้าเร็วไว จนเข้าสู่นิกายลั่วสุ่ยได้ เพราะที่ไฉนนางเข้าสู่กายลั่วสุ่ยได้ก็เพราะพรสวรรค์และความเข้าใจของนางทั้งสิ้น

 

และเหตุผลเดียวที่พรสวรรค์รวมถึงความเข้าใจของมู่อีอียกระดับขึ้นไปครั้งใหญ่ ไม่ใช่เพราะได้รับการชําระขัดเกลาจากพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพหรือไร?

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

“มู่อีอี” สูดอากาศเข้าลึกๆ ก่อนที่สีหน้าของนางจะผ่อนคลายลง “ตอนนี้วิญญาณ ส่วนใหญ่ของมู่อีอีถูกข้าหลอมกลืนจนใกล้เป็นส่วนหนึ่งของข้าโดยสมบูรณ์แล้ว…ต่อให้ข้าจะออกจากร่างกายของนางไป แต่เกรงว่าวิญญาณของนางส่วนที่ถูกข้าหลอมกลืนไปแล้ว ก็คงไม่อาจรักษาให้ฟื้นคืนดังเดิม! ยิ่งไปกว่านั้นเพราะวิญญาณที่สูญเสียไปดังกล่าว เกรงว่าสติปัญญาของนางจะไม่สมประกอบอีกต่อไป สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับตัวโง่งม”

 

“ข้ารู้ว่านางเป็นศิษย์น้องหญิงของเจ้าเช่นนั้นขอเพียงเจ้าไม่ลงมือทําอะไรข้า และส่ง ข้ากลับไปยังนิกายลั่วสุ่ย ข้าสามารถปล่อยผ่านเรื่องวันนี้ไปได้”

 

“หาไม่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วพี่สาวฝาแฝดรวมถึงท่านแม่ของข้า ต้องรู้เรื่องของเจ้าแน่!”

 

“เพราะก่อนที่ข้าจะออกมาพบเจ้าหน้านิกายลั่วสุ่ย ข้าได้บอกพี่สาววฝาแฝดของข้าไปแล้วว่าข้าจะออกมาทําอะไรยังบอกนางอีกว่าคนที่ข้าจะมาพบก็คือเจ้า ต้วนหลิงเทียน ศิษย์พี่ของมู่อีอีจากระนาบเซียน!”

 

วาจาที่ “มู่อีอี” เอ่ยออกมา ไม่ขาดการคุกคามแม้แต่น้อย

 

“ไม่อาจรักษาให้หายดีดังเดิม?”

 

“สติไม่สมประกอบ?”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองโม่เหอด้วยสายตาไถ่ถาม

 

“นายน้อย…เรื่องที่นางกล่าวเป็นความจริง”

 

โม่เหอก็พยักหน้าขานคําโดยพลัน สีหน้ายังเคร่งขรึมจริงจัง “วิญญาณส่วนใหญ่ของศิษย์น้องหญิงท่านถูกนางหลอมกลืนไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าต่อให้พวกเราจะกําจัดกา ฝากชิงร่างคืนกลับให้ศิษย์น้องหญิงของท่าน แต่วิญญาณส่วนที่เหลือของศิษย์น้องหญิงท่านก็ไม่อาจรักษาได้แล้ว”

 

สีหน้าต้วนหลิงเทียนทรุดลงทันที สองตาฉายแววแหลมคม เอ่ยถามออกมาเสียงหนัก “แล้ว ถ้าหากให้ศิษย์น้องหญิงข้าเป็นฝ่ายหลอมกลืนวิญญาณที่กําลังชิงร่างนางแทนล่ะ?”

 

“ฮ่าๆๆ!”

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคํา “มู่อีอี” ที่ถูกผู้เฒ่าหัวสะกดร่างให้ไม่อาจเคลื่อนไหวบนเตียง ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า “เปล่าประโยชน์! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่วิญญาณของนางไม่มีปัญญาหลอมกลืนวิญญาณของข้าได้ ต่อให้นางจะมีปัญญาหลอมกลืน แต่เจ้าคิดว่าข้าจะอยู่นิ่งๆปล่อยให้นางหลอมกลืนวิญญาณของข้ารึ?”

