แต่สิ่งที่อยู่เหนือกฎก็คือเกณฑ์ซึ่งอยู่เหนือจักรวาลฟ้าดิน เหมือนดังเช่นวัฏสงสารโบราณที่ยึดกุมลำดับระเบียบของกฎฟ้าดินก็เป็นเกณฑ์อย่างหนึ่งเช่นกัน เป็นเกณฑ์ที่อยู่เหนือกฎฟ้าดินทั้งปวง

เมื่อคนคนหนึ่งยึดกุมเกณฑ์ได้แล้ว ก็จะอยู่เหนือฟ้าดินและได้มีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร……

“พลังแห่งกฎ?”

หลัวซิวเหมือนกำลังนึกคิดอะไรบางอย่างอยู่ ถึงแม้ระยะห่างที่เขาสามารถยึดกุมเกณฑ์ได้นั้นยังอีกยาวไกลมาก ๆ ทว่าเมื่อมีหินนิรันดร์แล้ว เขาพบว่าความเข้าใจในกฎชีวิตของตนมีการตระหนักรู้ในระดับที่ลึกขึ้นโดยปริยาย

ในขณะเดียวกันหลัวซิวก็เข้าใจแล้วเช่นกันว่ามนุษย์หินมดนั่นคือจิตแห่งเกณฑ์ มันจะเลือกเจ้านายด้วยตัวมันเอง และสาเหตุที่เลือกหลัวซิวนั้น ก็ต้องเป็นเพราะเขาเป็นผู้ฝึกกฎชีวิตอยู่แล้ว

ในส่วนของผู้ที่มนุษย์หินมดไม่อยากยอมรับเป็นเจ้านายอย่างมู่ช่าวหวง หรือผู้ที่เคยเข้ามาในแดนเทวนิรันกาลและเคยพบเจอหินนิรันดร์ในอดีตนั้น มันก็จะเลือกที่จะบินหนีโดยตรง

สามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลใจเลยว่าเมื่อมีหินนิรันดร์ก้อนนี้แล้ว ขอแค่หลัวซิวตั้งใจฝึกตน หากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ อนาคตมีโอกาสสูงมากที่เขาจะสามารถยึดกุมความลึกลับและมหัศจรรย์ของเกณฑ์นิรันดร์ และได้มีชีวิตคงอยู่ชั่วนิรันดร

ทว่าหลัวซิวก็เข้าใจดีมาก ๆ เช่นกันว่าการมีชีวิตคงอยู่ชั่วนิรันดรไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวันตาย หากประสบพบเจอกับผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าตน เขาก็ยังมีโอกาสดับสลายสูญสิ้นได้

ในยุคสมัยอันไกลโพ้นนั่น จ้าววัฏสงสารทุกรุ่นของวัฏสงสารโบราณยึดกุมเกณฑ์วัฏสงสารจึงล้วนอยู่เหนือกฎฟ้าดินอยู่แล้ว และได้กลายเป็นผู้มีชีวิตคงอยู่ชั่วนิรันดร!

มาตรแม้นว่าเป็นพวกเขา สุดท้ายก็ยังหายเข้าไปในกลีบเมฆอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นคือวัฏสงสารที่ยึดกุมลำดับระเบียบกฎฟ้าดินก็พังทลายไปด้วย

กระบี่เลือดที่มู่ช่าวหวงกระตุ้นโดยฮู้เทวสรรพสิทธิ์เทียบเท่าการโจมตีหนึ่งของจักรพรรดิเทพ ถึงแม้จะเป็นการโจมตีจากควันหลง ทว่าก็ยังทำให้สภาพอาการบาดเจ็บของหลัวซิวสาหัสมาก ๆ

โชคดีที่สิ่งที่ได้รับบาดเจ็บคือร่างกาย แต่ไม่ใช่วิญญาณหยั่งรู้ มิเช่นนั้นละก็ถึงแม้จะมีร่างอมตะและหินนิรันดร์ ก็ใช่ว่าจะสามารถฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เสมอไป

เวลาผ่านพ้นไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถึงแม้สภาพอาการบาดเจ็บของหลัวซิวจะฟื้นฟูกลับมาตั้งนานแล้ว แต่ทว่าเขากลับไม่ได้เลือกที่จะออกจากการปิดขัง แต่เป็นการใช้หินนิรันดร์ตระหนักรู้ความเร้นลับของกฎชีวิต

เกณฑ์นิรันดร์อยู่เหนือกฎชีวิต ถึงแม้หลัวซิวจะไม่สามารถตระหนักรู้มันได้ก็ตาม แต่ก็สามารถทำให้การตระหนักรู้ในกฎชีวิตของเขาพัฒนาได้รวดเร็วมาก

ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลัวซิวนึกว่าความสามารถในการสู้รบของกฎชีวิตไม่ค่อยทรงพลัง เด่นในเรื่องช่วยเหลือและรักษาบาดแผลมากกว่า แต่จากการที่การตระหนักรู้ในกฎชีวิตของเขายิ่งอยู่ยิ่งลึกซึ้งขึ้น เขาค้นพบว่าในอดีตตนเข้าใจกฎชีวิตเพียงด้านเดียวเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นคือสามารถพูดได้เลยว่าเข้าใจเพียงเปลือกนอกเท่านั้น

กฎการเวียนว่ายตายเกิดนั้นแบ่งออกเป็นสองระดับ การเกิดถึงสุดขีดคือความตาย การตายถึงสุดขีดคือการเกิด ทั้งสองส่งผลกระทบต่อกันและกัน และสามารถช่วยเพิ่มเสริมแก่กันและกันได้ด้วย

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าหากหลัวซิวยินดีละก็ เขาสามารถนำกฎชีวิตผันแปรเป็นกฎความตายได้โดยสิ้นเชิง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว กฎการเวียนว่ายตายเกิดทั้งสองกฎก็จะสมทบกัน ทำให้พลานุภาพเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

หากอยู่ในสถานการณ์ที่สภาพอาการบาดเจ็บสาหัสมาก ๆ ก็สามารถนำกฎความตายผันแปรเป็นกฎชีวิต เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็จะสามารถทำให้ความเร็วในการฟื้นฟูบาดแผลรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากนี้แล้วแดนของกฎชีวิตยิ่งสูง ก็จะทำให้แก่นแท้ชีวีทั้งหมดของนักยุทธ์ยิ่งคึกคักมีชีวิตชีวามากขึ้น ในขณะเดียวกันเมื่อแก่นแท้ชีวียิ่งคึกคักมีชีวิตชีวา ปราณเลือดก็จะยิ่งแข็งแกร่ง!

เมื่อพลังแห่งปราณเลือดยิ่งแข็งแกร่ง เช่นนั้นก็จะสามารถฝึกวิชาบรรพเทพโลหิตขึ้นไปถึงแดนที่สูงยิ่งกว่าได้ เมื่อสายเลือดของตัวเองแข็งแกร่งแล้ว พลังของร่างยุทธ์ร่างเนื้อก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว!

……

พื้นที่ของแดนเทวนิรันกาลกว้างใหญ่มาก ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศนับหมื่นที่มาจากมหาโลกาพันสาม ขอแค่ไม่โชคร้ายแล้วดับสลายสูญสิ้น โดยส่วนใหญ่แล้วทุกคนก็จะได้รับดอกผลที่ค่อนข้างหลากหลายเลย