บทที่ 2509 ตั๊กแตนตำข้าวมัวแต่จับจั๊กจั่นแต่กลับมีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง + ตอนที่ 2510 เด็กหายไปแล้ว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2509 ตั๊กแตนตำข้าวมัวแต่จับจั๊กจั่นแต่กลับมีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง

เหมยเหมยเตรียมตัวจะไปซื้อของกับสองแม่ลูกคู่นี้ เธอเคยได้ยินมานานแล้วว่าเวชสำอางในประเทศญี่ปุ่นดีมากเพราะทั้งถูกและดี อีกครู่จะซื้อเยอะ ๆหน่อย หลังจากกลับประเทศไปคอยมอบเป็นของฝากให้เพื่อน ๆ

ดูท่าทางคุณแม่คนนี้น่าจะคุ้นเคยเกียวโตเป็นอย่างดี กินข้าวเสร็จก็ตามเธอไปชอปปิงคงซื้อไม่ผิดแน่นอน!

แม่ลูกทั้งสองคนทานอาหารช้ามาก อีกอย่างมารยาทบนโต๊ะอาหารก็ดีมากเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าเครื่องประดับและเสื้อผ้าของแม่จะดูสีเรียบไม่ฉูดฉาดแต่ก็เป็นแบรนด์เนมทั้งตัวซึ่งราคาสูงลิ่ว อีกทั้งโรงแรมที่เหมยเหมยเลือกก็เป็นโรงแรมห้าดาว ระดับบนสุดราคาสูงถึงสองเท่า มนุษย์เงินเดือนทั่วไปคงไม่เลือกโรงแรมแบบนี้แน่นอน

ซึ่งพอจะมองออกว่าสถานะทางการเงินของสองแม่ลูกคู่นี้จะต้องดีมากอย่างแน่นอน

เพื่อรอสองแม่ลูกคู่นี้เหมยเหมยจึงชะลอความเร็วในการรับประทานอาหารลงเช่นกัน ไม่ง่ายเลยแต่สุดท้ายก็ทานเสร็จสักที สองแม่ลูกจึงเดินทางออกจากโรงแรมไป พวกเขาไม่ได้เรียกแท็กซี่แต่ค่อย ๆเดินไป ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาวางแผนที่จะเดินไปมากกว่า

เนื่องจากตอนนี้เป็นฤดูดอกซากุระบานจึงมีนักท่องเที่ยวเดินขวักไขว่ไปมาตามท้องถนนอย่างหนาแน่น อีกทั้งโทนสีผิวก็แตกต่างกันไป พวกเขาต่างเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว

เหมยเหมยจับมือเด็กทั้งสองคนไว้แน่นแล้วเดินตามสองแม่ลูกสู่ถนนสายหนึ่งที่แสนคึกคักซึ่งดูท่าทางจะเป็นถนนคนเดินในย่านธุรกิจแห่งหนึ่ง ผู้คนหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นราวกับกระแสน้ำที่ไหลทะลักเข้ามา หลังจากนั้นไม่นานเธอก็คลาดกับสองแม่ลูกคู่นี้

หาอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่เจอเหมยเหมยจึงตัดสินใจไม่หาแล้ว บนถนนสายนี้มีร้านค้าตั้งอยู่มากมายซึ่งมีสินค้านานาชนิด เธอค่อย ๆเดินหาซื้อเองแล้วกัน!

หลังจากซื้อไอศกรีมให้เด็กทั้งสองคนแล้ว เหมยเหมยก็แวะซื้อของตามร้านค้าต่าง ๆไปเรื่อย ๆ ไม่นานในมือก็เต็มไปด้วยถุงหลายใบพลันเธอก็อารมณ์ดีขึ้นมา

ของวิเศษที่ช่วยทำให้อารมณ์ดี นอกจากการเอาคืนอย่างเหี้ยมโหดแล้วก็การชอปปิงนี่แหละ!

แต่เหมยเหมยกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีชายชุดดำคอยตามประกบพวกเขาอยู่ หมวกเสื้อฮู้ดคลุมศีรษะดึงลงมาต่ำมากจนไม่เห็นใบหน้าของเขาเลย แต่ดูจากสัดส่วนและส่วนสูงของร่างกายน่าจะเป็นผู้ชายที่แข็งแรงกำยำพอสมควร

ผู้ชายคนนั้นเดินสะกดรอยตามเหมยเหมยทุกฝีก้าว เนื่องจากผู้คนสัญจรไปมาเยอะมากเหมยเหมยจึงไม่ทันสังเกตเห็น เธอยังคงชอปปิงต่อไปอย่างมีความสุข เธอไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของลูก ๆเลย ในเมื่อมีเสวี่ยเอ๋อร์และฉิวฉิวอยู่ เท่านี้ก็มีประโยชน์มากกว่าบอดี้การ์ดของประธานาธิบดีแล้ว

