ตอนที่ 1858: ภูเขาหยินเจ็ดทลาย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1858: ภูเขาหยินเจ็ดทลาย

“ฝ่าบาทต้องล้อเล่นแน่ ๆ ลัทธิปีศาจชั้นฟ้านั้นมีอิทธิพลมากแม้กระทั่งผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของที่ราบทั้งหมดก็ยังกลัวพวกเขา ถ้าลัทธิปีศาจชั้นฟ้ามาสร้างปัญหาขึ้นจริง ๆ คนที่มีพลังอันน้อยนิดอย่างข้าจะทำอะไรได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่จะหยุดพวกเขาเพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย” เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างขมขื่น

ราชาศักดิ์สิทธิ์ส่ายหน้าเบา ๆ “ลัทธิปีศาจชั้นฟ้านั้นทรงพลังจริง ๆ ไกลเกินกว่าที่เราอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนสามารถจัดการได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล เจี้ยนเฉิน เมื่อกองทัพที่เก้าของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าเข้าโจมตีอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยา พวกเขาได้รับความสนใจจากจักรวรรดิโบราณทางภาคใต้. แม้แต่ผู้ปกครองสูงสุดของภาคใต้ จักรวรรดินิรันดร์ตะวันโลหิตก็ยังให้ความสนใจกับสถานการณ์ของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาตลอดเวลา หากลัทธิปีศาจชั้นฟ้ายังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง องค์กรขนาดใหญ่และนิกายต่าง ๆ ในภูมิภาคทางใต้ก็จะหมดความอดทน พวกเขาจะยืนหยัดเพื่อหยุดยั้งพวกนั้นอย่างแน่นอน”

“ฝ่าบาทกำลังพยายามจะบอกว่าเหล่าจักรวรรดิจะช่วยอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาในการต่อสู้กับลัทธิปีศาจชั้นฟ้างั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถาม เขาใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง

เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความอยู่รอดของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยา เขาสนใจว่าจะมีใครบ้างไหมที่จะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เชื่อฟังของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า

นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา เพราะมันจะส่งผลโดยตรงต่อสิ่งที่เขาจะเลือกทำเมื่อเขาเข้ามาพบปะกับลัทธิในอนาคต

“ อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยานำตัวเองตกลงไปสู่การทำลายล้าง แม้ว่าพวกเขาจะมีราชาเทพ 3 คน แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกองทัพที่เก้า หากไม่มีสิ่งใดผิดแปลกเกิดขึ้น อาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาจะถูกลบออกจากแผนที่ของที่ราบเมฆาในไม่ช้า”

“อย่างไรก็ตาม การโจมตีของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าต่ออาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สามหม้อยาเป็นข้อจำกัดที่จักรวรรดิในภูมิภาคสามารถยอมรับได้ หากลัทธิปีศาจชั้นฟ้านั้นกล้าหาญพอที่จะโจมตีอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นวดาราหรือแม้แต่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน เหล่าจักรวรรดิก็จะยืนหยัดเพื่อหยุดพวกเขาอย่างแน่นอน พวกเขาจะไม่เพียงแค่เฝ้าดูลัทธิปีศาจชั้นฟ้าเสริมสร้างอิทธิพลในขณะที่ไม่ทำอะไรเลย ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวลัทธิในตอนนี้” ราชาศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างสงบ เขาพูดโดยไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทำให้เขาดูสงบและใจเย็น

หลังจากนั้นเขาจ้องเจี้ยนเฉินอย่างลึกซึ้งและต่อเนื่อง “ดังนั้นเมื่อเจ้าเจอผู้คนจากลัทธิ เจ้าจะไม่ต้องกังวลกับการแก้แค้นในเวลาแบบนี้ แม้ว่าเจ้าจะฆ่าพวกเขาโดยตรงก็ตาม หากพวกเขาลงมือก่อนอย่างไร้ความปราณี พวกเขาจะเดือดร้อนอย่างหนัก แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่กล้าพอที่จะประกาศสงครามกับจักรวรรดิโบราณหลายแห่งในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ภาคใต้ของเราก็มีจักรวรรดินิรันดร์เช่นกัน”

เจี้ยนเฉินนั่งบนเก้าอี้หินอย่างเงียบ ๆ เขาคิดว่าทำไมราชาศักดิ์สิทธิ์ถึงบอกเขาถึงเรื่องนี้ ราวกับว่าเขามั่นใจว่าผู้คนจากลัทธิจะมา และเขาหวังว่าเจี้ยนเฉินสามารถหยุดหรือฆ่าพวกเขาได้ด้วยตัวเอง