 

“ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้เจ้าเหลือทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…ส่งข้ากลับไปยังนิกายลั่วสุยเสีย! ด้วยวิธีนี้ต่อไปเจ้าก็ถือว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับข้า วันหน้าหากเจ้าพบพานปัญหาใดยากแก้ไขก็สามารถไปขอความช่วยเหลือจากข้าที่นิกายลั่วสุ่ยได้”

 

“พี่สาวฝาแฝดของข้าเป็นถึงธิดาเทพของนิกายลั่วสุ่ย มารดาของข้าก็เป็นถึงประมุขนิกายลั่วสุ่ยรวมถึงจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน!”

 

“การที่เจ้าสานไมตรีกับข้าได้ นับเป็นพรของเจ้าแล้วต้องทราบด้วยว่าคนธรรมดาต่อให้คิดสานไมตรีกับข้าให้ตาย พวกมันยังไม่มีแม้แต่โอกาส!”

 

“มู่อีอี” มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสีหน้ามั่นใจ ราวกับเชื่อมั่นว่าต้วนหลิงเทียนต้องหลงคารมนางแน่

 

เป็นธรรมดาว่าทุกถ้อยคําวาจาที่นางเอ่ยออก ล้วนโกหกทั้งเพ

 

นางตัดสินใจไปแล้ว

 

รอให้ต้วนหลิงเทียนพานางไปส่งที่นิกายลั่วสุ่ยเมื่อไหร่ นางจะให้ต้วนหลิงเทียนตายไร้ที่ฝัง!

 

เพราะทันทีที่ย้อนกลับไปถึงนิกายลั่วสุ่ย ชีวิตของต้วนหลิงเทียนก็เสมือนอยู่ในกํามือของนางโดยสมบูรณ์

 

เมื่อครู่หลังจากที่ “มู่อีอี” ได้สติ นางก็ลอบส่งข้อความไปถึงพี่สาวฝาแฝดก่อนใดอื่น หากทว่าไม่ได้รับการตอบกลับใดๆจากพี่สาว

 

แม้แต่ข้อความที่นางส่งไปหามารดา รวมถึงผู้ติดตามก็ไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ

 

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ทําให้นางตระหนักได้ทันทีว่านางสมควรถูกพาตัวออกจากลั่วสุ่ยเทียนเรียบร้อยแล้ว

 

“ศิษย์น้องหญิงอีอี…”

 

สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์บั้นยากนัก เขาหลงคิดว่าเป็นเรื่องดีจริงๆ ที่ศิษย์น้องหญิงมู่อีอีของเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่านางจะตกอยู่ในสภาพอยู่ก็เหมือนตายแบบนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่มีวิธีจะช่วยนางได้เลย

 

ความสามารถของโม่เหอมีแค่ไหนผู้เฒ่าหัวบอกเขาหมดแล้ว ต่อให้มองไปทั่วระนาบ เทวโลกทั้งมวล แต่ความสามารถในการใช้ทักษะวิญญาณของโม่เหอก็ถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ

 

“ไม่มีทางช่วยนางได้เลยหรือ…ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพก็ไม่มี?”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปส่งเสียงผ่านพลังกล่าวถามโม่เหอ

 

“นายน้อย เรื่องนี้ต่อให้เป็นตัวตนระดับเทพยื่นมือเข้าช่วยก็เปล่าประโยชน์ เพราะสิ่งที่นางสูญเสียไปก็คือวิญญาณอันเป็นรากฐานและตัวตนของบุคคล และนี้ไม่ใช่อาการบาดเจ็บ แต่เสมือนวิญญาณขาดหายไปเลย…ไม่อาจกู้คืนกลับมาได้อีกแล้ว”

 

โม่เหอก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับ

 

“ดี! ดีมาก!!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงเยียบเย็น สองตาหันไปมองจ้องม่อีอีเขม็ง เอ่ยออกด้วยน้ําเสียงอํามหิต “ในเมื่อไม่มีหนทางช่วยศิษย์น้องหญิงอีอีได้แล้วเช่นนั้นก็ทําลายวิญญาณนังชั่วนี้ที่คิดชิงรางของศิษย์น้องหญิงข้าเสีย!”