ในแววตาของชายชุดดำมีแสงวาบพาดผ่านพลันจ้องเสี่ยวเป่าแน่นิ่ง ช่างเป็นเด็กที่งดงามจริง ๆ…

ผู้ชายคนนั้นค่อย ๆขยับเข้าใกล้พวกเด็ก ๆแต่เขากลับไม่รู้ว่าตั๊กแตนตำข้าวมัวแต่จับจั๊กจั่นแต่กลับมีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง[1]… ขณะที่เขาอยู่ห่างจากเสี่ยวเป่าสี่หรือห้าเมตรก็มีชายสองคนในวัยสามสิบกว่าโผล่ออกมาทันทีแล้วเข้าไปขวางหน้าเขาไว้พร้อมแผ่รังสีอาฆาตออกมาจ้องเขาอย่างเย็นชา

“สงบเสงี่ยมซะบ้าง!”

ผู้ชายสองคนนั้นกลับไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่ตักเตือนเท่านั้น คุณชายหมิงสั่งเอาไว้ว่าแค่ปกป้องภรรยาและเด็ก ๆก็พอ อย่าลงมือถ้าไม่จำเป็น

ผู้ชายคนนั้นตระหนักได้ในทันทีว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวเข้าแล้วจึงล้มเลิกแผนเดิมในทันที จากนั้นก็หมุนตัวจากไป

ไม่เป็นไร…เพราะเขายังมีเป้าหมายที่สอง วันนี้ไม่ชวดมือเปล่าแน่นอน

ลูกน้องสองคนนั้นไม่ได้ตามไป หลังจากชายชุดดำจากไปพวกเขาก็พุ่งตัวเข้าไปในฝูงชนอีกครั้งแล้วหายไปอย่างเงียบ ๆ

เสี่ยวเป่าที่ทานไอศกรีมอยู่ จู่ ๆก็เหลือบหันมามองทางนี้พร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย

เหมยเหมยกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด เธอกำลังเลือกผ้าพันคออยู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอันตรายได้ผ่านตัวเธอไปอย่างเงียบ ๆ

มุมหนึ่งไม่ไกลนักมีชายร่างสูงผิวขาวสองคนอาบแดดอย่างมีความสุข สีหน้าท่าทางดูเกียจคร้านและเหนื่อยหน่าย

“นายว่าคนที่ว่าจ้างพวกเราสมองมีปัญหาหรือเปล่า?”

“ใครจะไปรู้…อย่างไรเสียขอแค่พวกเรามีเงินเข้าก็พอ ทริปนี้ก็ถือว่าพักผ่อนไป!”

“ก็ใช่เนอะ…ได้เงินก็เยอะ แถมได้เที่ยวพักโรงแรมห้าดาวอีกต่างหาก…..สิ่งดี ๆแบบนี้ฉันขอภาวนาให้เจอทุกวันไปเลย…ฮ่า ๆ!”

……

…………………………………………

ตอนที่ 2510 เด็กหายไปแล้ว

เวลาชอปปิงมักจะผ่านไปเร็วเสมอซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็ปาไปช่วงมื้อเที่ยงแล้ว ในมือของเหมยเหมยมีถุงเพิ่มขึ้นมากจนมือทั้งสองข้างแทบแบกไม่ไหว เธอไม่สามารถเก็บมันในช่องมิติภายใต้สายตาของทุกคนได้ เธอจึงทำได้แค่โทรหาทางโรงแรมเพื่อให้ทางโรงแรมส่งคนมาเอาของกลับไปก่อน

เธอยังต้องชอปปิงต่ออีกนะ!

ให้เหยียนหมิงซุ่นทำงานหาเงินอยู่บ้าน เธอก็รูดบัตรอย่างมีความสุขไปสิ!

“แม่…หนูหิวแล้ว!” เล่อเล่อกุมท้องอย่างเบื่อหน่าย เธอไม่ชอบชอปปิงเลยแม้แต่น้อย ถนนทั้งสายไม่เห็นมีเนื้ออร่อย ๆเลย มีอะไรให้ชอปปิงกัน!

“พวกเราไปทานพิซซ่ากัน…”

เมื่อครู่ตอนที่เธอเดินผ่านเธอเห็นพิชซ่าร้านหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไม่ถึงห้าสิบเมตร ตอนเที่ยงทานอะไรง่าย ๆไปก่อน ตอนเย็นค่อยทานมื้อใหญ่แล้วกัน

เด็ก ๆกลับมีความสุขมาก ดีอกดีใจกันยกใหญ่เชียว

ตอนเดินมาถึงร้านพิชซ่าก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายราวกับว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าและกำมือเด็กทั้งสองคนแน่นโดยไม่รู้ตัว

“เสี่ยวเป่า เล่อเล่อ อย่าเดินซี้ซั้วนะ!”