“ในฐานะที่เป็นราชาเทพผู้ยิ่งใหญ่ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่ราชาศักดิ์สิทธิ์จะพูดสิ่งที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ผู้คนจากลัทธิจะมาที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนจริงหรือไม่ ? และพวกเขาจะมาหาหลิงเฮ่ากงจริงหรือ ? ” เจี้ยนเฉินสงสัย เขาค่อนข้างไม่แน่ใจ

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินกลายเป็นสหายกับหลิงเฮ่ากงเมื่อนานมาแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในสุสานของราชาเทพต้วนมู่นานนัก แต่พวกเขาทั้งสองก็มีมิตรภาพที่ลึกซึ้ง ตราบใดที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลิงเฮ่ากงและตระกูลหลิง เจี้ยนเฉินก็จะไม่นิ่งเฉย

หากผู้คนจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้าเข้ามาสร้างความยุ่งยากให้กับตระกูลหลิง เจี้ยนเฉินจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะออกไปช่วยพวกเขาแม้จะไม่มีคำขอของราชาศักดิ์สิทธิ์

แน่นอนว่ามันจะเป็นไปได้หากว่าพวกเขาไม่ใช่ราชาเทพ

หลังจากนั้น ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็มีโอกาสระบุว่าทำไมเขาถึงมา เขาถามราชาศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับสมบัติสวรรค์อื่น ๆ ที่สามารถเยียวยาวิญญาณเหมือนบัวดึงวิญญาณ เขาต้องการรวบรวมบางอย่างเพื่อให้เขาสามารถปลุกไคยะได้

ราชาศักดิ์สิทธิ์พูดหลังจากหยุดไปสักพัก “ข้ารู้ว่ามียาและสมบัติสวรรค์มากมายที่สามารถเยียวยาวิญญาณได้ แต่มีน้อยมากที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าบัวดึงวิญญาณ เจ้าอาจจะพบพวกมันได้เฉพาะในภูเขาหยินเจ็ดทลาย”

“ภูเขาหยินเจ็ดทลาย ? ฝ่าบาท ข้าขอถามว่ามันอยู่ที่ไหน ? ข้าสามารถหาสมบัติสวรรค์ที่ใกล้เคียงกับบัวดึงวิญญาณได้จริงหรือไม่ ? ”

“ภูเขาหยินเจ็ดทลายตั้งอยู่บนเขตแดนระหว่างอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ฉิงหยางและอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ต้าเทียน มันเป็นเทือกเขาที่มักถูกปกคลุมด้วยอณูพิษเจ็ดสี เนื่องจากศักยภาพของอณูพิษและวิธีที่มันทำลายวิญญาณ แม้แต่ราชาเทพก็ไม่อยากที่จะเข้าไปผจญภัยในนั้น ส่วนขั้นเหนือเทพสามารถเคลื่อนที่ได้รอบนอกเท่านั้น เนื่องจากอุปสรรคทางธรรมชาติของอณูพิษ ผู้คนจึงไม่ค่อยเดินเข้าไปในภูเขาเลย โดยธรรมชาติสมบัติสวรรค์ที่พิเศษบางอย่างจะปรากฏขึ้นหลังจากนั้นเป็นเวลานาน”

“แม้ว่าสมบัติสวรรค์เหล่านี้มีจำนวนมากที่เป็นพิษร้ายแรงมาก แต่ก็มีส่วนเล็ก ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับการบ่มเพาะ เจ้าอาจจะสามารถค้นหาสมบัติสวรรค์ที่สามารถรักษาวิญญาณที่นั่น”

ในขณะนี้,ราชาศักดิ์สิทธิ์โบกมือของเขา ต้นไม้สองสามต้นบินลงมาจากส่วนลึกของสวนหลวงทันทีและหล่นลงในมือของเขา หนึ่งในนั้นมีดอกพลังงานดั้งเดิมรวมอยู่ด้วย