 

“ต่อให้วิญญาณของศิษย์น้องหญิงอีอีที่หวนกลับมาครองร่างจะไม่สมบูรณ์ และกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ แต่อย่างน้อยข้าก็สามารถให้นางมีชีวิตที่ดีได้!”

 

ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจได้แล้ว

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคํา สีหน้า “มู่อีอี” ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้ากําลังทําอะไรอยู่ เจ้าคิดจะฆ่าข้าลูกสาวแท้ๆของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน! ลูกสาวคนเล็กที่ท่านแม่รักเป็นที่สุด!!”

 

“หากเจ้าฆ่าข้า พวกเจ้าทั้งหมดได้จบเห่แน่! กระทั่งทุกคนที่อยู่รอบตัวเจ้าก็ต้องจบ สิ้นกันหมด!!”

 

“มู่อีอี” เอ่ยออกเสียงเหี้ยม

 

ได้ยินคําสั่งประหารของต้วนหลิงเทียน โม่เหอก็ได้แต่คลี่ยิ้มขึ้นขม “นายน้อย ท่านคิดทําเช่นนี้จริงๆหรือ หากสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง นางนางจะอย่างไรก็เป็นลูกสาวของจักรพรรดินี สวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน…ข้าเกรงว่า…”

 

สําหรับโม่เหอ การฆ่าลูกสาวของตัวตระดับจักรพรรดิสวรรค์นั้น เป็นเรื่องที่บ้าคลั่งอย่างมาก!

 

ถึงแม้ความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน จะไม่อาจเทียบชั้นจักรพรรดิสวรรค์เมี่ยเทียนได้ แต่เรื่องใหญ่โตแบบนี้ก็ทําให้มันลังเลจนไม่กล้าลงมือส่งเดช!

 

“ผู้อาวุโสโม่เหอ ท่านอย่าได้ลังเลอันใด เพียงลงมือเสีย! เรื่องหลังจากนี้ข้าจะรับไว้คนเดียว ผู้เฒ่าหัวสามารถเป็นพยานให้ข้าได้!”

 

ขณะพูดต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองผู้เฒ่าหัว

 

ผู้เฒ่าหัวก็หันไปมองโม่เหอในเวลาที่เหมาะสม พลางกล่าว “โม่เหอ ลงมือเสีย…ก็แค่จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ต่อให้นางรู้เรื่องที่นายน้อยฆ่าลูกสาวนาง อาศัยตัวนางจะมีปัญญาฟาดงวงฟาดงาอันใด สุดท้ายก็ได้แต่กล้ํากลืนลงท้องถ่ายเดียว!”

 

พอเห็นผู้เฒ่าหัวกล่าวรับประกันออกมา โม่เหอก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆสืบไป พลังวิญญาณอันกล้าแข็งแผ่พุ่งเข้าสู่ร่าง “มู่อีอี” อีกครั้ง

 

จังหวะนี้สีหน้า “มู่อีอี” ก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง กระทั่งสองตายังฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ

 

“อ้า !!”

 

จากนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดถึงขีดสุดก็ดังลั่นออกจากปาก “มู่อีอี ชวนให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกขนลุกอยู่บ้าง

 

“ต้วนต้วนหลิงเทียนเจ้า…เจ้าที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่?!”

 

“มู่อีอี” ที่หวีดร้องด้วยความเจ็บปวด เอ่ยถามด้วนหลิงเทียนออกมาอย่างไม่เต็มใจ เพราะฟังจากคําพูดของผู้เฒ่าหัวเมื่อครู่ นางก็สําเหนียกได้ว่าต้วนหลิงเทียนมีความเป็นมาไม่ธรรมดา!

 

ต้วนหลิงเทียนในความทรงจําของมู่อีอีที่นางได้มาตอนหลอมกลืนวิญญาณ ก็มีแค่ช่วงที่ยังอยู่ในระนาบเซียนเท่านั้น!

 

“ที่นี่คือพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน…แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้พูดอะไร เป็นผู้เฒ่าหัวที่เอ่ยออกมาแทนเขา “นางน้อยเป็นศิษย์ที่แท้จริง เพียงหนึ่งเดียวของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เรา!”