เสียงร้องครวญครางของผู้หญิงเบื้องหน้าดังขึ้นเรื่อย ๆและรู้สึกได้ถึงความเศร้าเสียใจอย่างมาก เธอรู้สึกคุ้นเสียงนี้อยู่บ้าง

“คุณน้า…เป็นคุณน้าคนนั้นครับ!” อยู่ดี ๆเสี่ยวเป่าก็เอ่ยขึ้น

“คนไหนเหรอ?” เหมยเหมยยังฟังไม่เข้าใจ

“คุณน้าที่อยู่ห้องตรงข้ามเราไง เขามีลูกชายด้วย!” เสี่ยวเป่าอธิบาย

เวลานี้เหมยเหมยถึงเข้าใจ ที่แท้ก็คือแม่ผู้อ่อนโยนและเข้มงวดคนนั้นนั่นเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้คุณแม่คนนี้สติหลุดในที่สาธารณะเช่นนี้

“อิจิโร่…ลูกอยู่ไหน…อย่าทำให้แม่ตกใจสิ…”

ครั้นเดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆถึงพอจะได้ยินเสียงแหบพร่าปนเสียงร้องสะอื้นของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาบ้าง แต่เนื่องจากคนบริเวณนั้นส่งเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจจึงจับใจความไม่ค่อยได้ แต่คลับคล้ายว่ากำลังเรียกหาลูกชายของเธออยู่

เหมยเหมยหัวใจบีบแน่น หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเด็กน้อยที่รู้ความคนนั้น?

เธอบีบมือเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อแน่นโดยไม่รู้ตัวและพยายามฝ่าเข้าไปกลางฝูงชน เธออยากจะเข้าไปดูให้ชัด ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงแม้ว่าแม่ลูกคู่นี้จะเป็นคนญี่ปุ่นแต่ก็ใช่ว่าคนญี่ปุ่นทุกคนจะเป็นคนเลวเสมอไป เธอยังคงมีความประทับใจที่ดีต่อสองแม่ลูกคู่นี้

“รีบโทรแจ้งตำรวจสิ เรื่องแบบนี้ต้องรีบไปหาตำรวจ!” มีคนใช้ภาษาอังกฤษตะโกนขึ้นมา

“เปล่าประโยชน์ เด็กหายไปไม่ถึงชั่วโมง ตำรวจไม่สนใจหรอก” มีอีกคนกล่าวขึ้น

ทุกคนต่างถกเถียงกันไปต่าง ๆนา ๆ แต่ต่างก็กระตือรือร้นช่วยกันคิดหาวิธี

เหมยเหมยมั่นใจแล้ว น่าจะเป็นเด็กผู้ชายที่ชื่ออิจิโร่หายตัวไป มิน่าล่ะแม่ถึงได้ร้อนใจขนาดนี้!

พอเล่อเล่อเห็นแม่ใช้แรงเบียดเสียดเข้าไป เธอจึงกลอกตาไปมาแล้วใช้มืออวบอ้วนทั้งสองข้างออกแรงดันขาของผู้ใหญ่เบื้องหน้าออก จากนั้นก็หันไปตะโกนใส่เหมยเหมยว่า “แม่…รีบเข้าไป!”

เหมยเหมยหันไปยกนิ้วให้เธอ จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ค่อย ๆแทรกตัวเข้าไปเช่นนี้ คนที่ถูกดันขาก็พลันนึกแปลกใจอย่างบอกไม่ถูก…ทำไมถึงควบคุมขาไม่ได้นะ?

ในที่สุดก็เบียดเสียดผู้คนมาอยู่เบื้องหน้าคุณแม่ที่ตอนนี้สติฟุ้งซ่านได้สำเร็จ เธอดูสภาพแย่มากจริง ๆ เท้าเปลือยเปล่า ผมที่มวยเอาไว้อย่างเรียบร้อยหลุดลุ่ยกระเจิง เครื่องสำอางบางเบาบนใบหน้าถูกชะล้างด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตาไร้ซึ่งความสง่างามเฉกเช่นในตอนเช้า

“อิจิโร่…แม่จะพาลูกไปกินเคเอฟซี…ลูกอย่าทำให้แม่ตกใจสิ…รีบออกมาเร็ว ๆ…” คุณแม่คนนั้นยืนร้องไห้อยู่กลางถนนด้วยท่าทีตื่นตระหนก มีหญิงอาวุโสที่เป็นคนท้องถิ่นหลายคนเข้ามาปลอบใจเธอด้วยเสียงอ่อนโยน

“ไม่เจอ…พวกเราไปถามทุกร้านบนถนนสายนี้แล้ว พวกเขาต่างบอกว่าไม่เจอเด็กที่อยู่คนเดียวตามลำพังเลย…”

มีผู้ชายหลายคนวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาซึ่งล้วนแต่เป็นคนในท้องถิ่น พวกเขาน่าจะไปช่วยแม่หาลูก แต่ผลที่ได้กลับทำให้ผิดหวัง

……………………………………………

[1] เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่าจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าจนไม่รู้ว่าอันตรายกำลังจะตามมา