“ข้าสามารถบอกได้ว่าเจ้าจำเป้นต้องใช้สมบัติสวรรค์ซึ่งสามารถรักษาวิญญาณได้อย่างเร่งด่วน นี่คือดอกนภาฟ้า 3 ดอก มันสามารถรักษาวิญญาณได้ เว้นแต่ว่ามันไม่ได้ดีเยี่ยมเท่ากับบัวดึงวิญญาณ ข้าจะมอบของขวัญเหล่านี้ให้เจ้าพร้อมกับดอกไม้และสมุนไพรพิเศษอีกสองสามต้น” ราชาศักดิ์สิทธิ์ยื่นมือที่ถือต้นไม้ไปทางเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะยอมรับมัน เขารู้ว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ การยอมรับมันจะเทียบเท่ากับการติดหนี้บุญคุณของราชาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในสถานการณ์แบบไหน มันจะมีประโยชน์ต่อตระกูลเทียนหยวน

“อย่าลังเลที่จะไปดูหอตำราหลวง เจ้าอาจพบสิ่งที่มีประโยชน์ที่นั่น ยิ่งกว่านั้น ข้าจะอนุญาตให้เจ้าคัดลอก ทักษะการต่อสู้และวิธีการบ่มเพาะไปด้วย 3 เล่ม ตราบใดที่มันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับสัจจะขั้น 7 เพื่อที่เจ้าจะได้ใช้พวกมัน” ราชาศักดิ์สิทธิ์กล่าวกับเจี้ยนเฉินในที่สุด มีเพียงผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดที่รู้จักราชาศักดิ์สิทธิ์อย่างถ่องแท้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงดูแลเจี้ยนเฉินเป็นอย่างดี เขามอบทุกสิ่งอย่างละนิดให้กับเจี้ยนเฉิน หากเป็นขั้นเหนือเทพคนอื่น ชายคนนั้นต้องทำคุณประโยชน์ให้กบอาณาจักรอย่างมหาศาลจึงจะได้สิ่งของชิ้นเดียวที่เจี้ยนเฉินได้รับ

อาจกล่าวได้ว่าเจี้ยนเฉินได้รับประโยชน์มากมายแม้จะไม่ได้ทำอะไรเลย

หลังจากกล่าวคำอำลาต่อราชาศักดิ์สิทธิ์ เจี้ยนเฉินก็นึกถึงบรรพชนของครอบครัวโม่ที่นำเกราะระดับเทพของเขาไป และภูเขาหยินเจ็ดทลายที่ตั้งอยู่บนชายแดนของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ฉิงหยางและอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ต้าเทียน ตอนนี้เขาอยากไปที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ฉิงหยางทันทีเพื่อนำเกราะระดับเทพกลับคืนมาจากบรรพชนของครอบครัวโม่ หลังจากนั้นเขาสามารถไปหาสมบัติสวรรค์ได้จากภูเขาหยินเจ็ดทลาย

อย่างไรก็ตามหลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เจี้ยนเฉินตัดสินใจเยี่ยมชมหอตำราหลวงก่อน

เขาได้รับอนุญาตจากราชาศักดิ์สิทธิ์ให้เข้าไปดูหนังสือทั้งหมดในนั้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงระดับ ยิ่งกว่านั้น เขาสามารถนำวิธีการบ่มเพาะและทักษะการต่อสู้ที่ต่ำกว่าระดับสัจจะขั้น 7 กลับไปยังตระกูลของเขาเพื่อให้คนของเขาได้ฝึกฝนมัน

แม้ว่าหนังสือในหอตำราหลวงอาจไม่จำเป็นต้องเป็นประโยชน์สำหรับเขา แต่ทักษะการต่อสู้หรือวิธีการบ่มเพาะที่คัดลอกได้ถึง 3 เล่มนั้นดึงดูดเขาอย่างมาก เขายังรู้สึกตื่นเต้นกับมันราวกับว่าเขาได้เห็นวันที่ตระกูลเทียนหยวนทะยานขึ้นมา

วิธีการบ่มเพาะระดับสัจจะขั้น 6 จะช่วยให้ผู้คนสามารถบ่มเพาะเป็นขั้นเหนือเทพได้โดยตรง ในขณะที่ขั้นเหนือเทพสามารถใช้ทักษะการต่อสู้ในระดับเดียวกันได้เช่นกัน

แม้ว่าเขาจะทิ้งวิธีการบ่มเพาะและทักษะการต่อสู้ระดับขั้นเหนือเทพไว้ที่ตระกูล แต่ก็คงไม่เพียงพอสำหรับพวกเขา

นี่เป็นเพราะไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสมสำหรับวิธีการบ่มเพาะบางอย่าง ยิ่งเขาเตรียมวิธีการบ่มเพาะได้มากเท่าไร คนในตระกูลของเขาก็ยิ่งมีตัวเลือกมากขึ้นเท่านั้น และนั่นจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้พวกเขากลายเป็นคนที่ทรงพลัง